นายกฯซัดขรก.หย่อนยานท้องที่พึ่งไม่ได้ ทำยาเสพติด-ตู้ม้า-หวยระบาดหนัก พีระพันธ์กำชับสาวถึงต้นตอ


นายกฯสั่งลุยปราบยาเสพติด-ตู้ม้า-หวยเถื่อนระบาดหนัก ประชาชนร้องเรียนพึ่งท้องที่ไม่ได้ "ยธ.-ตร.ส่วนกลาง" ลุยตรวจสอบแล้ว เจ้าหน้าที่รัฐปล่อยปละละเลยเจอแน่ ยกคดี "ซานติก้า" ที่ยิ่งสอบยิ่งเจอ "พีระพันธ์" กำชับสาวถึงต้นตอ ให้ ป.ป.ส.-ดีเอสไอ-ปปง. ตำรวจ บูรณาการปราบปราม

 
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ตอบคำถาม นายพิษณุ นิลกลัด เกี่ยวกับนโยบายปราบปรามยาเสพติด ในรายการ "เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯอภิสิทธิ์" ออกอากาศทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย และสถานีโทรทัศน์เอ็นบีที เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ ว่า มีปัญหาทางสังคมที่ผู้ปกครองร้องเรียนมามาก ทั้งเด็กติดเกม ตู้ม้า ยาเสพติด ขณะนี้กำลังดำเนินการวางระบบเข้าไป ถ้าท้องที่ไม่ทำอะไรสุดท้ายมันจะฟ้องออกมาเอง ต้องดำเนินการตรงนี้อย่างเด็ดขาด ปล่อยไว้ไม่ได้ โดยเฉพาะปัญหาเรื่องยาเสพติดที่กระทรวงยุติธรรมได้ค้นพบเครือข่ายขนาดใหญ่ที่โยงไปถึงคนที่อยู่ในคุก และเร็วๆ นี้ก็มีการจับกุมยาบ้ากว่า 1 แสนเม็ด คิดว่าสุดท้ายจะสามารถขยายผลไปยังเครือข่ายอื่นๆ ได้ พร้อมกันนี้ นายอภิสิทธิ์ยังได้ยกตัวอย่างคดีไฟไหม้ซานติก้าผับว่า จะต้องสานให้ถึงต้นตอจริงๆ ไม่มีการลูบหน้าปะจมูก คดีนี้คงต้องไปเป็นคดีพิเศษ ต้องสอบดูว่ามีเรื่องยาเสพติด ธุรกิจผิดกฎหมายหรือไม่

เมื่อถามว่า การแก้ปัญหายาเสพติดจะจริงใจแค่ไหน นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ต้องดูที่ผลงาน โดยรัฐบาลนี้จะเน้นไปที่การสร้างภูมิคุ้มกัน ส่งเสริมด้านกฎหมาย ศิลปะ เพราะบางคนไปคิดว่าการปราบปรามยาเสพติดจะให้ได้ผลต้องทำรุนแรงเข้าไว้ ทั้งที่พิสูจน์แล้วว่าการฆ่าตัดตอนจำนวน 2,000 คน ถึงวันนี้ตัวใหญ่ก็ยังอยู่

ต่อมา นายอภิสิทธิ์ให้สัมภาษณ์ถึงแนวทางการแก้ปัญหายาเสพติดของรัฐบาล โดยเฉพาะการดำเนินการกับเจ้าหน้าที่รัฐที่รู้เห็นเป็นใจ ว่ามีหลายเรื่องซึ่งประชาชนได้ร้องมา ทั้งเรื่องยาเสพคิด ตู้ม้า และสถานบริการ ขณะนี้ในส่วนกลางกำลังเข้าไปตรวจตราว่าเป็นไปตามที่ร้องเรียนมาหรือไม่ โดยมากการร้องเรียนมักจะระบุว่า ได้เคยร้องเรียนไปยังท้องที่แล้ว ฉะนั้น จึงอยากจะกวดขันว่า อยากให้ท้องที่เข้าไปดำเนินการ ไม่เช่นนั้นเมื่อส่วนกลางไปดำเนินการแล้ว มันก็จะฟ้องว่ามีการละเลยละเว้นในเรื่องเหล่านี้

"ขณะนี้ส่วนกลาง ทั้งกระทรวงยุติธรรม และส่วนกลางของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ไปดำเนินการเรื่องนี้อยู่ เพราะประชาชนร้องเรียนมามาก" นายอภิสิทธิ์กล่าว

เมื่อถามว่า หากมีการปล่อยปละละเลย จะถึงขั้นสั่งย้ายหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ยังไม่พูดถึงมาตรการ เพียงบอกว่า ตอนนี้ต้องเร่งปฏิบัติหน้าที่ เพราะมีการร้องเรียนมามาก การบังคับใช้กฎหมายเป็นเรื่องสำคัญ การบังคับใช้กฎหมายที่ปล่อยปละละเลย คือที่มาของปัญหาขัดแย้ง ความไม่โปร่งใส ไม่เป็นธรรม ตรงนี้ต้องทำในทุกเรื่อง ไม่เฉพาะเรื่องที่ได้รับความสนใจทางการเมือง แต่เรื่องที่เรื้อรังมานาน โดยเฉพาะกรณีเพลิงไม้สถานบันเทิงซานติก้าผับ ยิ่งมีการสอบเข้าไป จะเห็นได้ว่ามีข้อเท็จจริงและข้อมูลอีกหลายเรื่อง จึงถือเป็นตัวสะท้อนได้ดีถึงการปล่อยปละละเลยในอดีตที่ผ่านมา ต้องเข้าไปชำระล้างตรงนี้ให้ได้

