นายกฯขู่เพิ่มตอบโต้กัมพูชา หากไม่หยุดยิง

"อภิสิทธิ์"ขู่ตอบโต้เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ หากกัมพูชายังไม่หยุด เผย"ประวิตร-เตียร์บัน"นัดถกปัญหาพรุ่งนี้ (27เม.ย.) ชี้เป็นสัญญาณเสียงสงบ

ขณะที่บางส่วนยังเห็นได้ชัดว่าเป็นความพยายามของกัมพูชาที่จะใช้วิธีการโจมตีเรา ที่สำคัญคือเราต้องตอบโต้เพราะเราไม่ยอมให้เขามายึดพื้นที่เด็ดขาด ซึ่งในที่ประชุมครม.ได้มีการพูดถึงเรื่องนี้อย่างชัดเจน และทางกองทัพตอบโต้เต็มที่ ซึ่งการตอบโต้อย่างต่อเนื่อง เราคิดว่าจะทำให้หยุดความพยายามต่างๆของกัมพูชาได้ โดยเมื่อคืนวันที่ 25 เม.ย.ที่ผ่านมา ทหารไทยสามารถยึดอาวุธต่างๆจากฝ่ายกัมพูชาได้ด้วย  

"ส่วนแนวโน้มในตอนนี้อย่างน้อยที่สุดในระดับรัฐมนตรีกลาโหมของทั้ง 2 ฝ่ายจะได้คุยกัน ซึ่งล่าสุด พล.อ.เตียร์ บัน รมว.กลาโหมของกัมพูชา ออกมาให้สัมภาษณ์แล้วว่าจะเชิญพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหมของไทย ไปพูดคุยในวันที่ 27 เม.ย.นี้ ซึ่งเราก็ยินดีไปพูดคุย" นายกฯ กล่าว 

เมื่อถามถึงจำนวนประชาชนที่ต้องถูกอพยพออกจากพื้นที่ที่มีเหตุปะทะกัน นายกฯ กล่าวว่า ยังไม่ทราบตัวเลขที่ จ.ศรีสะเกษ
 
แต่เรายืนยันว่าต้องยึดเรื่องของความปลอดภัยของประชาชนก่อน และตนต้องขอบอกกับประชาชนว่าการที่ยังต้องมีการตอบโต้อยู่นั้น เป็นเพราะต้องการอธิปไตยเอาไว้ ส่วนเรื่องขวัญกำลังใจของทหารในพื้นที่ยังดีอยู่ โดยในวันนี้ รมว.กลาโหม และผบ.ทบ. ลงไปในพื้นที่ด้วย 


เมื่อถามว่านอกจากการตอบโต้แล้ว จะมีการทบทวนในส่วนอื่นหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เรามีมาตรการและเครื่องมือต่างๆอยู่หลายตัว
 
แต่จะใช้ในเวลาใดนั้น จะดูจังหวะและเวลา โดยมีการประเมินสถานการณ์ที่จะใช้ ซึ่งไม่จำเป็นและไม่ควรใช้ทุกอย่างพร้อมกัน เมื่อถามต่อว่าถึงเวลาที่จะใช้มาตรการด้านเศรษฐกิจมากดดันกัมพูชาแล้วหรือไม่
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขณะนี้เรื่องของด่านก็ถูกปิดไปโดยปริยาย และตัวอื่นๆก็สามารถดำเนินการได้ เมื่อถามว่าการตอบโต้ของไทยจะกลายเป็นเหยื่อของกัมพูชาที่จะนำไปร้องเรียนต่อนานาชาติหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า เรายังยืนยันว่าเรื่องนี้เป็นปัญหาของพื้นที่ และแนวทางที่ต้องแก้ไขปัญหา ก็ต้องเป็นการแก้ไขโดยทั้ง 2 ฝ่าย ซึ่งทุกอย่างที่เราทำนั้นสอดคล้องกับจุดยืนนี้ 

เมื่อถามว่าเพียงพอต่อสถานการณ์ตอนนี้แล้วหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ตอนนี้กองทัพได้ตอบโต้ไปพอสมควร
 
ซึ่งบางครั้งเราอยู่ฝั่งนี้เราไม่ทราบข่าวและผลที่เกิดกับฝั่งกัมพูชาทั้งหมด ดังนั้น เราจะดูเป็นเรื่องๆ เป็นรายพื้นที่ไปก่อน และสัญญาณในขณะนี้ที่จะมีการให้พูดคุยกันก็เป็นสัญญาณที่ดีขึ้น เพราะเราต่องการให้เหตุการณ์สงบลง โดยที่เราสามารถปกป้องอธิปไตยและดินแดนของไทยไว้ เมื่อถามว่าเราตั้งรับเกินไปหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ไม่ใช่ การพูดมันพูดง่าย แต่ตนอยากบอกว่าปัญหาทั้งหมดที่เกิดขึ้นนั้นถ้าเราอ่อนแอ ก็คงมาไม่ได้ถึงจุดนี้ 

"วันนี้กัมพูชาพยายามทำทุกทางที่จะลากประชาคมโลกเข้ามา เพราะเขาไม่ประสบความสำเร็จกับการที่จะทำหลายอย่างที่จะรุกคืบเข้ามา และตัวปราสาทที่เกิดปัญหาการปะทะกันในขณะนี้ ฝ่ายเราครอบครองพื้นที่อยู่และเขาพยายามรุกคืบเข้ามา ดังนั้นถามว่าจะให้เราเดินเขตแดนของเรา ก็จะเป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่ไม่ได้หมายความเราจะอยู่เฉย เราทำมาตรการต่างๆไปพอสมควร"นายอภิสิทธิ์ กล่าว 

