บวรศักดิ์ ถก แดงอีสาน ชู ออกกม.อภัยโทษ ยุติความขัดเเย้ง - ทุกฝ่ายต้องจบ

เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธานคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ พร้อมกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ อาทิ ดร.ถวิลวดี บุรีกุล นายคำนูณ สิทธิสมาน นายประชา เตรัตน์ ลงพื้นที่รับฟังข้อเสนอของภาคประชาชนอีสานต่อการปฏิรูปประเทศ เรื่อง

ประชาท้องถิ่นร่วมสานสร้าง ยกระดับพื้นที่รูปธรรมจัดการตนเอง เพื่อการปฏิรูปประเทศไทย ที่โรงแรมประจักษ์ตรา จ.อุดรธานี โดยกล่าวปาฐกถาพิเศษ "สภาพลเมือง เพื่อการปฏิรูปประเทศ" ตอนหนึ่งว่า การร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่จะต้องแก้ปัญหาหลัก 3 ประการคือ แก้ปัญหาความขัดแย้งเฉพาะหน้าของกลุ่มต่างๆ ลดความเหลื่อมล้ำ สร้างความเป็นธรรม และจัดสรรดุลอำนาจใหม่ในสังคม ซึ่งเป็นที่มาของการร่างรัฐธรรมนูญภาค 4 การปฏิรูปและสร้างความปรองดอง

นายบวรศักดิ์ กล่าวว่า ประเทศไทยมีสภาพเป็นไข้รุม ความขัดแย้งเปรียบเป็นไข้ เราต้องรักษาไข้ ทิ้งไว้นานๆ ก็ช็อก การรักษาเฉพาะไข้อย่างเดียวไม่พอ ต้องถามลงไปลึกๆ อะไรคือสาเหตุของไข้ หากไข้หายโรคไม่หาย ประเทศไทยก็กลับมาขัดแย้งอีก คนเขียนรัฐธรรมนูญต้องมีเป้าหมาย เป็นไข้ต้องรักษา ความขัดแย้งต้องยุติ ประเทศจึงจะพ้นวิกฤติ กำลังคุยกันอยู่ว่าต้องมีคณะกรรมการปรองดองแห่งชาติ สร้างบรรยากาศให้ปรองดองทั้งประเทศ ประกอบไปด้วยผู้ทรงคุณวุฒิ 9 คน คู่ขัดแย้ง 5 คน โปรดเกล้าฯ โดยพระมหากษัตริย์ มีอำนาจศึกษาหาทางออกความขัดแย้งจากงานศึกษาไว้แล้วของ คอป. สถาบันพระปกเกล้า และมหาวิทยาลัยต่างๆ เป็นตัวกลางในการเจรจาหาข้อยุติกับคู่ขัดแย้งต่างๆ สร้างการเรียนรู้ และสุดท้ายเมื่อทุกฝ่ายยอมรับผิด คณะกรรมการชุดนี้มีอำนาจเสนอให้รัฐบาลออกร่างกฎหมายอภัยโทษกับคนที่ให้ข้อเท็จจริง เยียวยาผู้เสียหายและได้รับผล กระทบ ให้เวลาการทำงาน 5 ปี

"เราต้องปฏิรูปให้มีความเป็นธรรม ทำให้พลเมืองเป็นใหญ่ ให้สิทธิเพิ่ม ด้วยสมัชชาพลเมืองระดับต่างๆ องค์กรปกครองท้องถิ่นเป็นองค์การบริหารท้องถิ่น เสริมสร้างให้โปร่งใส จากการเลือก ส.ส.ได้ทั้งคนทั้งพรรค ส่วน ส.ว.เลือกทางอ้อม แก้สภาพ่อแม่-ผัวเมีย" นายบวรศักดิ์ กล่าว และว่า นอกจากจะให้มีการจัดตั้งสภาพลเมือง และมีองค์กรตรวจสอบภาคประชาชน มีหน้าที่ในการตรวจสอบจริยธรรมและการทำงานของนักการเมืองท้องถิ่น พร้อมเสนอแนะว่าภาคประชาชนต้องมีอำนาจในการถอดถอนนักการเมือง ซึ่งยังอยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ

นายบวรศักดิ์ ให้สัมภาษณ์ด้วยว่า หลังจากรับฟังความคิดเห็นจากเวทีภูมิภาค 10 แห่ง และเวทีจังหวัดของ สปช.อีก 77 จังหวัด จะนำผลที่ได้มาประมวล เพื่อสรุปสาระสำคัญลงในเอกสารประกอบการพิจารณา และจะอ่านความเห็นนั้นเมื่อถึงเรื่องนั้นๆ นี่คือสิ่งที่เราทำอยู่ นอกจากนั้นจะนำจากสื่อ ปณ.9 และกล่องรับความคิดเห็น ที่จะนำมาสรุปเข้ารวมกัน ส่วนการรับฟังเวทีแต่ละแห่ง เราก็จะนำมาสรุป โดยมีหลายเรื่องที่เราจะนำมาทบทวน เช่นเรื่องของ กกต.ที่พูดชัดๆ เลยว่า มีชาวบ้านหลายคนที่ต้องการให้นำเรื่องใบแดงออกจาก กกต. อย่างไรก็ตาม เราก็ต้องนำมาชั่งน้ำหนักเอา คือ เรารับฟัง แต่ไม่ได้เชื่อฟัง การรับฟังก็ต้องมีเหตุผล ที่เราสามารถนำมาทบทวนได้ นอกจากนี้ ได้นัดพบนายขวัญชัย สาราคำ หรือขวัญชัย ไพรพนา ประธานชมรมคนรักอุดรธานี โดยนัดกินข้าวเย็น ความจริงก็พบนายวีระกานต์ มุสิกพงศ์ มาแล้ว คงถามเรื่องหาทางออกที่จะลดความขัดแย้งลง

นายบวรศักดิ์ กล่าวถึงการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญ ในภาค 4 การปฏิรูปและการสร้างความปรองดองว่า จะเริ่มพิจารณาในวันที่ 16 กุมภาพันธ์นี้ โดยนำความเห็นของคณะกรรมาธิการ 18 คณะ สภาปฏิรูปแห่งชาติ มาพิจารณาร่วมกัน ซึ่งล่าสุดยังส่งความเห็นมาไม่ครบ แต่คาดว่าจะพิจารณาส่วนนี้จบภายในสัปดาห์หน้า ส่วนคณะกรรมการปรองดองแห่งชาติ ที่จะมีตัวแทนจากผู้ทรงคุณวุฒิจำนวน 9 คน และตัวแทนคู่ขัดแย้ง 5 คน รวม 14 คน คงไม่พูดคุยกันในประเด็นนี้ เพราะเป็นเรื่องของคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ และการสร้างความปรองดองต้องเริ่มทำทันทีตั้งแต่ตอนนี้ ซึ่งผู้ที่มีศักยภาพที่สุดคือรัฐบาลที่จะสร้างบรรยากาศความปรองดองทั่วประเทศ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายบวรศักดิ์ นายคำนูณ พร้อมคณะ10 คน เดินทางไปร่วมรับประทานอาหารเย็นกับนายขวัญชัย ที่ร้านอาหาร "สวนทิพย์" สาขา 2 ถนนพรหมประกาย เส้นทางไปท่าอากาศยานอุดรธานี ก่อนขึ้นเครื่องเดินทางกลับ กทม. โดยมีทหารจาก ร.13 พัน.2 ติดตามดูแลอย่างใกล้ชิด

เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน