นายกฯต่อลมหายใจกษิตให้พิสูจน์ชั้นตร. นิพิฏฐ์ชี้ปรับครม.ปชป.วุ่นอีก พธม.แฉปลดหลังประชุมอาเซียน

นายกฯยันไม่ได้แทรกแซง ให้โอกาส"กษิต"พิสูจน์ชั้นตำรวจ ส.ว.สายพันธมิตรซัด"สุเทพ-มาร์ค"เอี่ยวแจ้งข้อหาก่อการร้าย"แกนนำ พธม.-กษิต" แฉส่งสัญญาณปลดหลังประชุมอาเซียน ส.ส."พท."ถามหาจริยธรรมรัฐบาล จวก.ปชป.-พธม.โค่นรัฐบาลพรรคพลังประชาชนเพื่อพวกพ้อง

 
"มาร์ค"ยันไม่แทรกแซงคดี"พธม."

กรณีแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย(พธม.)เตรียมยื่นฟ้องนายกรัฐมนตรีในฐานะกำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในความผิดตามกฎหมายอาญา มาตรา 157 ฐานละเว้นการปฎิบัติหน้าที่ และมาตรา 200 กลั่นแกล้งบุคคลให้รับโทษโดยไม่ได้กระทำความผิด หลังตำรวจแจ้งข้อหาก่อการร้ายจากชุมนุมปิดสนามบินสุวรรณภูมิ นั้น
    
ล่าสุด นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี  สัมภาษณ์ที่คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม ถึงกรณีดังกล่าวว่า ความจริงตนไม่ได้ไปเกี่ยวข้องอะไรกับคดีความ  การต่อสู้คดีเป็นสิทธิ์ที่แต่ละคนสามารถทำได้ ส่วนตำรวจ อัยการ และศาล จะต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกคน เข้าใจว่าคนที่ถูกตั้งข้อกล่าวหาอาจจะมีความรู้สึกว่าไม่เห็นด้วย หรือไม่พอใจ แต่ยืนยันหลักการในการทำงานว่าไม่แทรกแซงในเรื่องคดีความ ไม่ว่าจะเป็นคดีความของใครทั้งสิ้น และตนเชื่อว่าคนที่เคยสนับสนุนพันธมิตรฯ โดยพูดถึงการต่อสู้ในเรื่องธรรมาภิบาลและในความถูกต้อง ไม่ควรที่จะคิดว่าฝ่ายการเมืองเข้าไปแทรกแซงคดีในทางหนึ่งทางใด
  
“ผมไม่ได้แทรกแซง เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ที่จะดำเนินการ ถ้าเราเริ่มจากค่านิยมที่ว่าทางการเมืองจะเป็นผู้ชี้ จะเป็นเรื่องที่อันตรายมาก เพราะคนดีอาจจะชี้ดี คนชั่วก็ชี้ชั่ว ที่สำคัญคนที่อยู่ในอำนาจ สุดท้ายอาจจะไม่แยกว่าอะไรดีอะไรชั่ว เพราะฉะนั้นดีที่สุดคือต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของแต่ละฝ่าย หากพันธมิตรฯคิดว่าอยากจะสร้างการเมืองที่ดีกว่าปัจจุบัน ก็ไม่ควรสนับสนุนและไม่ควรมองว่าคนที่เป็นนักการเมืองน่าจะไปเกี่ยวข้องกับคดีความ” นายอภิสิทธิ์ กล่าว

ให้นักการเมืองชี้กระบวนการยุติธรรมพัง

เมื่อถามถึงกรณีที่ 40 สมาวุฒิสภา(ส.ว.) ออกมาแสดงความเห็นด้วยกับกลุ่มพันธมิตรฯ และอยากให้นายกรัฐมนตรีแสดงท่าทีที่ชัดเจนกรณีของนายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ  นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ถ้าตนจะต้องเป็นคนชี้ว่าใครถูก ใครผิดนั้น เป็นเรื่องที่อันตรายที่สุด และที่บ้านเมืองวิกฤติจนถึงทุกวันนี้ เพราะเคยมีฝ่ายการเมืองที่พยายามจะแทรกแซงกระบวนการเหล่านี้   อย่างไรก็ตามตนให้ความมั่นใจว่าทุกคนจะต้องได้รับการต่อสู้อย่างเป็นธรรม หากกลุ่มหนึ่งไม่ยอมรับตำรวจ แล้วอีกกลุ่มหนึ่งไม่ยอมรับศาล สุดท้ายเป็นเรื่องของนักการเมืองที่ต้องชี้ ถ้าเป็นอย่างนั้นระบบจะพัง