เมื่อถามว่าการรุกคืบของกัมพูชาสะท้อนหรือไม่ว่าไม่สนใจการเจรจาระดับทวิภาคี นายกฯ กล่าวว่า เขาพยายามที่จะยึดพื้นที่ให้ได้
 
ซึ่งไทยไม่ยอมเด็ดขาด และเมื่อมีการปะทะกัน เขาก็พยายามใช้เงื่อนไขนั้นเพื่อยกระดับไปสู่เวทีสากลเท่านั้น ดังนั้น เมื่อฝ่ายไทยตอบโต้ไปก็เพื่อให้หยุด แต่ถ้าเขาไม่หยุด เราก็จะให้เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆโดยระมัดระวังไม่ให้เข้าไปในแนวทางการวางยุทธศาสตร์ของกัมพูชา เมื่อถามต่อว่ามั่นใจหรือไม่ว่าจะจำกัดวงได้เพื่อไม่ให้ขยายผลกลายเป็นสงครามระหว่าง 2 ประเทศ นายกฯ กล่าวว่า เราไม่สามารถตอบได้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เพราะต้องไม่ลืมว่ากัมพูชาเป็นฝ่ายเริ่มก่อน ถ้าเขาไม่เริ่มก็ไม่มีปัญหา แต่เขาจะทำอะไรบ้างนั้นเราก็จับตาดูตลอด 

เมื่อถามว่าสถานการณ์หลายวันที่ผ่านมา ทำให้มองออกหรือไม่ว่ากัมพูชาจะยุติสิ่งที่ทำอย่างไร นายกฯ กล่าวว่า กัมพูชาต้องประเมินผลที่ตัวเองได้รับเหมือนกัน เมื่อถามว่ากัมพูชาดูแย่หรือไม่จากการที่เป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำแล้วจึงเชิญไทยไปพูดคุย นายกฯ กล่าวว่า ไม่ทราบ แต่ให้ระดับรมว.กลาโหม คุยกันก่อน 

ต่อข้อถามว่าหลายฝ่ายมองว่าปัญหานี้อาจส่งผลให้เลื่อนการยุบสภาและการเลือกตั้งออกไป นายกฯ กล่าวว่า
 
ไม่มีประเด็นนั้น ตนคิดว่าทิศทางและนโยบายชัดเจนอยู่แล้ว และกองทัพได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่ในการปกป้องอธิปไตย ซึ่งกองทัพทราบดีว่าพื้นที่ต่างๆที่มีการตรึงกำลังนั้นไม่มีถอยอยู่แล้ว อีกทั้ง การยุบสภาไม่ได้หมายความว่าประเทศไทยไม่มีรัฐบาล โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องแบบนี้ตนคิดว่าทำได้เต็มที่อยู่แล้ว และไม่เกี่ยวกับการมีประโยชน์หรือมีส่วนได้ส่วนเสียทางการเมือง หรือเอาเปรียบระหว่างพรรคการเมืองด้วยกัน 

เมื่อถามว่าทั้งในสนามรบและเวทีการเมืองระหว่างประเทศ ไทยตกเป็นรองกัมพูชาหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ตนคิดว่าไม่ตกเป็นรอง
 
เพราะถ้าตกเป็นรอง เรื่องนี้คงไม่เกิดตั้งแต่ต้น โดยวันนี้จะเห็นได้ชัดว่ากัมพูชาหงุดหงิดกับเรื่องที่ไทยพยายามสกัดกั้นการขอขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก มา 2 ปีแล้ว ซึ่งทำให้เขาไม่สามารถรุกคืบได้ หรือการดึงนานาชาติเข้ามา แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ

นั่นคือเรื่องการเมืองระหว่างประเทศ ส่วนระดับพื้นที่ กัมพูชาต้องการเข้ามาในพื้นที่ปราสาทที่มีการปะทะกัน เพราะฝ่ายไทยครอบครองอยู่
 
ตนจึงคิดว่าเราไม่เป็นรองต่อกัมพูชา เมื่อถามต่อว่ากัมพูชาจะหงุดหงิดมากขึ้นเมื่อใกล้ถึงช่วงที่จะมีการประชุมคณะกรรมการมรดกโลก นายกฯ กล่าวว่า มีความเป็นไปได้ ซึ่งหลายคนก็บ่นว่าทำไมต้องเกิดเหตุการณ์แบบนี้ แต่ตนเห็นว่าไทยยอมไม่ได้จริงๆ ถ้าจะให้ไทยถอยทหารออกจากจุดที่เราอยู่หรือโอนอ่อนเรื่องมรดกโลก เราก็ไม่ทำเพราะต้องรักษาผลประโยชน์ของประเทศ 

ต่อข้อถามว่าคิดว่าคณะกรรมการมรดกโลกควรจะเรียนรู้จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า หวังว่าเขาคงเข้าใจแล้ว เพราะช่วงต้นปีที่เขามาพบกับตน ก็ดูเขาเข้าใจมากขึ้น แต่ตนอยากให้คณะกรรมการมรดกโลกดำเนินการรวดเร็วกว่านี้ในการชี้ให้เห็นว่า ปัญหาการขอขึ้นทะเบียนปราสาทดังกล่าวเป็นมรดกโลกจำเป็นที่ต้องถูกเลื่อนออกไป


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์