นายกฯปูเศร้าหญิงไทยถูกดูแคลนหวังผลการเมือง

เมื่อเวลา 09.30 น. วันนี้ (18 ก.พ.) ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี

เป็นประธานในพิธีเปิดการประชุมชี้แจงนโยบายและแนวทางการดำเนินงาน “กองทุนพัฒนาบทบาทสตรี” พร้อมมอบนโยบายและแนวทางการดำเนินงานในตอนหนึ่งว่า ทุกวันนี้เรามีจำนวนสตรีถึงกว่าครึ่งหนึ่งของประชากรประเทศ เราเชื่อมั่นว่าสตรีทุกคนมีความรู้ ความสามารถ และมีความเป็นผู้นำในทุกองค์กร ไม่ด้อยไปกว่าประเทศอื่น ๆ สตรีมีบทบาททั้งการเป็นแม่ของลูก เป็นภรรยา เป็นลูก เป็นผู้นำ และผู้ตามในครอบครัว ขณะเดียวกันยังมีบทบาทสร้างรายได้ให้ครอบครัวอีกด้วย ตัวอย่างของสตรีที่เป็นแบบอย่างที่คนไทยทุกคนทราบกันอยู่แล้วคือสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ พระองค์ท่านทรงมีพระราชกรณียกิจ รวมถึงกิจกรรมต่าง ๆที่พระองค์ทรงพระกรุณาล้วนเป็นการส่งเสริมสตรีไทยและอาชีพของสตรีทั้งสิ้น เช่นโครงการศิลปาชีพที่ช่วยสร้างเสริมรายได้ให้คนไทย และผู้หญิงไทย รวมทั้งพระราชจริยวัตรของพระองค์ยังเป็ฯแบบอย่างของกุลสตรีที่ดี เนื่องในวโรกาสที่ปีนี้เป็นปีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาครบรอบ 80 พรรษา โครงการนี้เป็นหนึ่งในโครงการที่รัฐบาลดำเนินการด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้
 

นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า ตนเชื่อมั่นว่าวันนี้ทั้งหญิงและชายมีความรู้ความสามารถ และศักยภาพที่เท่าเทียมกัน

เพศหญิงเป็นเพศที่มีความอดทนอดกลั้น การที่สตรีตัดสินใจจะทำอะไร อาจจะเป็นการตัดสินใจด้วยความยากลำบาก แต่หากมีการตัดสินใจแล้วเขาจะทำด้วยใจ และด้วยหัวใจ ด้วยพลังของความอดกลั้นอดทนที่จะต่อสู้ฟันฝ่าอุปสรรคต่าง ๆ ให้สำเร็จลุล่วงไปให้ได้ รวมถึงการให้เกียรติซึ่งกันและกัน ซึ่งตนอยากเห็นเกิดขึ้นในสังคมไทย อย่างไรก็ตามแม้ว่าประเทศไทยจะมีการพัฒนาบทบาทสตรีให้ก้าวหน้าไประดับหนึ่งแล้ว โดยมีการระบุเรื่องสิทธิเสรีภาพแห่งความเท่าเทียมกันไว้ในรัฐธรรมนูญถึง 13 มาตรา แต่ต้องยอมรับว่าวันนี้สังคมไทยยังมีหลายช่องว่างที่เป็นปัญหาของความไม่เสมอภาคระหว่างหญิงและชาย  และมีบางส่วนที่เข้าใจผิดว่าสตรีมีความสามารถด้อยกว่าผู้ชาย โดยปลูกฝังให้สตรีเป็นผู้ตาม และเป็นช้างเท้าหลังอยู่เสมอ จึงทำให้สตรีตกเป็นเหยื่อของความรุนแรง ขาดโอกาส และการยอมรับในการเข้าร่วมทางเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง ดังนั้นเราต้องร่วมกันยกระดับคุณภาพความเท่าเทียมกันและสิทธิเสรีภาพของสตรี  ไม่ได้หมายความว่าเราจะมองผู้ชายเป็นคู่แข่ง แต่คือการเติมเต็มซึ่งกันและกันในสังคม
 

“ยังมีหลาย ๆ มุมมองที่สตรีถูกมองในมุมที่เสียหาย เป็นที่น่าเศร้า ถ้าคนไทยด้วยกันมองในมุมที่ดูถูกดูแคลนหรือข่มเหงน้ำใจหญิงไทย เพื่อให้เกิดความได้เปรียบทั้งทางเพศ การงาน ส่วนตัว หรือแม้กระทั่งการเมือง ก็ไม่อยากเห็นช่องว่างเหล่านี้เกิดขึ้นในสังคมไทย ที่เป็นสังคมประชาธิปไตย ก็คงต้องขอความร่วมมือให้ช่วยกันเข้าใจบทบาทสตรีในทุกมิติ บาทบาทในการยอมรับซึ่งกันและกัน และบทบาทในการทำงานที่จะเสริมเติมเต็ม และสุดท้ายก็เพื่อความยั่งยืนของประเทศไทย” น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าว
 
และว่ารัฐบาลจึงต้องการส่งเสริมบทบาทสตรี โดยมีนโยบายตั้งกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี เป็นหนึ่งในนโยบายเร่งด่วน
 
ที่ต้องการส่งเสริมให้สตรี รวมถึงองค์กรสตรีที่มีอยู่ในปัจจุบันได้มีการพัฒนาเพื่อให้เกิดความเท่าเทียมกัน ไม่ให้ตกเป็นเหยื่อ และยืนหยัดต่อสู้ในสังคมได้อย่างสมศักดิ์ศรีและคุณค่าความเป็นมนุษย์ โดยเปิดโอกาสให้เข้าถึงแหล่งเงินทุนดอกเบี้ยต่ำ หรือปลอดดอกเบี้ย เพื่อช่วยพัฒนาอาชีพ บทบาท พิทักษ์สิทธิ และช่วยเหลือเยียวยาสตรีที่กำลังประสบปัญหาอยู่ขณะนี้  สตรีย่อมเข้าใจปัญหาของสตรี แต่ก็จำเป็นต้องขอความร่วมมือจากทุกหน่วยงาน โดยเฉพาะ 7 กระทรวงที่เกี่ยวข้องให้ช่วยกันส่งเสริมการทำงานของกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี โดยรัฐบาลพร้อมจัดสรรเงินลงไปสู่ระดับจังหวัด และตำบลเพื่อให้มีการใช้จ่ายตรงตามวัตถุประสงค์ต่อไป
 

ด้านนางนลินี ทวีสิน รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คณะกรรมการกองทุนพัฒนาสตรี จะจัดเวทีเพื่อรับฟังความคิดเห็นจาก ส.ว. ส.ส. และเครือข่ายองค์กรสตรี 4 ภาค

พร้อมกำหนดลงพื้นที่เพื่อรับฟังความคิดเห็นจากสตรีทั่วประเทศ ทั้งในกทม. และส่วนภูมิภาค ระหว่างวันที่ 19 ก.พ.-2 มี.ค.นี้ เพื่อนำข้อมูลมากำหนดหาแนวทางการดำเนนกการในการจัดสรรงบประมาณให้แล้วเสร็จโดยเร่งด่วนต่อไป หวังว่าจะจัดสรรเงินลงไปได้ก่อนช่วงไตรมาสที่ 3 ในปีงบประมาณ 2555  ทั้งนี้การจัดสรรเงินกองทุนเพื่อพัฒนาบทบาทสตรี จะใช้หลักเกณฑ์การจัดสรรตามจำนวนประชากรของจังหวัด เฉลี่ยจังหวัดละ 100 ล้านบาท