นายกฯจ่อตั้งกก.สอบปมสมาร์ทการ์ด แฉปมรมต.มท.-ไอซีทีขัดกันเองดองเรื่อง คนกรุงโวยบัตรเหลืองยุ่ย

นายกฯจ่อตั้งกก.สอบปม"สมาร์ทการ์ด" แฉปมรมต."มท.-ไอซีที"ขัดกันเองดองเรื่อง คนกรุงโวย"บัตรเหลือง"ยุ่ย

"อภิสิทธิ์"จ่อตั้งกก.สอบปม"สมาร์ทการ์ด" ให้หาเหตุรับล๊อตแรก เรียก"ปลัดมหาดไทย."แจงคืนบัตรให้"ไอซีที" ชี้ขัดกฎกระทรวง เฉเหตุป่วนรมต.ขัดกันเอง อ้างขัดกฎกระทรวง คนกรุงโวยทำบัตรประชาชนได้แค่ใบเหลือง

มท.1ปัด2พรรคขัดแย้งจนเกิดปัญหาสมาร์ทการ์ดฉาว หนุนตั้งกก.สอบ

นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่มีรายงานข่าวจากกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร(ไอซีที) ระบุว่าปัญหาบัตรสมาร์ทการ์ดที่เกิดขึ้นนั้น เกิดจากความขัดแย้งระหว่างพรรคภูมิใจไทย กับพรรคเพื่อแผ่นดิน เมื่อครั้งที่ ร้อยตรีหญิงระนองรักษ์ สุวรรณฉวี ดำรงตำแหน่งัฐมนตรีว่าการไอซีที ว่า ยืนยันว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับการมือง เพราะเป็นเรื่องของฝ่ายข้าราชารประจำ เมื่อไอซีทีส่งบัตรมา แล้วไม่ตรงตามที่กฎกะทรวงกำหนด กระทรวงมหาดไทย จึงจำเป็นที่จะต้องส่งบัตรคือไปให้ไอซีทีแก้ไขเพราะเป้นเรื่องที่ผิดกฎหมาย ส่วนกรณีที่ นายกรัฐมนตรีสั่งให้มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ตนเห็นด้วยอย่างยิ่ง เพราะเมื่อมีการสอบข้อเท็จจริง จะได้เห็นดำเห็นแดงกันไปเลยว่าใครผิด ใครถูก



"อภิสิทธิ์"เล็งตั้งคณะกรรมการสอบปม"สมาร์ทการ์ด"


นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวเมื่อวันที่ 26 มิ.ย. ถึงกรณีการสั่งนายมานิต วัฒนเสน ปลักกระทรวงมหาดไทย (มท.) แก้ไขบัตรสมาร์ทการ์ด จำนวน 600,000 ใบ ว่า ให้มท.กับกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) เพื่อแก้ปัญหาให้ออกบัตรกับประชาชน ขณะนี้มีบัตรปัญหาเรื่องแบบที่ออกมาแล้วไม่ตรงกับกฎกระทรวง ซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นมท.มีการสอบสวนภายใน สิ่งสำคัญคือต้องเร่งให้ตกลงกันให้ได้ เพื่อเร่งทำบัตรออกมา
 

ผู้สื่อข่าวถามว่า เบื้องต้นจะสั่งตรงทำจากมท.หรือไอซีที นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เบื้องต้นช่วงแรกนายวงศักดิ์ สวัสดิ์พาณิชย์ ผู้ตรวจราชการกระทรวง อดีตอธิบดีกรมการปกครอง เห็นว่าข้อกำหนดต่างๆในร่างประกวดราคา (ทีโออาร์) แต่เมื่อบัตรส่งมานายมานิตเห็นว่าบัตรไม่ถูกต้อง เพราะตราสัญลักษณ์ที่ใช้ตรวจสอบไม่ตรงกับกฎกระทรวง ก็เลยไม่รับงานทำให้เกิดช่องว่างขึ้น


เมื่อถามว่า มีกระแสข่าวว่าเป็นการขัดแย้งกันระหว่างพรรคเพื่อแผ่นดินกับพรรคภูมิใจไทย นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า "เดี๋ยวให้มท.ให้เหตุผลว่าครั้งแรกรับแล้ว ครั้งต่อมาไม่รับเป็นเพราะอะไร"


