นายกฯปูหอบครม.เยือนอังกฤษ 12-14พ.ย

นายกหอบครม.เยือนอังกฤษ 12-14 พ.ย.เตรียมเข้าเฝ้าฯสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 พร้อมนำนักธุรกิจไทยหารือเพิ่มช่องทางการลงทุน

นายกฯปูหอบครม.เยือนอังกฤษ 12-14พ.ย


                  ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ อาทิ นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.ต่างประเทศ นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รมว.พาณิชย์ นายประเสริฐ บุญชัยสุข รมว.อุตสาหกรรม นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รมว.คมนาคม ออกเดินทางโดยเที่ยวบินพิเศษของบริษัทการบินไทย จำกัด มหาชน ไปเยือนสหราชอาณาจักรอย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ 12-14 พ.ย. ซึ่งถือเป็นการเยือนภูมิภาคยุโรปเป็นประเทศที่ 3 ต่อจากสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี และสาธารณรัฐฝรั่งเศส เมื่อเดือนก.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งในโอกาสการเยือนครั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้รับพระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้เข้าเฝ้าฯ สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 แห่งสหราชอาณาจักร และจะถวายพระพรในนามของรัฐบาลไทยและพสกนิกรชาวไทยแด่สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 เนื่องในวโรกาสทรงครองราชย์ครบ 60 ปี


               นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีมีกำหนดพบหารือกับนายเดวิด คาเมรอน นายกรัฐมนตรีแห่งสหราชอาณาจักร เพื่อแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นในประเด็นต่างๆ ที่เป็นความสนใจร่วมกัน อาทิ การเพิ่มความร่วมมือด้านการท่องเที่ยว การค้า การลงทุน ตลอดจนการยกระดับความสัมพันธ์สู่การเป็นหุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์ระหว่างกัน โดยนายกรัฐมนตรีของทั้งสองประเทศจะประกาศเจตนารมณ์ร่วมกันในการจัดตั้ง “การหารือเชิงยุทธศาสตร์ (Strategic Dialogue)” เพื่อเป็นกลไกการหารือทวิภาคีระดับสูง ติดตามและกำหนดทิศทางความร่วมมือระหว่างกันในมิติต่างๆ ในอนาคต อีกทั้ง นายกรัฐมนตรีจะได้กล่าวถ้อยแถลงกับผู้บริหารจากบริษัทชั้นนำของสหราชอาณาจักรและผู้แทนภาคเอกชนของไทยที่ร่วมเดินทางไปกับคณะ ภายใต้หัวข้อ “Thailand: Unparalleled Opportunities” รวมทั้งพบปะกับชุมชนชาวไทยและนักศึกษาไทยที่ได้รับทุนจากรัฐบาลที่กำลังศึกษาอยู่ในสหราชอาณาจักรด้วย


               ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงภารกิจการเยือนสหราชอาณาจักรครั้งนี้ว่า จะได้มีโอกาสต่อยอดความสัมพันธ์ในทุกๆด้านให้เกิดความแน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น เพื่อให้เกิดความร่วมมือทางการค้า เศรษฐกิจ โดยเฉพาะเรื่องของการลงทุนระหว่างกัน ซึ่งการเยือนครั้งนี้จะได้นำภาคเอกชนของไทยร่วมคณะไปด้วย เพื่อให้ภาคเอกชนทั้งสองประเทศมีโอกาสพบปะหารือถึงการขยายการลงทุนระหว่างกันให้มากขึ้น และจะได้เชิญนักลงทุนด้านสถาบันการเงินมาลงทุนในไทยด้วย และประเทศไทยจะได้ถือโอกาสชี้แจงแผนการพัฒนาประเทศ แนวทางและมาตรการการส่งเสริมการลงทุนหลังจากที่ประเทศไทยเกิดปัญหาอุทกภัยครั้งใหญ่เมื่อปลายปีที่แล้ว นอกจากนี้จะถือโอกาสดูเรื่องการพัฒนาเมืองเพื่อนำมาปรับใช้กับประเทศไทย


เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์