ธาริต-อดุลย์ดอดพบเหลิม

ธาริต-อดุลย์ดอดพบเหลิม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงเวลา 13.45 น. วันที่ 8 มี.ค.55 ที่อาคารรัฐสภา 3 ชั้น 3 ซึ่งเป็นห้องทำงาน ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกฯ

มีความเคลื่อนไหวอย่างคึกคัก โดยนอกจาก ส.ส.พรรคเพื่อไทย ที่สนิทสนมกับ ร.ต.อ.เฉลิม จะแวะเวียนมาเป็นประจำ ยังมี นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ และ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รอง ผบ.ตร. และเลขาธิการ ปปส. เดินทางเข้าพบเพื่อหารือด้วย
นายธาริต เปิดเผยก่อนเข้าพบ ร.ต.อ.เฉลิม ถึงกระแสข่าวจะถูกย้ายจากตำแหน่งว่า เรื่องที่เกี่ยวกับเขา ไม่อยากจะพูด แต่การทำงานในดีเอสไอตอนนี้ ปกติดี มีผู้บังคับบัญชา 3 คน สูงสุดคือ นายกรัฐมนตรี รองลงมา ร.ต.อ.เฉลิม และ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รมว.ยุติธรรม

         
เขาบอกว่า ในฐานะข้าราชการประจำ วันนี้ ยังทำงานกับฝ่ายการเมืองได้ดี ประเทศเราให้อำนาจฝ่ายการเมือง สั่งการให้ข้าราชการประจำนำไปปฏิบัติ ไม่ว่าใครจะมาเป็นฝ่ายบริหาร ก็ทำงานได้หมด เรื่องนี้ ไม่ใช่ข้อแก้ตัวอย่างที่คนมองว่า เขาทำงานได้กับทุกรัฐบาล

         
“ใครที่บอกว่า ธาริต เปลี่ยนสี ก็ต้องบอกว่า ถ้าผมเปลี่ยน ข้าราชการประจำ ก็ต้องเปลี่ยนหมดเหมือนกัน กฎหมายประเทศเราเขียนไว้ เมื่อนโยบายเปลี่ยน หลักปฏิบัติก็ต้องเปลี่ยนตาม ถ้ามีการปรับผมออกจากตำแหน่งจริง ก็ไม่มีปัญหา ตำแหน่งวาระอธิบดีดีเอสไอ มี4ปีถึงอย่างไรก็ต้องเปลี่ยน ซึ่งเหลืออยู่ปีครึ่งก็ต้องเปลี่ยนอยู่แล้ว”

         
นายธาริต ยังกล่าวถึงเหตุผลที่เข้าพบ ร.ต.อ.เฉลิม ว่า เนื่องจาก ร.ต.อ.เฉลิม เชิญมาหารือ เรื่องกำจัดสารตั้งต้น ที่ใช้ผลิตยาเสพติดซูโดอีเฟรดีน ซึ่งเป็นความร่วมมือกับก.สาธารณสุข และ สำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ปปส.) โดยขณะนี้กำลังดูอยู่

ด้าน ร.ต.อ.เฉลิม  กล่าวถึงกระแสข่าวจะเด้งนายธาริต ออกจากตำแหน่งว่า ไม่มี วันนี้ ยังใช้งานและเรียกพบ มาดูคดียาเสพติดอยู่เลย ข่าวมาอย่างไร ไม่ทราบ ถ้าใครทำตามนโยบาย ไม่มีประโยชน์ ยังอยู่ต่อได้ไม่มีย้าย

         
"ที่ผ่านมา นายธาริต ก็ยังทำงานได้ดีทำงานช่วยเหลือปราบปรามยาเสพติด มีความรู้กฎหมาย คุยกันรู้เรื่อง ขณะที่ความสัมพันธ์กับพล.ต.อ.ประชา ก็ดี ไม่มีปัญหาอะไร ทำงานกันได้ พล.ต.อ.ประชา ส่วนจะอยู่จนครบวาระหรือไม่ ต้องดูอีกที"

         
ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า จากการหารือนายธาริต ถึงสารตั้งต้นที่นำมาผลิตยาได้ เท่าที่ทราบมีการทำเป็นขบวนการ แต่ได้เร่งปราบปรามไปเป็นจำนวนมากแล้ว และให้นำเรื่องนี้มาอยู่ในความดูแลของดีเอสไอ เป็นคดีพิเศษ เพื่อให้การทำงานมีประสิทธิภาพ ทำได้อย่างเต็มที่


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์คมชัดลึก

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์