บิ๊กตู่อุบชื่อ สปช.เป็นความลับ ส่งไม้ต่อเลขาฯ ครม.ตรวจสอบ

บิ๊กตู่อุบชื่อ สปช.เป็นความลับ ส่งไม้ต่อเลขาฯ ครม.ตรวจสอบ



ที่บ้านพักรับรองเกษะโกมล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้า คสช. แถลงภายหลังเป็นประธานการประชุม คสช.ชุดใหญ่ เพื่อพิจารณาคัดเลือกสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) จำนวน 250 คนว่า ที่ประชุม คสช. ได้เห็นชอบรายชื่อสปช.จำนวน 250 คน หลังจากที่ตนได้พิจารณามาแล้วเบื้องต้น โดยไม่จำเป็นต้องเข้าที่ประชุม ครม. เนื่องจาก คสช.ดำเนินการตามรัฐธรรมนูญ และจากนี้จะส่งรายชื่อทั้งหมดให้นายอำพน กิตติอำพน เลขาธิการ ครม. ตรวจสอบคุณสมบัติ และนำขึ้นทูลเกล้าฯ ต่อไป
 
ทั้งนี้การประชุม คสช.วันนี้เป็นการหามติรับรองรายชื่อ สปช. ที่ได้รับการคัดสรรหาในรอบที่ 1 ว่าเป็นอย่างไรบ้าง ซึ่งตนได้รับรายงานมาตั้งแต่สัปดาห์ที่ผ่านมา ส่วนหนึ่งจำนวน 550 คน จากจำนวน 7,000 กว่าคน ที่มาจากส่วนกลางและส่วนภูมิภาค ทางคณะกรรมการคัดสรรที่มี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และรมว.กลาโหม เป็นประธาน ทั้งหมด 11 ด้าน ซึ่งได้มีการประชุมคัดกรองกันมาเป็นอย่างดีทุกชั้นประมาณ 3-4 ครั้ง และในจำนวน 550 คน เพื่อให้เกิดความครอบคลุม มีบุคคลที่มีคุณสมบัติเหมาะสมทั้ง 11 เรื่อง จึงได้มีการคัดสรรในระดับที่เรียงลำดับให้ง่ายต่อการที่ คสช.จะพิจารณา เช่น ฝ่ายบริหารราชการแผ่นดินต้องมีทั้งจากส่วนกลาง ส่วนภูมิภาคและส่วนท้องถิ่นโดยภาคประชาชนมีส่วนร่วม เป็นการเกลี่ยเบื้องต้นมาก่อนแล้ว ไม่ใช่เป็นการล็อกใครเข้ามา เป็นการดูสัดส่วนให้เหมาะสม ซึ่ง 550 คนเป็นเรียงลำดับตามความสำคัญมาให้ตนดู
 
ส่วนกลุ่มที่ 2 อีก 385 คน มีขั้นตอนการคัดสรรเป็นอย่างดี จากที่ได้ฟังเจ้าหน้าที่รายงาน โดยมีการคัดสรร 2-3 รอบ ส่วนมีประเด็นเรื่องฮั้ว ตนยังไม่ทราบตอนนี้ เท่าที่ฟังจากที่ประชุมวันนี้และจากคณะกรรมการคัดสรร รับทราบว่ามีการปรับตลอดเวลา เมื่อมีกระแสข่าวในแต่ละเรื่อง ทุกอย่างต้องระมัดระวังมากขึ้น มีการแก้ไขปรับปรุงให้มีความรัดกุม จะได้ไม่เกิดปัญหาในอนาคต
 
“วันเสาร์ และวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ผมไม่ได้เข้าไปทำงาน เพราะต้องดูรายชื่อทั้งหมดจนตาจะแฉะอยู่แล้ว ต้องดูด้วยตัวเองและหารือกับ คสช. เพราะฉะนั้นขั้นตอนจากวันเสาร์ที่ผ่านมาจนถึงวันนี้เป็นเรื่องของ คสช. โดยผมกับ คสช.ได้ทำการบ้านมาเรียบร้อยแล้ว ผมนำรายชื่อมาดูและเรียงลำดับของผมมา วันนี้เป็นการนำรายชื่อมาให้ คสช.ดู เพื่อถามว่ามีมติเห็นชอบร่วมกันหรือไม่ วันนี้ถือว่าโอเค และอนุมัติในหลักการว่าทั้งหมดคือจำนวน 250 คน และกังวลว่าที่หลุดจาก 250 คน จะทำอย่างไร ซึ่งเรากำลังหาช่องทางให้คนเหล่านั้นมาร่วมกระบวนการปฏิรูปได้อย่างไร จึงได้มอบให้สำนักงานเตรียมการปฏิรูปของ คสช. ที่กระทรวงกลาโหมดำเนินต่อไป เพราะมีสำนักงานที่ปรึกษาของสภาปฏิรูปอยู่ ก็ไปจัดกลุ่มว่าที่เหลือจะเข้ามาช่วยงานได้อย่างไร รายชื่อ 250 คน วันนี้ขอเป็นความลับ เพราะต้องนำขึ้นทูลเกล้าฯ ก่อน” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
 