มื่อถามว่า หากบัตรใช้ไม่ได้ใครควรรับผิดชอบในเรื่องนี้ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ถ้าใช้ไม่ได้ต้องไปดูว่าเป็นความผิดของผู้ออกข้อกำหนดหรือผู้อนุญาต เพราะมันจะคาบเกี่ยวกัน 2 กระทรวง ถ้ามีเรื่องเกินเลยไปจากมท.ตนก็ตั้งคณะกรรมการสอบ

"ปู่จิ้น"ไม่รู้ส่งสมาร์ทการ์ดคืน"ไอซีที"6 แสนใบ
 
ก่อนหน้านี้ นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย บอกไม่ทราบเรื่องที่กรมการปกครอง จะส่งมอบบัตรประจำตัวประชาชนแบบอเนกประสงค์ หรือบัตรสมาร์ทการ์ด 600,000 ใบ คืนกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) โดยให้เหตุผลว่าตรวจสอบพบรูปแบบบัตรมีเส้นสีแดง (MICROTEXT) พาดผ่านตำแหน่งพิมพ์รูปภาพด้านหน้าบัตร ซึ่งไม่เป็นไปตามลักษณะแบบบัตรที่ออกด้วยระบบคอมพิวเตอร์แบบอเนกประสงค์ตามท้ายกฎกระทรวงหลายฉบับที่กำหนดให้บัตรมีสีขาวลายพื้นสีฟ้า และสัญลักษณ์ด้านหลังบัตรซึ่งเป็นจุดตรวจสอบบัตร ภาพแรกที่ปรากฏบนโฮโลแกรม (HOLOGRAM )ไม่ใช่รูปแผนที่ประเทศไทย ซึ่งไม่เป็นไปตามลักษณะบัตรตามท้ายกฎกระทรวง โดยสัมภาษณ์ที่กระทรวงมหาดไทย เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน ว่าไม่ทราบเรื่อง เป็นเรื่องของข้าราชการ ซึ่งจะเรียกเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องชี้แจงข้อเท็จจริง รวมทั้งตรวจสอบรายละเอียดที่ชัดเจนอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม จะเร่งรัดในการดำเนินการจัดทำบัตรสมาร์ทการ์ดให้เร็วที่สุด เพื่อจะได้ออกบัตรให้กับประชาชนได้


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้นายวงศ์ศักดิ์ สวัสดิ์พาณิชย์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย อดีตอธิบดีกรมการปกครอง แถลงข่าวชี้แจงโดยยืนยันว่าบัตรสมาร์ทการ์ดดังกล่าวถูกต้องตามกฎกระทรวง และได้นำบัตรมาแสดงให้เห็นว่าด้านหลังของบัตร มีรูปแผนที่ประเทศไทยชัดเจน แต่ต้องดูด้วยมุมเอียงจึงจะมองเห็น และที่กำหนดรูปแบบดังกล่าวเพื่อป้องกันการปลอมแปลงบัตร


นายกฯเรียก มานิต วัฒนเสน ชี้แจง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 11.30 น. วันเดียวกัน ที่ทำเนียบรัฐบาล นายมานิต วัฒนเสน ปลัดกระทรวงมหาดไทย เดินทางเข้าพบนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เพื่อชี้แจงกรณีไม่รับบัตรสมาร์ทการ์ดจากกระทรวงไอซีที โดยยืนยันว่าบัตรไม่ถูกต้องตามกฎกระทรวง จึงไม่สามารถรับมอบได้