เมื่อถามว่า นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี  ฝ่ายความมั้นคงระบุว่าเป็นการฟ้องผิดตัว นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า นายสุเทพก็ไม่ควรมีสิทธิ์ไปชี้คดี ตนกับนายสุเทพมีหน้าที่อย่างเดียวคือไปเร่งรัดหากเห็นว่าการดำเนินคดีมีความล่าช้า หรือถ้าเห็นว่ามีความไม่เป็นธรรมเกิดขึ้นในกระบวนการใด ต้องดำเนินการเพื่อทำให้เกิดความเป็นธรรม แต่ในแง่การใช้ดุลพินิจต่างๆของเจ้าหน้าที่ ฝ่ายการเมืองไม่ควรเข้าไปยุ่ง ตนและนายสุเทพไม่เกี่ยว

ยันจะไม่เข้าข้างใดข้างหนึ่ง

เมื่อถามว่าแต่แกนนำกลุ่มพันธมิตรฯมองว่ารัฐบาลกลั่นแกล้งพรรคการเมืองใหม่  นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่ได้กลั่นแกล้ง และไม่ได้เข้าไปยุ่งเลย ไม่ว่าจะเป็นคดีพันธมิตรฯ หรือคดีเสื้อแดง ตนจะไม่ไปชี้ว่าเรื่องนี้ผิดหรือไม่ผิด เพราะสิ่งหนึ่งที่ต้องการสร้างขึ้นมาเป็นบรรทัดฐานทางการเมืองคือคนที่มีอำนาจทางการเมืองจะต้องไม่ไปยุ่งเรื่องพวกนี้ เมื่อถามว่าแสดงว่านายกรัฐมนตรีลอยตัวอยู่เหนือปัญหาใช่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวปฏิเสธว่า ไม่ได้ลอยตัว แต่ดำรงความเป็นกลางอย่างที่ควรจะเป็น ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องลอยตัว เพราะการลอยตัวคือการหนีความรับผิดชอบ แต่ตนรับผิดชอบกับการที่จะสร้างบรรทัดฐานว่าคนที่จะเป็นผู้นำทางการเมือง ต้องไม่ไปแทรกแซง ยุ่งเกี่ยวกับคดีความ นอกจากการเร่งรัดหรือกรณีที่มีการร้องเรียน อย่างเช่นที่ผ่านมา เคยร้องเรียนให้เปลี่ยนพนักงานสอบสวน ตนก็ดูแลให้ แต่ถ้าจะมาบอกว่าจะต้องสั่งคดีให้เป็นอย่างนั้น อย่างนี้มันไม่ใช่ และคนที่ไม่ทำอย่างที่สั่งถือว่าทำถูกต้อง ไม่ใช่เป็นการลอยตัว

ต่อลมหายใจ"กษิต"พิสูจน์ชั้นตำรวจ

“กรณีของนายกษิต หากศาลยังไม่ได้ตัดสินหรือยังไม่ลงโทษ ยังไม่ต้องพ้นจากตำแหน่ง แต่ได้บอกแล้วว่าจะไม่ใช้บรรทัดฐานนั้น เพราะในขณะเดียวกันหากจะใช้มาตรฐานว่าตำรวจออกหมายเรียก ตั้งข้อกล่าวหาแล้วต้องพ้นจากตำแหน่งทันทีก็คงไม่ใช่มาตรฐานหรือบรรทัดฐานที่ถูกต้อง ดังนั้นควรเปิดโอกาสให้นายกษิตได้ต่อสู้ในขั้นตอนนี้ก่อน” นายอภิสิทธิ์ กล่าวและว่า ตนไม่ไปแทรกแซงคดีอะไรทั้งสิ้น และปล่อยให้เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ที่จะทำงานได้อย่างอิสระ ส่วนขั้นตอนไหนที่เหมาะสมหรือจำเป็นต้องมาทบทวนกัน โดยเฉพาะถ้ามากระทบกับการทำงานในปัจจุบัน ถือเป็นความรับผิดชอบของตนที่จะต้องพิจารณาปรับอีกครั้ง
 
เมื่อถามว่า ต้องรอให้คดีถึงที่สุดก่อนจะพิจารณาเรื่องตำแหน่งของนายกษิต ใช่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า คงไม่ถึงที่สุดของกฎหมาย แต่ถึงจุดหนึ่ง เพียงแต่ไม่ทราบว่าจะไปถึงขั้นไหน เพราะเป็นเรื่องที่ตำรวจจะต้องดำเนินการก่อน เมื่อตำรวจชี้แล้วต้องส่งไปให้อัยการ และอัยการต้องใช้ดุลพินิจอีก เมื่อถามถึง หากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) วินิจฉัยกรณีการถือหุ้นของภริยานายกษิต วันที่ 16 กรกฎาคมว่ามีความผิดจะพิจารณาตำแหน่งของนายกษิตเลยหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่ายังไม่ทราบว่าจะชี้มูลอย่างไร