เมื่อถามว่า ขณะนี้นายกฯมีรายชื่อเจ้าหน้าที่หรือตำรวจที่ปล่อยปละละเลยหรือไม่ มีระดับใดบ้าง นายกฯกล่าวว่า ขอไม่ลงรายละเอียดข้อมูล แต่เรียนว่า นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาก และกำลังดำเนินการอยู่ เมื่อถามว่า จะดำเนินการกับตำรวจหรือข้าราชการส่วนใดบ้าง หากปล่อยปละละเลย นายกฯกล่าวว่า ก็ใครที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ไม่เจาะจงส่วนไหน แต่ใครมีหน้าที่ก็ต้องปฏิบัติหน้าที่

"ผมไม่อยากพูดเพิ่มเติม คิดว่าชัดเจนแล้ว ผมว่าในทุกพื้นที่ทราบกันดี เพราะมีประชาชนร้องเรียนมาจำนวนมาก ซึ่งผมก็หวังว่าจะทำให้เกิดความชัดเจน ว่าระบบเป็นอย่างไร และจะทำให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น" นายกฯกล่าว

ด้านนายชาติชาย สุทธิกลม ที่ปรึกษาการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) เปิดเผยถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดยาเสพติดในขณะนี้ว่า จากเดิมปี 2546 ที่ปัญหายาเสพติดลดฮวบลงไป มาในปี 2547 ยังทรงตัวอยู่ในเกณฑ์ดี กระทั่งในปี 2548-2551 พบว่ามีความพยายามในการดำเนินการของผู้ขาย ผู้ผลิต และผู้เสพ มาตลอด ขณะที่รัฐบาลและทุกฝ่ายพยายามตรึงปัญหาไม่ให้ลุกลาม อย่างไรก็ตาม เมื่อเปรียบเทียบปัญหายาเสพติด ณ ปัจจุบันนี้ พบว่ายังไม่กลับไปแพร่ระบาดเหมือนเมื่อปี 2543-2545

นายชาติชายกล่าวต่อว่า ปัญหายาเสพติดก็เหมือนเชื้อโรคที่มีโอกาสกลับมาแพร่ระบาดได้อีก โดยเฉพาะในชุมชนใหญ่ อย่างชุมชนเมืองในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล ที่ยังคงมีปริมาณความต้องการจำนวนมาก เป็นตลาดใหญ่ที่ยังหลงเหลืออยู่ ส่วนชุมชนในต่างจังหวัดพบว่ามีจำนวนมากที่กลายเป็นชุมชนปลอดภัยไร้ยาเสพติด

"นายพีระพันธุ์มอบนโยบายกับ ป.ป.ส. โดยให้ความสำคัญเน้นหนักในการจับกุมเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง ไม่ใช่แค่คนลำเลียงยาเสพติดเท่านั้น แต่ให้สาวไปถึงเครือข่ายที่อยู่เหนือขึ้นไป โดยใช้มาตรการทางกฎหมายที่เกี่ยวข้อง อาทิ ความผิดฐานสมคบกันค้ายาเสพติด โดยขยายผลจากคำให้การของผู้ต้องหา ตลอดจนมาตรการยึดทรัพย์ รวมทั้งให้หน่วยงานในกระบวนการยุติธรรม ทั้ง ป.ป.ส., ปปง. (คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน) ดีเอสไอ (กรมสอบสวนคดีพิเศษ) และตำรวจ มาบูรณาการร่วมมือกันปราบปรามยาเสพติด" นายชาติชายกล่าว

นายพรเทพ เอี่ยมประไพ ผู้อำนวยการ ป.ป.ส. ภาค 5 รับผิดชอบพื้นที่ภาคเหนือ กล่าวว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของยาเสพติดในภาคเหนือเรียกว่ายังคงรุนแรง ตั้งแต่การนำเข้า ค้าขาย ทั้งรายเล็กและรายย่อยในชุมชนต่างๆ เพราะปัจจุบันมีคนใช้ยาเสพติดกันเยอะมาก แต่เจ้าหน้าที่ก็ทำงานกันอย่างต่อเนื่อง

"เราไม่เคยนิ่งนอนใจหรือปล่อยปละละเลยในการติดตามจับกุมผู้กระทำความผิด หรือกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับขบวนการค้ายาเสพติด ตั้งแต่พื้นที่แนวชายแดนจนเข้ามาสู่พื้นที่ตอนใน โดยมีการบูรณาการกันทุกภาคส่วน แต่ต้องยอมรับว่าคนค้าคนขาย หรือคนทำผิดมีมากกว่าเจ้าหน้าที่ แต่อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ทุกคนก็พยายามทำงานกันอย่างเต็มที่" นายพรเทพกล่าว

ด้านนายวิตถวัลย์ สุนทรขจิต ผู้อำนวยการ ป.ป.ส. ภาค 3 รับผิดชอบ 8 จังหวัดอีสานใต้ คือ นครราชสีมา ชัยภูมิ บุรีรัมย์ ยโสธร อุบลราชธานี สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอำนาจเจริญ กล่าวว่า พื้นที่ภาคอีสานใต้ไม่ได้เป็นแหล่งผลิตสำคัญ แต่เป็นเส้นทางลำเลียงหรือเส้นทางผ่าน มีแหล่งที่มาของยาเสพติดจากประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งจากรายงานการจับกุมยาเสพติด ในห้วงเวลาปีที่ผ่านมา ยาบ้ามียอดการจับกุม 70% กัญชา 20% และที่เหลือ 10% จะเป็นพวกสารระเหย และยาไอซ์

เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์