นายมานิตเปิดเผยหลังเข้าชี้แจงต่อนายอภิสิทธิ์ว่า ได้ชี้แจงข้อเท็จจริงที่กระทรวงมหาดไทย ไม่สามารถรับมอบบัตรสมาร์ทการ์ดจากกระทรวงไอซีทีได้ เนื่องจากบัตรดังกล่าวไม่เป็นไปตามกฎกระทรวง ซึ่งวิธีแก้ปัญหามีอยู่ 2 ทาง คือ 1.ไอซีทีต้องแก้ไขบัตรให้ถูกต้องตามกฎกระทรวง หรือ 2.กระทรวงมหาดไทย ต้องแก้ไขกฎกระทรวง ให้เป็นไปตามบัตรของไอซีที และการแก้ไขกฎกระทรวงนั้น เป็นอำนาจของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ส่วนปัญหาที่เกิดขึ้นในกระทรวงมหาดไทย ได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงแล้ว ส่วนปัญหาของไอซีที กระทรวงมหาดไทย ไม่อาจไปก้าวล่วงได้


มอบ กอร์ปศักดิ์ สภาวสุ  ไปสะสางปัญหา


ผู้สื่อข่าวถามว่า นายวงศ์ศักดิ์ได้ร้องเรียนคณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร โดยระบุว่าปลัดกระทรวงมหาดไทยใช้อำนาจหน้าที่อย่างไม่เป็นธรรมที่ตั้งคณะกรรมการสอบ นายมานิตกล่าวว่า เมื่อเกิดความเห็นที่ไม่ตรงกัน ฝ่ายหนึ่งบอกถูก อีกฝ่ายบอกผิด จึงจำเป็นที่จะต้องตั้งคณะกรรมการขึ้นมาเพื่อสืบสวนข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น และยังไม่ได้มีการกล่าวหาว่าใครทุจริต และไม่ใช่คณะกรรมการสอบวินัย จึงยืนยันว่าไม่ใช่การกลั่นแกล้ง


เมื่อถามว่า ไอซีทีระบุว่านายมงคล สุระสัจจะ อธิบดีกรมการปกครอง ลงนามเห็นชอบผลการทดสอบตัวอย่างบัตร ที่ไอซีทีเสนอตั้งแต่วันที่ 25 เมษายน 2553 ถือว่ากรมการปกครองได้ยอมรับบัตรของไอซีทีแล้ว นายมานิตกล่าวว่า ไม่เป็นความจริง นายมงคลเข้ารับตำแหน่งในวันที่ 28 เมษายน 2553 ไม่มีทางที่จะเซ็นเห็นชอบในวันที่ 25 เมษายน 2553 เพราะยังไม่รู้ว่าจะมีการโยกย้ายด้วยซ้ำ


" เชื่อว่าผู้ที่เซ็นน่าจะเป็นนายวงศ์ศักดิ์ ที่เซ็นทิ้งทวนก่อนถูกย้าย และใครเป็นคนเซ็น ขอให้ไอซีทีตรวจสอบให้ชัดเจน เพราะนายมงคลเป็นผู้เซ็นไม่รับบัตร แต่นายวงศ์ศักดิ์เมื่อครั้งเป็นอธิบดีกรมการปกครอง เซ็นมีหนังสือขอให้ไอซีทีทบทวนการออกจัดซื้อบัตร เพราะไม่เป็นไปตามกฎกระทรวง แต่อยู่ๆ นายวงศ์ศักดิ์ ไปเซ็นรับรองให้กับไอซีที ผมจึงไม่รู้ว่าเรื่องนี้มีวาระซ่อนเร้นอะไรหรือไม่ แต่ขอยืนยันว่ากระทรวงมหาดไทย ไม่ได้เป็นผู้ได้ประโยชน์ในเรื่องนี้ เพราะไม่ได้เป็นผู้จัดซื้อ เป็นเพียงผู้รับมอบ นำบัตรมาผลิตเป็นบัตรประชาชนเท่านั้น"  นายมานิตกล่าว


รายงานข่าวแจ้งว่า นายอภิสิทธิ์พอใจการชี้แจงของนายมานิต พร้อมทั้งมอบให้นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ลงไปช่วยแก้ปัญหาด้วย ในเมื่อบัตรสมาร์ทการ์ดที่ไอซีทีส่งให้ไม่ตรงกับกฎกระทรวง ถ้ากระทรวงมหาดไทยจะรับไว้ต้องแก้ไขกฎกระทรวงก่อน ซึ่งนายอภิสิทธิ์ไม่เห็นด้วย