ยันไม่กระทบประชุมผู้นำอาเซียน

เมื่อถามว่ากรณีของนายกษิตจะส่งผลกระทบต่อการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนกับประเทศคู่เจรจา ที่ จ.ภูเก็ต หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เท่าที่ตรวจสอบ ขณะนี้ไม่มีผล และขณะนี้นายกษิตทำงานสำคัญๆอยู่ และยังเห็นว่านายกษิตยังทำงานได้ แม้กระทั่งผลโพลล์ที่มักอ้างถึงก็จะพบว่าคนส่วนใหญ่บอกว่าถ้าจะปรับออก หรือลาออก ก็ควรเป็นช่วงหลังการประชุมอาเซียนด้วยซ้ำ ตอนนี้อยากให้ทุกคนให้โอกาสนายกษิตได้ทำงานสำคัญ  เชื่อว่ากรณีที่เกิดขึ้นต่างประเทศติดตามข่าวสารมาโดยตลอด และเขารู้ว่าสถานการณ์ต่างๆเป็นอย่างไร ถ้ามีผลกระทบ ตนต้องเป็นคนตัดสินใจ
     
เมื่อถามว่าการประชุมอาเซียนที่นายกรัฐมนตรีพูดถึงนั้นหมายถึงการประชุมในเดือนกรกฎาคม หรือ ตุลาคมนายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่ทราบว่าโพลล์ถามหรือไม่ว่าเป็นการประชุมอาเซียนในเดือนเดือนกรกฎาคม หรือ ตุลาคม เมื่อถามย้ำว่าแสดงว่าหลังการประชุมอาเซียนจะพิจารณาปรับนายกษิตออกจากตำแหน่งใช่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่ได้พูดอย่างนั้น แต่ในชั้นนี้ควรสนับสนุนให้นายกษิตได้ทำงานต่อไป ส่วนขั้นตอนกระบวนการยุติธรรมนั้น ไม่ทราบกรอบเวลาของกระบวนการ ซึ่งจะต้องพิจารณากันตามลำดับ เพราะต้องดูรายละเอียดของแต่ละคดีด้วย
 
"นิพิฏฐ์”ชี้ปรับครม.ปชป.วุ่นอีก

นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงแนวโน้มการปรับนายกษิต  ออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศว่า ต้องให้ความเป็นธรรมกับนายกษิต เพราะการแจ้งข้อกล่าวหาว่าเป็นผู้ก่อการร้าย เพิ่งเป็นกระบวนการแรก พนักงานสอบสวนยังไม่ได้สรุปเลยว่าจะสั่งฟ้องหรือไม่ และหากข้อหาหนักไปศาลอาจจะไม่ประทับรับฟ้องก็ได้ อีกทั้งขณะนี้รัฐบาลก็บริหารประเทศมาได้ด้วยดี หากจะปรับครม.อาจเป็นผลร้ายกับรัฐบาลก็ได้ เพราะจะต้องมีผลกระทบทั้งภายในและภายนอกอย่างแน่นอน โดยเฉพาะภายในพรรคประชาธิปัตย์ที่ขณะนี้กำลังนิ่งดีอยู่แล้ว หากปรับครม.แล้วคนนั้นได้ตำแหน่ง คนนี้ไม่ได้ตำแหน่ง จะกลายเป็นปัญหาอีก

ส.ว.สายพธม.เชื่อ"มาร์ค-สุเทพ"เอี่ยว

ด้าน นายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.สรรหา แนวร่วมพันธมิตรฯ กล่าวถึงกรณีที่กลุ่มพันธมิตรฯ จะฟ้องกลับผู้ที่เกี่ยวข้องทุกคนกับการออกหมายเรียกในข้อหาผู้ก่อการร้ายว่า ถือเป็นการใช้สิทธิในการต่อสู้ตามขั้นตอนของกระบวนการยุติธรรม ถือเป็นกระบวนการเดียวกันกับที่พันธมิตรฯ เคยต่อสู้กับการถูกตั้งข้อกล่าวหากบฎ อย่างไรก็ตามตนไม่เชื่อว่าบุคคลในรัฐบาลจะไม่รู้ไม่เห็น เกี่ยวกับขั้นตอนการออกหมายเรียกของตำรวจที่มีชื่อนายกษิต รวมอยู่ด้วย เพราะอย่างน้อยนายสุเทพ  ที่กำกับดูแล ตร.น่าจะทราบและคาดว่านายอภิสิทธิ์ น่าจะรู้เห็นด้วย เพราะนายกรัฐมนตรี ส่งสัญญาณผ่านการให้สัมภาษณ์สื่อเมื่อวันที่ 9 กรกฎาคมทำให้ตีความได้ว่านายกรัฐมนตรีอยากให้นายกษิตลาออกหลังจากการประชุมอาเซียน

