นลินี ทวีสินเปิดใจปมร้อน เจอแบล๊กลิสต์สหรัฐ

นลินี ทวีสินเปิดใจปมร้อน เจอแบล๊กลิสต์สหรัฐ

น.ส.นลินี ทวีสิน รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีในรัฐบาล "ยิ่งลักษณ์ 2"  และอดีตผู้แทนการค้าไทย ให้สัมภาษณ์ "มติชนออนไลน์" เมื่อวันที่ 19 มกราคม

กรณีมีข่าวถูกทางการสหรัฐอเมริกาประกาศบัญชีดำ (แบล๊กลิสต์) ห้ามเข้าประเทศเมื่อปี 2551 (ค.ศ.2008) และห้ามชาวอเมริกันทำธุรกรรมทางการเงินและการค้ากับบุคคลและบริษัทที่อยู่ในแบล๊กลิสต์นี้  สาเหตุเพราะมีชื่อเกี่ยวพันกับคดีของนายโรเบิร์ต มูกาเบ ประธานาธิบดีซิมบับเว ว่า เรื่องนี้เป็นการกล่าวหาฝ่ายเดียว ซึ่งไม่เคยมีโอกาสชี้แจงข้อเท็จจริง  โดยเกิดขึ้นเมื่อ 4 ปีมาแล้ว (ปี 2551) และไม่ได้เป็นความจริง เมื่อทราบเรื่องภายหลังได้ให้ทีมทนายความดำเนินการทำเรื่องชี้แจงอธิบายข้อมูลไปยังสถานทูตสหรัฐอเมริกาเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ ปี 2552 ( ค.ศ.2009 ) จนถึงขณะนี้ยังไม่ได้รับการติดต่อกลับมาอย่างเป็นทางการ
 

"กระทั่งจู่ๆ ก็มีข่าวออกมาหลังรับตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และสื่อก็ลงกันผิดไม่ได้ถูกขึ้นแบล๊กลิสต์แต่อย่างใด  เพียงมีข้อความระบุห้ามทำธุรกรรมกับคนอเมริกา ไม่ได้ห้ามเข้าประเทศแต่อย่างใด ล่าสุดให้ทางกระทรวงการต่างประเทศตรวจสอบก็ยืนยันว่าไม่มีข้อห้ามเข้าประเทศสหรัฐ ทุกวันนี้ยังมีวีซ่า 10 ปีเข้าสหรัฐ  แต่ว่าที่ผ่านมาไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเดินทางไป" รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าว


น.ส.นลินี กล่าวว่าจากการทำงานในหน้าที่ต่างๆ ที่ผ่านมาได้มีโอกาสรู้จักกับผู้นำประเทศเป็นจำนวนมาก จากการประชุมระหว่างประเทศบ้าง
 
และจากการที่ผู้นำประเทศต่างๆ เดินทางมาเยือนเมืองไทยบ้าง ไม่ได้เป็นสิ่งแปลกที่จะมีความสัมพันธ์สนิทสนมกัน สำหรับกรณีนี้ประธานาธิบดี (ซิมบับเว) และภรรยาได้เดินทางมาประเทศไทยอย่างเป็นทางการเมื่อประมาณปี 2002 (พ.ศ.2545) โดยที่เอกอัครราชทูตเป็นผู้แนะนำให้รู้จักกัน และโดยการแสดงออกถึงน้ำใจไมตรีของคนไทยเรานั้นมิตรภาพก็เกิดขึ้น จึงเป็นเพียงเพื่อนกันโดยไม่ได้มีการทำธุรกรรมใด

"เมื่อแขกบ้านแขกเมืองมาเราก็ดูแลเป็นอย่างดีไม่เพียงเฉพาะประเทศนี้ เพราะนี่คือเอกลักษณ์ของความเป็นไทย ดิฉันมีความสนิทสนมกับผู้นำในทวีปแอฟริกาเป็นจำนวนมากและสามารถยกหูคุยกันได้กับหลายประเทศ ทำไมไม่มองดูจุดแข็งของความสัมพันธ์" รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าว

น.ส.นลินีกล่าวว่า ขอปฏิเสธว่าไม่เคยมีการทำธุรกรรมใดๆทั้งสิ้นกับประธานาธิบดีหรือภรรยาของประธานาธิบดีซิมบับเว

เป็นการกล่าวหาที่ไม่เป็นความจริง การโจมตีว่าเข้าออกประเทศไม่ได้ก็ไม่เป็นความจริง ยืนยันว่าไม่ได้ทำผิดกฎหมายใดๆและไม่ได้เป็นอาชญากร ดังที่ผู้ไม่หวังดีพยายามจะยัดเยียดเพื่อประโยชน์ทางการเมือง
 

"คุณสมบัติของดิฉันก็ครบถ้วน จบปริญญาเอกด้านการสื่อสาร รับปริญญาจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด เรียนที่สหรัฐอเมริกาตั้งแต่ระดับปริญญาตรีและมีประสบการณ์ทุกประการ จึงขอโอกาสใช้ศักยภาพและความสามารถในการทำงานเพื่อประเทศชาติให้อย่างดีที่สุด" รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่าเดินทางไปสหรัฐครั้งล่าสุดเมื่อไหร่ น.ส.นลินีกล่าวว่าไม่ได้เดินทางไปหลังจากปี 2551
 
เนื่องจากไม่มีความจำเป็นต้องเดินทางไป กระทรวงการต่างประเทศก็ยืนยันว่าไม่ได้ถูกห้ามเข้าประเทศ และวีซ่าก็ยังมีจึงต้องให้ความกระจ่าง เมื่อถามว่ารู้จักสนิทสนมกับประธานาธิบดีซิมบับเวได้อย่างไร น.ส.นลินีกล่าวว่ามีทูตแนะนำให้รู้จักในช่วงที่มาเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการและประธานาธิบดีและภรรยาก็ชอบเมืองไทยชอบทะเล

"ตอนที่ช่วยงานสภาวัฒนธรรม ก็เคยได้รับเชิญไปร่วมประชุมที่เกาะลังกาวี ประเทศมาเลเซีย ซึ่งท่านมหาเธร์ (มหาเธร์ โมฮาหมัด อดีตนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย จัดประชุมร่วมผู้นำแอฟริกา เป็นการประชุมแบบผลัดกันจัดคนละปี ยิ่งทำให้รู้จักเป็นการส่วนตัวทั้งทูตแอฟริกา และกษัตริย์สวาซีแลนด์" รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าว

เมื่อถามว่าถูกมองว่าเป็นตัวแทนของกลุ่มทุน "แสนสิริ" นักลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ ที่ถูกส่งเข้ามาร่วมรัฐบาล

น.ส.นลินีกล่าวว่า ไม่ได้เป็นตัวแทนของกลุ่มไหน เป็นตัวของตัวเองมาตลอด เป็นการถูกนำมาโยงกันไปเอง  เมื่อถามว่าได้รับการทาบทามจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้มาเป็นรัฐมนตรี  น.ส.นลินีกล่าวว่าไม่ได้เป็นการทาบทาม แต่ก่อนหน้านี้เคยรู้จักพูดคุยกับน.ส.ยิ่งลักษณ์มาก่อน และนายกรัฐมนตรีคงเคยเห็นเรื่องของการทำงานประสานกับต่างประเทศ และเรียนมาทางด้านนี้โดยตรง จึงให้มาช่วยทำงานเพื่อประเทศชาติ


เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์ข่าวสด


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์