แฉบัตร ไม่เป็นไปตามที่กฎกระทรวง


นายมงคล สุระสัจจะ อธิบดีกรมการปกครอง (อปค.) แถลงถึงกรณีที่ไอซีที ระบุว่าเป็นผู้รับรองการทดลองบัตรสมาร์ทการ์ด เมื่อวันที่ 25 เมษายน ว่าในวันดังกล่าวยังไม่ได้มารับตำแหน่ง แต่ต่อมาวันที่ 29 เมษายน เซ็นรับรองการทดสอบทางเทคนิค เพื่อทดสอบว่าไมโครชิปที่อยู่ในบัตร สามารถเข้ากับระบบการผลิตบัตรของ ปค.ได้หรือไม่เท่านั้น มิได้เกี่ยวกับรูปแบบตัวบัตรแต่อย่างใด


 " ในฐานะอธิบดีกรมการปกครอง ในฐานะเจ้าพนักงานออกบัตร และในเมื่อรูปแบบของบัตรสมาร์ทการ์ดที่ไอซีทีส่งมายังกระทรวงมหาดไทยนั้น มีรูปแบบสี ลักษณะ รายการและรายละเอียดของบัตร ไม่เป็นไปตามที่ พ.ร.บ.บัตรประจำตัวประชาชน (ฉบับที่ 2) มาตรา 7 บัญญัติว่า ขนาด สี และลักษณะของบัตร ตลอดจนรายการในบัตรและรายละเอียดของรายการในบัตรให้เป็นไปตามที่กำหนดในกฎกระทรวงกำหนด จึงจำเป็นต้องส่งคืนไอซีที โดยบัตรที่ไอซีทีส่งมานั้น สามารถมองเห็นชัดด้วยตาเปล่าว่าด้านหน้าของบัตรปรากฏรายเส้น (Microtext) สีแดง พาดผ่านด้านล่างของบัตรซึ่งเห็นได้ชัดเจน ส่วนด้านหลังของบัตร ภาพที่ปรากฏสัญลักษณ์ตรวจบัตร ไม่ใช่รูปแผนที่ประเทศไทย จึงไม่ตรงกับรูปแบบท้ายกฎกระทรวงฉบับที่ 22Ž   "   นายมงคลกล่าว
 
   นายมงคลกล่าวอีกว่า ได้พิจารณาเห็นว่าบัตรที่ส่งมามีรูปแบบไม่เป็นไปตามที่กฎกระทรวงกำหนด จึงไม่สามารถรับมอบบัตรได้ เพราะหากรับจะถือว่าเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย จึงขอให้ไอซีทีแก้ไขให้ถูกต้องตามกฎกระทรวงด้วย เพราะกระทรวงมหาดไทยคงไม่แก้ไขกฎกระทรวงให้รองรับบัตรดังกล่าว ส่วนบัตรที่ไอซีทีส่งมา 600,000 ใบนั้น ยังไม่ผ่านการตรวจรับของคณะกรรมการตรวจรับพัสดุของไอซีที แต่เป็นการนำมาฝากไว้เพื่อรอผลการทดสอบเท่านั้น ไม่ได้เป็นการส่งมอบแต่อย่างใด ส่วนที่นายวงศ์ศักดิ์ยืนยันว่ามีรูปแผนที่ประเทศไทย ในกรอบสีทองด้านหลังบัตร แต่ต้องมองในลักษณะเอียงบัตรนั้น ในกฎกระทรวง ให้เห็นรูปประเทศไทยชัดเจน เป็นอันดับแรก โดยไม่ต้องเอียงบัตรแต่อย่างใด 
 