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า หลังจากวันนี้จะมีการตรวจสอบคุณสมบัติอีกครั้งหนึ่ง เมื่อนำมีการโปรดเกล้าฯ แล้วก็จะมี สปช. เกิดขึ้น จากนั้นก็จะมีการเรียกประชุมเพื่อกำหนดประธานและรองประธานต่อไป รวมถึงจะดำเนินการจัดกลุ่มใหม่ 11 กลุ่มอีกครั้ง เพราะบางคณะอาจมีคนมาก และบางคณะอาจมีคนน้อย แต่ละฝ่ายอาจจะไม่เท่ากัน เช่น การศึกษา 700-800 คน แต่ด้านสื่อมี 100 กว่าคน เพราะฉะนั้น 250 คนจะตีรายชื่อยาว และนำมาปรับใหม่ ไม่จำเป็นที่ต้องไปอยู่ด้านศึกษาทั้งหมด เพราะคณะอื่นก็จะไม่มี แต่จะเป็น 11 กลุ่มเหมือนเดิม แต่คนที่สมัครด้านศึกษาอาจจะไปอยู่ด้านพลังงานหรือบริหารราชการแผ่นดินก็ได้ อย่าไปห่วงว่าไม่ตรงที่สมัครมาแล้วจะทำไม่ได้ คงไม่ใช่ เพราะการจะทำหรือไม่นั้นไม่ได้อยู่ที่กลุ่ม แต่ละกลุ่มเมื่อได้ข้อสรุปก็จะเสนอทางสภาใหญ่เพื่อเห็นชอบรับรอง ถ้าไม่เห็นด้วยก็ค้านในที่ประชุมใหญ่เหมือนกับ สนช.
 
ทั้งนี้ยืนยันว่าที่ผ่านมา คสช.ให้อิสระในการทำงานด้านการปฏิรูป การตั้งสำนักงานเตรียมการปฏิรูปของ คสช. ที่กระทรวงกลาโหมนั้น เป็นการเตรียมข้อมูลให้ สปช. เพื่อสามารถทำงานได้ทันทีโดยรวบรวมความเห็นจากทุกภาคส่วน ผ่านศูนย์ดำรงธรรมและ กอ.รมน.จังหวัด ในแต่ละเรื่องโดยสำนักงานเตรียมการปฏิรูปฯ จะส่งให้ สปช.หาข้อสรุปกันเอง ซึ่งอย่าไปเปิดเวทีข้างนอก เพราะจะยุ่งกันใหญ่ ถ้าเปิดเวทีนอกสาย เรารับไม่ได้ ทั้งนี้ทางกระทรวงกลาโหม จะนำไปดำเนินการต่อเพื่อกำหนดความชัดเจน
 
เมื่อถามว่า 250 รายชื่อที่ออกมาคุ้นหูของสาธารณชนหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า มีหมด ทั้งตัวแทนนักวิชาการ ภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม ทั้งนี้ขอให้มองในแง่ดี เพราะเข้ามาอยากให้บ้านเมืองไปได้ เมื่อถามต่อว่า 250 คนเป็นคนที่เคยช่วยงาน คสช.มาก่อนหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ไม่ทราบเพราะไม่ได้รู้จักหมดทุกคน บางคนก็เป็นทหารเก่า ข้าราชการเก่า ผู้แทนกลุ่มต่างๆ นักวิชาการ ตนรู้จักไม่หมด รู้จักแค่ 10 เปอร์เซ็นต์ 

แต่ไม่ได้รู้จักส่วนตัว เพราะไม่ได้ห้ามใคร ถ้าเขาไม่ผ่าน 550 หรือ 385 คน จะมาว่า คสช.ไม่ได้ เพราะไม่ได้ผ่านคณะกรรมการคัดสรรหรือคณะกรรมการระดับจังหวัดขึ้นมา
 

เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์แนวหน้า


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์