เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 29 มิ.ย. ที่ อ.บ้านแพ้ว จ.สมุทรสาคร นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีสมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ระบุว่าไม่อยากให้รัฐบาลชุดใหม่ดำเนินการนโยบายเหมือนรัฐบาลชุดปัจจุบัน ว่า เป็นการยืนยันสิ่งที่ตนเคยพูดไว้ว่าขณะนี้ประชาชนต้องตัดสินใจว่าจะเลือกพรรคการเมืองที่ปกป้องผลประโยชน์ของประเทศจริง ๆ ซึ่งอาจขัดใจผู้นำประเทศเพื่อนบ้าน แต่จะเป็นความเข้มแข็งในการไปเจรจาต่อรองเพื่อรักษาผลประโยชน์ของประเทศไทยโดยยังรักษาความเป็นเพื่อนบ้านที่ดี หรือจะสนับสนุนพรรคการเมืองที่มีความสนิทสนมแนบแน่นกับสมเด็จฮุนเซน
เมื่อถามว่าสมเด็จฮุนเซน ยังท้าทายว่าถ้านายอภิสิทธิ์ มีความเป็นลูกผู้ชายพอ ขอให้เขียนจดหมายลาออกเป็นทางการส่งไปยังองค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรม แห่งสหประชาชาติ(ยูเนสโก) นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องของสมเด็จฮุนเซนที่ต้องมาวุ่นวายกับการทำงานของรัฐบาลไทย วันนี้รัฐบาลไทยต้องพูดคุยกับนูเนสโกอย่างต่อเนื่องว่าเมื่อมีข้อมติที่ยืนยันว่าไม่มีการพิจารณาแผนบริหารจัดการพื้นที่รอบปราสาทพระวิหารที่เสนอโดยกัมพูชานั้นมีผลต่อไปอย่างไร และเราขอให้คณะกรรมการมรดกโลกยืนยันอย่างชัดเจนถึงข้อมติต่าง ๆ ของด้วย เป็นเรื่องระหว่างรัฐบาลไทยกับคณะกรรมการมรดกโลก ไม่เกี่ยวกับกัมพูชา
ส่วนที่สมเด็จฮุนเซนอ้างว่าไทยจับกัมพูชาเป็นตัวประกันเพื่อการเมืองภายในประเทศไทยนั้น ไม่มีประเด็นดังกล่าวเพราะการประชุมและการดำเนินการต่าง ๆ เป็นสิ่งที่ถูกกำหนดไว้ล่วงหน้าทั้งสิ้น ตนพูดมาตลอดว่าถ้ากัมพูชาอยากจะแก้ปัญหานี้อย่างจริงใจ ต้องมาคุยกับฝ่ายไทยเพียง 2 ฝ่าย และยุติการเดินหน้าในเวทีโลกต่าง ๆ จะทำให้เกิดความตึงเครียดมากขึ้น เมื่อถามว่ากัมพูชายังกล่าวหาไทยจะโจมตีกัมพูชาเพื่อสร้างสงครามและลากการเลือกตั้งของไทยออกไป นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่มีการทำเช่นนั้น และไทยได้พิสูจน์และชี้แจงต่อชาวโลกมาหลายครั้งแล้วว่าการปะทะที่เกิดขึ้นทุกครั้ง ฝ่ายไทยไม่มีเหตุผลที่จะไปเริ่มก่อนเพราะไม่มีประโยชน์อะไร เราไม่มีนโยบายว่าจะรุกล้ำใคร การที่กัมพูชาเสริมกำลังทหารนั้น ตนได้พูดคุยกับกองทัพอย่างต่อเนื่อง ซึ่งรมว.กลาโหม และผู้บัญชาการทหารบก ยืนยันว่ากองทัพพร้อมปกป้องอธิปไตยของไทย
กรณีนายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย อดีตรมว.ต่างประเทศ ไม่เห็นด้วยที่ไทยถอนตัวจากภาคีคณะกรรมการมรดกโลก เพราะไม่ทำให้ไทยได้ประโยชน์อะไรนั้น รัฐบาลต้องชี้แจงต่อประชาชนอย่างไร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ประชาชนคงเห็นชัดแล้วว่าถ้าต้องเลือกระหว่างการเข้าไปเสี่ยงต่อการเสียดินแดน ตนคิดว่าประชาชนคนไทยคงไม่มีใครยินยอม ดังนั้น สิ่งที่เราทำไปก็เพื่อป้องกันไม่ให้มีการพิจารณาแผนบริหารจัดการของกัมพูชา ซึ่งขณะนี้ประสบความสำเร็จ เพราะคณะกรรมการฯยืนยันมาเป็นลายลักษณ์อักษรว่าไม่ได้พิจารณาแผนของกัมพูชา ส่วนไทยกับคณะกรรมการมรดกโลกจะเป็นอย่างไรต่อไปนั้นก็ต้องพูดคุยกัน ยังไม่มีอะไรเสียหาย
เมื่อถามว่าช่วงเวลา 1 ปี ในการสะสางปัญหานี้ ขั้นตอนที่ควรทำนั้นมีอะไรบ้าง นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า สิ่งแรกคือการพูดคุยกับยูเนสโกว่าข้อมติเป็นอย่างไร และแนวทางหรือขั้นตอนที่จะเดินหน้าต่อไปนั้นเป็นอย่างไร สำหรับการดูแลประชาชนตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา โดยเฉพาะที่ใกล้กับจุดปะทะกันระหว่าง 2 ประเทศ ซึ่งหวาดกลัวว่าจะมีการปะทะกัน นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า มีการสำรวจตรวจสอบและเตรียมความพร้อมไว้แล้ว โดยเราได้มีการซ้อมในพื้นที่ดังกล่าวในกรณีถ้าเกิดปัญหา แต่ตนเชื่อว่าไม่มีเหตุผลใดที่ทั้ง 2 ประเทศจะต้องปะทะกัน.
กระทู้ร้อนแรงที่สุดของวันนี้
กระทู้ล่าสุด
รูปเด่นน่าดูที่สุดของวันนี้
