ทูตสหรัฐฯ เข้าพบ ม.ล.ปนัดดา

  ทูตสหรัฐฯ เข้าพบ ม.ล.ปนัดดา

"ม.ล. ปนัดดา " เผย “ ทูตสหรัฐฯเข้าพบแลกเปลี่ยนความเห็นสถานการณ์การเมือง พร้อมแจง เหตุลดอันดับไทยค้ามนุษย์ไม่เกี่ยวรัฐประหาร

เมื่อวันที่ 17 ก.ค.ที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ทำเนียบรัฐบาล ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ให้การต้อนรับนางคริสตี้ เคนนีย์ เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย และได้พูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์บ้านเมืองในปัจจุบันของไทย พร้อมกับได้มอบหนังสือเกี่ยวกับพระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ ฉบับภาษาอังกฤษ เป็นที่ระลึก โดยใช้เวลาพูดคุยนานกว่า 30 นาที สำหรับการหารือครั้งนี้ทางทูตสหรัฐฯได้ติดต่อมาถึงม.ล.ปนัดดา เพื่อขอเข้าพบเป็นการส่วนตัว

จากนั้นม.ล.ปนัดดา ให้สัมภาษณ์ภายหลังการพูดคุย ว่า เอกอัครราชทูตสหรัฐฯให้กำลังใจประเทศไทย
 
เพราะอยากเห็นคนไทยมีความสามัคคี โดยสหรัฐฯถือเป็นมิตรประเทศที่เก่าแก่ประเทศหนึ่ง จึงอยากให้ความสัมพันธ์ยืนยาวต่อไป โดยไม่ได้แสดงความเป็นห่วงเรื่องใดเป็นพิเศษ นอกจากนั้นยังได้พูดถึงเรื่องที่กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯจัดลำดับการค้ามนุษย์ของไทยไปอยู่ในลำดับต่ำสุด หรือ เทียร์ 3 นั้น ทางทูตสหรัฐฯ ชี้แจงว่า เรื่องนี้ไม่มีส่วนเกี่ยวพันธ์กับการรัฐประหาร ไม่ใช่ประเด็นเรื่องการเมืองการปกครองเพราะทางสหรัฐฯได้ทำการประเมินไว้ก่อนแล้วซึ่งเป็นการประเมินระหว่างเดือนเม.ย.-เม.ย.ของแต่ละปี ก่อนที่จะเกิดการรัฐประหารในเดือนพ.ค.จึงเลยช่วงเวลาการจัดอันดับนั้นไปแล้ว

เมื่อถามว่า ทูตสหรัฐฯได้สอบถามเรื่องประชาธิปไตยที่จะเกิดขึ้นกับประเทศไทยต่อจากนี้หรือไม่ ม.ล.ปนัดดา กล่าวว่า ทูตให้กำลังใจพี่น้องชาวไทย ฝ่ายบริหารและให้กำลังใจกับข้าราชการเพราะอยากเห็นคนไทยเจริญรุ่งเรือง ประชาชนคนไทยกลับมามีความรักใคร่สามัคคีเหมือนเมื่อก่อน 

ต่อข้อถามว่าได้พูดคุยถึงโรดแม็พการปฎิรูปประเทศของคสช.หรือไม่ ม.ล.ปนัดดา กล่าวว่า ไม่ได้พูดคุยเรื่องนี้ แต่คุยถึงภาพรวมทั่วไป

ด้านนางคริสตี้ กล่าวว่า  การพบกันครั้งนี้ในฐานะเพื่อน ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ ส่วนกรณี ความคืบหน้าการย้ายสถานที่ฝึกร่วมระหว่างกองทัพไทยกับกองทัพสหรัฐฯ ในการฝึกร่วม-ผสมทางการทหารระดับพหุภาคี (คอบร้าโกลด์) ไปที่ประเทศออสเตรเลีย นั้นขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของกองทัพสหรัฐฯและจะต้องมีการพูดคุยกันระหว่างกองทัพไทยกับกองทัพสหรัฐฯ อีกครั้ง


เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์