ยันบัตร"ไอซีที" ขัดกฎกระทรวง


   ด้านนายพิภพ ดำทองสุข ผู้อำนวยการสำนักบริหารการทะเบียน ชี้แจงรายละเอียดเกี่ยวกับปัญหากรณีบัตรสมาร์ทการ์ดที่เกิดขึ้นว่า กรมการปกครองในฐานะหน่วยงานรับผิดชอบการจัดทำบัตรประจำตัวประชาชนโดยตรง ได้แจ้งให้กระทรวงไอซีที รับบัตรเปล่าสมาร์ทการ์ด 600,000 ใบ ที่ฝากไว้ที่สำนักบริหารการทะเบียน กรมการปกครอง คลองเก้า ลำลูกกา ปทุมธานี คืนกลับไปทั้งหมด เนื่องจากกรมการปกครอง ได้ตรวจบัตรเปล่าที่ไอซีทีส่งมาให้ตรวจแล้ว พบว่ารูปแบบสีลักษณะและรายละเอียดของบัตรดังกล่าว ไม่เป็นไปตามกฎกระทรวงฉบับที่ 22 (พ.ศ.2550) อย่างเห็นได้ชัด เนื่องจากด้านหน้าของบัตรปรากฏลายเส้น (Microtext) สีแดง พาดผ่านด้านล่างของบัตร เห็นได้ชัดเจน ส่วนด้านหลังของบัตร ภาพที่ปรากฏบนสัญลักษณ์ตรวจสอบบัตร ไม่ใช่รูปแผนที่ประเทศไทย จึงไม่ตรงกับรูปแบบท้ายกฎกระทรวง
 
นายพิภพกล่าวว่า พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) บัตรประจำตัวประชาชน มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นผู้รักษาการตาม พ.ร.บ. และเป็นผู้พิจารณาออกกฎกระทรวงทั้งหมดที่เกี่ยวข้อง ดังนั้น เมื่อกฎกระทรวงฉบับที่ 22 (พ.ศ.2550) ซึ่งกำหนดเรื่องรูปแบบ สีลักษณะ รายการ และรายละเอียดของบัตรสมาร์ทการ์ด ที่ออกด้วยระบบคอมพิวเตอร์แบบอเนกประสงค์ไว้อย่างชัดแจ้ง และได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เพื่อให้ประชาชนได้ทราบโดยทั่วกันแล้ว ผู้ที่จะผลิตบัตรเปล่าจะต้องผลิตให้เป็นไปตามกฎกระทรวง เพื่อไม่ให้เกิดความสับสนในการนำบัตรไปใช้ของประชาชน และเพื่อให้บัตรสมาร์ทการ์ด ที่กรมการปกครองผลิต เป็นบัตรประจำตัวประชาชนที่ถูกต้องตามกฎหมายทุกประการ หากมีปัญหาข้อสงสัยเกี่ยวกับความถูกต้องของบัตร เป็นอำนาจในการวินิจฉัยของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย


แก้ไขบัตรต้องให้รัฐมนตรี จัดการ

นายพิภพกล่าวว่า ในอดีตที่ผ่านมาได้กำหนดรูปแบบ ลักษณะ รายการ สีและรายละเอียดของบัตรไว้ตามกฎกระทรวงฉบับที่ 18 (พ.ศ.2542) แต่มีผู้วิจารณ์อย่างกว้างขวางว่าบัตรรุ่นนั้น ไม่มีครุฑ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความเป็นเอกสารของทางราชการ ทั้งที่จริงแล้ว กรมการปกครองได้ออกแบบครุฑเป็นลวดลาย กีโรเช่ ซึ่งไม่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่าไว้แล้ว แม้มีเสียงเรียกร้องกันอย่างกว้างขวางว่าบัตรประจำตัวประชาชนของไทย ควรมีครุฑปรากฏให้สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนกรมการปกครองไม่สามารถเพิ่มครุฑลงไปในบัตรได้โดยพลการ ยังต้องเสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยในขณะนั้น (นายอารีย์ วงศ์อารยะ) เพื่อแก้ไขกฎกระทรวง ดังปรากฏตามกฎกระทรวงฉบับที่ 22 (พ.ศ.2550) ที่ได้กล่าวมาแล้ว


"สำหรับอำนาจหน้าที่ของเจ้าพนักงานออกบัตร เป็นอำนาจของอธิบดีกรมการปกครอง กำหนดไว้ตามข้อ 3 ของกฎกระทรวงฉบับที่ 18 (พ.ศ.2542) วรรคท้าย ให้เจ้าพนักงานออกบัตรสามารถกำหนดเกี่ยวกับวัสดุที่ใช้เคลือบบัตรป้องกันการปลอมแปลงเท่านั้น จึงไม่สามารถจะกำหนดรูปแบบ สี รายการและรายละเอียด หรือลักษณะอื่นในตัวบัตรนอกเหนือไปจากที่กำหนดไว้ในกฎกระทรวงได้"   นายพิภพกล่าว 


