บิ๊กตู่มั่นใจความสัมพันธ์ทรัมป์แน่นแฟ้น

บิ๊กตู่มั่นใจความสัมพันธ์ทรัมป์แน่นแฟ้น


เมื่อวันที่ 2 พ.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ถึงกรณีการพูดคุยทางโทรศัพท์กับนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ว่า ถือเป็นเกียรติที่พูดคุยกัน โอกาสนี้นายทรัมป์ ยังได้แสดงความเสียใจกับคนไทยในการเสด็จสวรรคตของในหลวง รัชกาลที่ 9 และเข้าใจดีว่าเป็นการสูญเสียที่ยิ่งใหญ่ พร้อมส่งความปรารถนาดีให้คนไทย ขณะเดียวกันตนได้แสดงความยินดีในโอกาสที่นายทรัมป์ได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีคนที่ 45 ของสหรัฐฯ พร้อมให้กำลังใจและชื่นชมความสำเร็จในการบริหารประเทศในช่วง 100 วันแรก ซึ่งทรัมป์ระบุว่ายินดีและขอบคุณในความสัมพันธ์ระหว่างไทย-สหรัฐฯ ที่ยาวนานถึง 184 ปี และชื่นชมความก้าวหน้าและการทำงานที่ผ่านมาภายใต้การบริหารงานของตน ซึ่งไทยพร้อมให้ความร่วมมือในฐานะพันธมิตรในทุกด้าน เพื่อนำสันติภาพและความมั่นคง มั่งคั่งและมีเสถียรภาพมาสู่ภูมิภาคและโลก 

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า นายทรัมป์ยังระบุว่า แม้ความสัมพันธ์ที่ผ่านมาความสัมพันธ์จะห่างเหินไปบ้าง แต่ก็ให้ความั่นใจว่าความสัมพันธ์ของสองประเทศจะแน่นแฟ้นมายิ่งขึ้นอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน พร้อมเชิญตนและภริยาเป็นแขกของทำเนียบขาวในเวลาที่เหมาะสม และตนยังได้เชิญนายทรัมป์มาเยือนไทย โดยนายทรัมป์ได้ตอบรับและจะเข้าร่วมประชุมเอเปคที่เวียดนามในปีนี้ด้วย ขณะเดียวกันยังได้สอบถามความสัมพันธ์ระหว่างไทย จีนและญี่ปุ่น และระบุว่าสหรัฐฯเองก็มีความสัมพันธ์ที่ดีกับจีนและญี่ปุ่นเช่นกัน  และยังกล่าวถึงปัญหาความมั่นคงในคาบสมุทรเกาหลีอีกด้วย

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า นายทรัมป์ ยังพร้อมให้การสนับสนุนตนทุกเรื่อง และรับปากดูแลเรื่องการค้าการลงทุนของ 2 ประเทศและจะส่งผู้แทนด้านการค้ามาหารือรัฐบาลไทยต่อไป ทั้งนี้เป็นการแสดงถึงความสัมพันธ์ยาวนานของทั้งสองประเทศ โดยไม่จำเป็นต้องรื้อฟื้นเรื่องเก่าๆ แต่ต้องเดินไปสู่อนาคต ทำให้เห็นว่าสหรัฐฯ เห็นความสำคัญของอาเซียนและไทย เป็นกำลังใจให้ตนปฏิบัติหน้าที่ต่อไป

พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวอีกว่า นอกจากนี้ด้านบทบาทของไทยในเวทีโลก ต้องมีส่วนร่วมในการตัดสินใจและแสดงความคิดเห็น เช่นกรณีวิกฤตการณ์ในคาบสมุทรเกาหลีเหนือ ซึ่งไทยและอาเซียนเห็นร่วมกันว่า ประเทศมหาอำนาจต้องมีการพูดคุยหารือกัน เพื่อหาทางปฏิบัติที่เหมาะสม เพราะหากมีเหตุรุนแรงก็มีผลกระทบกับทุกประเทศ ซึ่งไทยและอาเซียนหวังว่าทุกอย่างจะเป็นไปได้ด้วยดี ซึ่งการกระทำดังกล่าวในเวทีสหประชาชาติและอาเซียนต่างไม่เห็นด้วยกับการใช้ความรุนแรงและการใช้อาวุธนิวเคลียร์ ขณะเดียวกันกรณีเหตุการณ์ในทะเลจีนใต้ อยู่ในขั้นตอนเดินหน้าจัดทำกรอบระเบียบปฏิบัติหรือ coc ที่จะมีความชัดเจนในกลางปีนี้  และระหว่างนี้ต้องทำตามปฏิณญาว่าด้วยแนวปฏิบัติของภาคีในทะเลจีนใต้ไปก่อน โดยทุกประเทศต้องการให้เป็นทะเลแห่งสันติภาพ ทะเลแห่งความมั่งคั่งและทะเลแห่งผลประโยชน์ร่วมกัน ไม่นำไปสู่ความรุนแรง....

Cr::dailynews


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์