นายกฯ ย้ำผลสำเร็จการประชุมครม.ไทย-เวียดนาม เตรียมยกระดับความสัมพันธ์เชิงลึก

นายกฯ ย้ำผลสำเร็จการประชุมครม.ไทย-เวียดนาม เตรียมยกระดับความสัมพันธ์เชิงลึก


นายกฯ ย้ำผลสำเร็จการประชุมครม.ไทย-เวียดนาม เตรียมยกระดับความสัมพันธ์เชิงลึก

น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงข่าวร่วมกับนายเหวียน เติ๊น สุง นายกรัฐมนตรีเวียดนาม ณ ศูนย์ประชุม International Convention Center (ICC) กรุงฮานอย ฮานอย สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีร่วมไทย-เวียดนามอย่างไม่เป็นทางการ ครั้งที่ 2 สรุปสาระสำคัญ ดังนี้

โดย น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวกล่าวแสดงความยินดีที่ได้เข้าร่วมการประชุมคณะรัฐมนตรีร่วมไทย-เวียดนาม หลังจากที่ว่างเว้นมาเป็นเวลากว่า 8 ปี ตั้งแต่การประชุมครั้งที่ 1 ซึ่งปัจจุบัน ภูมิภาคอาเซียนกำลังมีการเปลี่ยนแปลงสำคัญในด้านพัฒนาการของภูมิภาค อีกทั้ง กำลังก้าวสู่การเป็นประชาคมอาเซียน สำหรับเวียดนามที่มีความเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่อง และไทยที่มีเสถียรภาพทางการเมืองและเศรษฐกิจที่ดี ส่งผลให้นานาประเทศให้ความสนใจที่จะเข้ามามีปฏิสัมพันธ์กับภูมิภาคนี้ นายกรัฐมนตรี ทั้งสองประเทศจึงเห็นเป็นโอกาสสำคัญที่จะมุ่งยกระดับความสัมพันธ์ไทย -เวียดนามขึ้นเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ที่ใกล้ชิดทั้งในระดับทวิภาคี ภูมิภาคและระดับโลก ทั้งในเชิงลึกและเชิงกว้างมากยิ่งขึ้น โดยไทยและเวียดนามเห็นพ้องตั้งคณะกรรมาธิการร่วมเพื่อพัฒนาความสัมพันธ์สู่ความเป็นหุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์ต่อไป

ในการประชุมครั้งนี้ได้ช่วยสร้างความรู้จักคุ้นเคยระหว่างรัฐมนตรีสองฝ่าย อันเป็นประโยชน์ต่อการทำงานร่วมกันและประสานงานกันอย่างใกล้ชิดต่อไป ซึ่งในวันนี้ ไทยและเวียดนามยังได้ร่วมกันแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นเกี่ยวกับแนวทางกระชับความสัมพันธ์ดังกล่าวในทุกด้าน และส่งเสริมการเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ระหว่างกัน พร้อมร่วมกันผลักดันความร่วมมือต่างๆ ให้คืบหน้า ทั้งด้านการเมือง ความมั่นคง เศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรมและการศึกษา โดยทั้งสองฝ่ายมุ่งมั่นที่จะสานต่อผลการหารือให้เป็นรูปธรรมโดยเร็ว และยังยืนยันความพร้อมที่จะขยายความร่วมมือให้เพิ่มมากขึ้นในมิติที่หลากหลายและรอบด้าน และจะร่วมกันผลักดัน

สำหรับความร่วมมือในเรื่องยางพารา นายกรัฐมนตรี ยินดีที่เวียดนามตอบรับคำเชิญเข้าร่วมการประชุมประเทศผู้ผลิตยางพาราที่ไทยจะเป็นเจ้าภาพในเดือนธันวาคมนี้ ส่วนในเรื่องข้าว เห็นพ้องถึงความสำคัญของความร่วมมือที่ใกล้ชิดทั้งในระดับทวิภาคี และพหุภาคี เพื่อร่วมกันรักษาเสถียรภาพราคาข้าว ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อทุกฝ่าย พร้อมกับความสำคัญของความร่วมมือในการเชื่อมโยงในภูมิภาคต่อไป

พร้อมกันนี้ ทั้งสองฝ่ายได้หารือและส่งเสริมความร่วมมือด้านสังคม วัฒนธรรม การศึกษาและแรงงาน ให้เพิ่มมากขึ้น เพื่อร่วมกันก้าวสู่การเป็นประชาคมอาเซียน และได้ร่วมลงนามรับรองเอกสารสำคัญ 3 ฉบับระหว่างรัฐบาลและองค์กรภาคเอกชน ซึ่งจะเป็นกรอบความร่วมมือและพื้นฐานของการดำเนินความสัมพันธ์ต่อไป

ในเรื่องสถานการณ์ภูมิภาค นายกรัฐมนตรีเวียดนาม แสดงความสนับสนุนบทบาทที่สร้างสรรค์ของไทยในฐานะประเทศผู้ประสานงานอาเซียน โดยเฉพาะการส่งเสริมความมั่นคงและสันติภาพในทะเลจีนใต้

อย่างไรก็ตาม การประชุมในครั้งนี้ประสบผลสำเร็จตามเป้าหมาย และเชื่อมั่นว่ากรอบแนวทางความร่วมมือและความตกลงเหล่านี้ จะช่วยพัฒนาส่งเสริมความร่วมมือไทย-เวียดนามในด้านต่างๆ ให้เจริญรุดหน้ายิ่งขึ้น และก่อให้เกิดประโยชน์สุขร่วมกันของประชาชนทั้งสองประเทศ


เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์ข่าวสด


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์