ยันหากรูปแบบบัตรไม่ถูกต้อง  ไม่เห็นชอบ

นายพิภพกล่าวว่า ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อปี 2547 กำหนดให้ไอซีทีเป็นผู้จัดซื้อบัตรแล้วจัดส่งให้กรมการปกครองนำไปทำบัตรให้กับประชาชน โดยมีเงื่อนไขต้องให้กรมการปกครอง (ปค.) ตรวจสอบบัตรก่อนทำการผลิต ดังนั้น  หากรูปแบบบัตรไม่ถูกต้องกรมการปกครองจะไม่เห็นชอบ ซึ่งจะไม่สามารถผลิตบัตรได้ สำหรับบัตรเปล่าสมาร์ทการ์ดจำนวน 600,000 ใบ เป็นบัตรที่คณะกรรมการตรวจรับพัสดุของไอซีทียังไม่ได้ตรวจรับ ดังนั้น กรรมสิทธิ์จึงยังเป็นของเอกชนผู้รับจ้าง กรมการปกครองจึงไม่มีสิทธินำไปใช้ผลิตบัตรประจำตัวประชาชนได้ ประกอบกับรูปแบบและลักษณะของบัตรเปล่าไม่เป็นไปตามกฎหมาย กรมการปกครองจึงแจ้งให้ไอซีทีรับคืนกลับไปแก้ไขให้ถูกต้องเสียก่อน
0ให้ออกใบเหลืองใช้แทนก่อน


นายพิภพกล่าวว่า เพื่อไม่ให้ประชาชนที่มีความจำเป็นต้องทำบัตรประจำตัวประชาชนได้รับความเดือดร้อน กรมการปกครองจึงแจ้งให้ทุกสำนักทะเบียนออกใบรับคำขอมีบัตร บ.ป.2 หรือที่เรียกกันว่าใบเหลือง เพื่อให้ประชาชนใช้ในการติดต่อธุรกรรมต่างๆ ไปพลางก่อน รวมทั้งได้ปรับปรุงรูปแบบการออกใบรับคำขอมีบัตร บ.ป.2 หรือใบเหลือง จากเดิมที่เขียนด้วยลายมือ เป็นการออกโดยคอมพิวเตอร์ซึ่งจะมีความสวยงาม ชัดเจน ป้องกันการปลอมแปลง และมีรูปถ่ายของผู้ขอทำบัตรที่ถ่าย ณ วันที่ขอทำบัตรประจำตัวประชาชน พิมพ์มาในคราวเดียวกัน ทำให้ประชาชนได้รับความสะดวกและประหยัด ซึ่งกรมการปกครองขอเรียนว่าใบรับคำขอมีบัตร บ.ป.2 หรือที่เรียกกันว่าใบเหลืองดังกล่าว สามารถใช้ได้อย่างถูกต้องตามกฎหมายเหมือนกับบัตรประจำตัวประชาชนทุกประการ


นายพิภพกล่าวว่า กรมการปกครองขอเรียนว่าได้พยายามเร่งรัดที่จะแก้ไขปัญหาการขาดแคลนบัตรให้ลุล่วงเรียบร้อยโดยเร็ว เพื่อให้บริการประชาชนตามปกติ ทั้งนี้จะได้ร่วมมือกับไอซีทีอย่างใกล้ชิด เพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหาดังกล่าวต่อไป