"นายกรัฐมนตรีน่าจะพูดตรงๆ เพราะการที่ไม่พูดตรงๆ  แต่กลับส่งสัญญาณแบบนี้ ถือเป็นแสดงความไม่จริงใจ ส่วนตัวรู้สึกผิดหวังที่นายกรัฐมนตรีแสดงท่าทีเช่นนี้ ดังนั้น จึงอยากให้นายกรัฐมนตรี มีความกล้าหาญในการตัดสินใจและใช้ความเป็นตัวของตัวเองกับเรื่องนี้ แต่ถ้าผู้บังคับบัญชาพูดกับผมเช่นนี้ ผมคงต้องพิจารณาตัวเองด้วยการลาออก” นายคำนูณกล่าว
 
เมื่อถามว่าจะทำให้พรรคประชาธิปัตย์และพันธมิตรฯ เกิดรอยร้าวขึ้นหรือไม่ นายคำนูณ กล่าวว่าไม่เกี่ยวกับพันธมิตรฯ แต่น่าจะเกิดจากรอยร้าวในพรรคประชาธิปัตย์เองมากกว่า รวมทั้งนายกษิต เกี่ยวข้องกับพันธมิตรฯ น้อยมาก ไม่ได้เป็นรัฐมนตรีตัวแทนของพันธมิตร เพียงแค่เคยมาร่วมแสดงความคิดเห็น

ปชป.ซัดอย่ายกนช."แม้ว"เทียบรมว.กต.

นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.)  กล่าวถึงกรณีที่นพดล ปัทมะ ที่ปรึกษาฝ่ายกฎหมายของพ.ต.ท.ทักษิณ  ชินวัตร ระบุนายกษิต  ยังห่างชั้น พ.ต.ท.ทักษิณมาก ว่า หากเทียบเรื่องทุจริต โกงกิน คอรัปชั่นนายกษิต คงสู้ไม่ได้  แต่ถ้าเทียบเรื่องความซื่อสัตย์สุจริต จงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ตนคิดว่า นายกษิต มีสูงกว่าพ.ต.ท.ทักษิณแน่นอน  คิดว่านายนพดลไม่ควรเอาใจพ.ต.ท.ทักษิณที่เอาศักดิ์ศรีของนักโทษชายยกมาเทียบกับคนเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ 

ส.ส.พท.ระบุโพลชี้ให้"กษิต"ลาออก แต่จริยธรรมรบ.หดหาย

ด้าน นายสุรเชษฐ์ ชัยโกศล ส.ส.พระนครศรีอยุธยา พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า  ยิ่งนายอภิสิทธิ์ โอบอุ้มนายกษิตให้คงตำแหน่งไว้เท่าใด จะยิ่งสร้างความเสียหายแก่พรรคประชาธิปัตย์(ปชป.)  ในทางกลับกัน คนจะคิดถึงพรรคเพื่อไทย และ พ.ต.ท.ทักษิณ  เพราะผลสำรวจโพลล์สังคมเรียกร้องให้ นายกษิต ลาออกจากตำแหน่งกว่า 60 %  สมัยที่ปชป.เป็นฝ่ายค้าน เคยคุยว่ามีจริยธรรมสูง แต่เมื่อเป็นรัฐบาลกลับไม่มีจริยธรรม  เพราะปชป.รอมานานถึง 8 ปีกว่าจะเป็นรัฐบาล จึงทำทุกวิถีทางเพื่อคงอำนาจไว้ และตอบแทนกลุ่มต่างๆที่สนับสนุนรัฐบาล โดยเฉพาะการตอบแทนคุณกลุ่มพันธมิตรฯ โดยไม่สนใจความเสียหายของประเทศชาติ  ที่สำคัญเป็นการตอกย้ำว่าแท้จริงแล้วการเคลื่อนไหวของปชป. และกลุ่มพันธมิตร ที่โค่นล้มรัฐบาลพรรคพลังประชาชนในอดีตไม่ได้ทำเพื่อประเทศชาติ แต่เพื่อผลประโยชน์ของพรรคพวกตัวเอง


เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์