เหตุบัตรป่วน"ไอซีที-มท." ขัดกัน


แหล่งข่าวจากกระทรวงไอซีทีเปิดเผยว่า กรณีบัตรสมาร์ทการ์ดเป็นปัญหาที่สะสมมาพอสมควร เพราะความไม่ลงรอยกันระหว่างกระทรวงมหาดไทย (มท.) กับกระทรวงไอซีที สมัยร้อยตรีหญิงระนองรักษ์ สุวรรณฉวี เป็นรัฐมนตรีว่าการ กรณี มท.เสนอประมูลเช่าระบบคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ประกอบตามโครงการระบบให้บริการประชาชนทางด้านการทะเบียนและบัตรประจำตัวประชาชนแบบใหม่ด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ วงเงิน 3,490.84 ล้านบาท แต่เนื่องจากการจัดหาระบบคอมพิวเตอร์ของรัฐ ที่มีมูลค่าเกิน 100 ล้านบาท ต้องเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการจัดหาระบบคอมพิวเตอร์ของรัฐ ซึ่งขณะนั้นมีนายวิบูลย์ทัต สุทันธนกิตติ์ รองปลัดกระทรวงไอซีที เป็นประธาน


 ทั้งนี้ ครั้งแรกคณะกรรมการจัดหาระบบคอมพ์ให้ มท.ไปปรับกรอบเงื่อนไขการประมูล (ทีโออาร์) ใหม่ เพื่อให้เป็นไปตามที่กระทรวงไอซีทีกำหนด และ มท.ได้ดำเนินการแล้ว แต่ร้อยตรีหญิงระนองรักษ์กลับไม่ให้นำเรื่องเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการจัดหาระบบคอมพ์ โดยให้เหตุผลว่าการดำเนินการของ มท.ยังไม่ไปตามที่นายอภิสิทธิ์ในฐานะประธานคณะกรรมการเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารแห่งชาติ (กทสช.) ตั้งข้อสังเกตไว้


แหล่งข่าวกล่าวว่า จากปัญหาครั้งนั้น เมื่อถึงการดำเนินการจ้างเหมาจัดทำบัตรสมาร์ทการ์ดจำนวน 26 ล้านใบของกระทรวงไอซีที ที่ลงนามสัญญาจ้างบริษัท วี-สมาร์ท จำกัด วงเงิน 902.15 ล้านบาท ได้ดึงเรื่องการอนุมัติรูปแบบ ส่งผลให้การส่งมอบบัตรสมาร์ทการ์ด 5 ล้านใบแรกล่าช้า


ดองเรื่องเห็นชอบแบบบัตร


"การที่นายวงศ์ศักดิ์ (อธิบดีกรมการปกครองขณะนั้น) ออกมาระบุว่าได้พิจารณาเห็นชอบแบบบัตรสมาร์ทการ์ดแบบ 1-E ที่มีระบบป้องกันการปลอมแปลงตามที่กระทรวงไอซีทีเสนอตั้งแต่วันที่ 11 ธันวาคม 2552 และลงนามในหนังสือแจ้งไปยังกระทรวงไอซีทีเมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2552 ยืนยันว่ากระทรวงไอซีทีไม่ได้รับเอกสารระบุวันดังกล่าว จึงมีทำหนังสือทวงถามไปหลายครั้ง สุดท้ายจึงมีหนังสือลงชื่อนายวงศ์ศักดิ์เห็นชอบรูปแบบบัตรสมาร์ทการ์ดแบบ 1-E เมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2553 ทำให้มั่นใจว่าเรื่องนี้ถูกดองไว้ที่ มท."


แหล่งข่าวกล่าวด้วยว่า อย่างไรก็ตาม เมื่อกระทรวงไอซีทีทยอยส่งบัตรสมาร์ท จำนวน 1 ล้านใบแรก มท.กลับไม่ยอมรับและจะส่งคืน โดยอ้างรูปแบบบัตรไม่เป็นไปตามกฎกระทรวง ทั้งที่การตรวจรับบัตรในคราวแรกโดยคณะกรรมการตรวจรับก็มีตัวแทนของกรมการปกครองร่วมด้วย กระทรวงไอซีทีจึงมองไม่เห็นว่าได้ทำอะไรผิด หากไปยกเลิกสัญญากับบริษัทผู้ผลิตจึงไม่เหตุผลสมควร


" สุดท้ายแล้วเรื่องนี้ใครเสียหาย ประชาชนเสียหาย เดือดร้อน การที่ออกใบเหลืองมาใช้แทนชั่วคราว กรณีที่ประชาชนอยู่พื้นที่ห่างไกล เดินทางลำบาก เขาจะทำอย่างไร เรื่องนี้เคยได้ยินมาด้วยว่าเจ้าหน้าที่ของกรมการปกครอง ได้รับคำสั่งว่าถ้าประชาชนถามว่าทำไมไม่มีบัตร ให้โทษว่าเป็นเพราะไอซีทีล่าช้า เรารับไม่ได้เหมือนกัน"   แหล่งข่าวกล่าว 
  
คนกรุงโวยสมาร์ทการ์ดหมด บัตรเหลืองเปื่อย
 
นายยศศักดิ์ คงมาก ผู้อำนวยการสำนักปกครองและทะเบียน (สปท.) กรุงเทพมหานคร (กทม.) กล่าวถึงกรณีที่ไม่มีสมาร์ทการ์ดให้บริการประชาชนที่ไปทำบัตรประจำตัวประชาชนในหน่วยงานสังกัด กทม. ว่า ปัญหาไม่มีสมาร์ทการ์ดใช้เกิดขึ้นตั้งแต่ปลายเดือนพฤษภาคม โดย กทม.แจ้งไปยังสำนักงานเขตทั้ง 50 เขต ให้ออกบัตรเหลืองชั่วคราว เพื่อใช้แทนบัตรประจำตัวประชาชน ทั้งนี้ ทราบว่าเมื่อช่วงที่มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาเขต (ส.ข.) ทั้ง 14 เขต พบว่ามีประชาชนไปทำบัตรประชาชนทั่วกรุงเทพฯ แต่ กทม.ต้องออกบัตรเหลืองให้แทนเฉลี่ยวันละ 5,000 ใบ หรือคิดเป็นเฉลี่ยเขตละ 100 ใบต่อวัน


" ประชาชนได้แสดงความไม่พอใจต่อปัญหาดังกล่าว และวิพากษ์วิจารณ์ว่าบัตรเหลืองรักษายาก เพราะเปื่อยยุ่ยง่าย และอาจสูญหายได้ง่าย จึงอยากให้ กทม.เร่งรัดนำสมาร์ทการ์ดมาใช้ให้เร็วที่สุด "  นายยศศักดิ์กล่าว และว่า ยังตอบไม่ได้ว่าจะมีสมาร์ทการ์ดได้อีกเมื่อใด เพราะขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนที่กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงเทคโนโลยีและสารสนเทศ ประสานงานส่งมอบสมาร์ทการ์ดชุดใหม่


จุติ มอบฝ่ายกฎหมาย สอบข้อบกพร่อง 


ขณะที่นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) กล่าวว่า ได้มอบหมายให้ฝ่ายกฎหมายพิจารณาเรื่องข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการบัตรประชาชนสมาร์ทการ์ด โดยมีเป้าหมายเพื่อตรวจสอบการทำงานของไอซีทีที่ผ่านมาในโครงการนี้มีจุดใดบ้างที่เป็นข้อบกพร่อง อย่างไรก็ตาม เท่าที่คณะกรรมการของไอซีทีรายงานผลการดำเนินงานให้ทราบ เชื่อว่าเป็นไปอย่างถูกต้อง ทั้งนี้ คาดว่าภายในสัปดาห์หน้าฝ่ายกฎหมายจะได้ข้อสรุปเพื่อให้สามารถดำเนินการส่งมอบบัตรสมาร์ทการ์ด 5 ล้านใบ (งวดที่ 2) ได้ทันตามกำหนดในวันที่ 5 กรกฎาคมนี้


นายจุติกล่าวว่า ส่วนกระทรวงมหาดไทยจะดำเนินการอย่างไร คงต้องพิจารณาอีกครั้งว่าท่าทีของกระทรวงมหาดไทยจะเป็นอย่างไร แต่หวังว่าทุกฝ่ายจะร่วมกันผลักดันให้ประชาชนมีบัตรประชาชนใช้โดยเร็ว


"ผมไม่อยากมีเรื่องกับใครและไม่อยากไปต่อล้อต่อเถียง หากถามผมส่วนตัวว่าเรื่องนี้จะเป็นอย่างไรต่อไป ก็บอกได้ว่าคงดำเนินการยากมากที่จะทำให้ปัญหาจบโดยเร็ว" นายจุติกล่าว 


เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์