ทิ้งปริศนาเก้าอี้นายกฯ กลางงาน ´พีเอ็มอวอร์ด´

พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าววานนี้ (28 ส.ค.) ระหว่างเป็นประธานมอบรางวัลเกียรติยศ "PM Award 2006" แก่ภาคธุรกิจส่งออกและบริการ 21 ราย ประจำปี 2549 แบ่งเป็น 5 ประเภท ประกอบด้วย ประเภทผู้ส่งออกดีเด่น ประเภทใช้ตราสินค้าของตนเอง ประเภทออกแบบผลิตภัณฑ์ของตนเอง ภาคธุรกิจบริการ ประเภทสินค้าโอทอป ว่า ขอแสดงความดีใจทั้งผู้ได้รับรางวัลและไม่ได้รับรางวัล ให้ถือว่าเป็นสิ่งจูงใจที่จะพัฒนาสินค้าของตนเอง และกลับไปดูว่าผู้ที่ไม่ได้รับรางวัลจุดอ่อนอยู่ที่ใด แต่ที่สำคัญภาคธุรกิจของคนไทยส่วนใหญ่มักจะใช้คำว่าอิจฉา จึงอยากให้ภาคธุรกิจจัดทำแผนเพื่อพัฒนาสินค้าให้มีความสำเร็จ อย่ามองว่าทำธุรกิจเพื่อเส้นของใคร ควรมองโลกในแง่ดี พร้อมทั้งเร่งผลิตสินค้าและบริการให้ได้มาตรฐานสากลยิ่งขึ้น สำหรับปีนี้ยอดการส่งออกของไทยอยู่ที่ 130,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เมื่อเทียบกับผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ หรือ จีดีพี ของประเทศจะอยู่ที่ 180,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ดังนั้น การส่งออกจึงยังถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ไทยยังต้องพึ่งพาการส่งออกในอัตราที่สูง และเป็นประโยชน์ต่อการจ้างแรงงานหลายล้านคน

นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า ขณะนี้ประเทศไทยเปลี่ยนฐานะจากการเป็นลูกหนี้เป็นเจ้าหนี้ เพราะสามารถส่งออกได้มาก บริหารงานได้ดี ผู้ส่งออกถือเป็นกำลังสำคัญที่จะช่วยคนจนของประเทศได้มาก แม้ว่าในปีนี้ไทยจะขาดดุลการค้าจากน้ำมัน แต่ถือว่าเมื่อเทียบกับการส่งออกประเทศไทยยังมีปริมาณส่งออกค่อนข้างสูง ขณะที่การส่งออกของประเทศไทยยังมีช่องทางการตลาดเติบโตได้อีกมาก ไม่อยากเห็นการตัดราคาด้านการแข่งขันมากเกินไป เพราะการตัดราคากันเองจะส่งผลกระทบหลายด้านในประเทศ โดยเฉพาะด้านแรงงาน และค่าจ้างขั้นต่ำ รัฐบาลพยายามเร่งหาหนทางที่จะให้มีการเจาะตลาดต่างประเทศให้มากขึ้น พร้อมให้ภาคเอกชนบุกตลาดในต่างประเทศ เช่น ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน อินเดีย ที่มีประชากรรวมกัน 2,300 ล้านคน ทั้งสองประเทศมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อประเทศไทยมานาน จึงเป็นสิ่งที่ประเทศไทยต้องปรับกลยุทธ์การสร้างความสัมพันธ์ทั้งการค้าการลงทุนจากประเทศดังกล่าวให้มากขึ้น

พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวด้วยว่า วานนี้ ได้มีการพูดคุยกับนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ทราบว่ามีเอกชนรายหนึ่งจะมาลงทุนในประเทศไทย ทั้งที่มีหลายประเทศชักชวนให้ไปลงทุน แต่เนื่องจากประเทศไทยมีความพร้อมทุกด้าน มีฝีมือแรงงานดี ทักษะสูง คุณภาพของดี แม้ราคาจะสูงบ้าง แต่เชื่อมั่นว่าสินค้าเมื่อส่งออกไปแล้วจะไม่ถูกตีกลับ เพราะคุณภาพดีมาก ธุรกิจบริการของประเทศไทยถือเป็นอันดับ 1 อยากแนะนำควรรักษาไว้ให้ดีขึ้น เชื่อว่าหากอุตสาหกรรมไทยมีการพัฒนาคุณภาพการผลิต การผลิตสินค้าที่ดี มั่นใจว่าจะเป็นที่ยอมรับของชาวต่างชาติ

"ผมเป็นประธานแจกรางวัลผู้ส่งออกและบริการดีเด่นเป็นปีที่ 6 เท่าที่ดูผู้ที่มารับรางวัลเป็นคนหนุ่มสาวทั้งสิ้น ถือว่าแจกให้พี่ๆ น้องๆ ขณะนี้ตัวเองเริ่มแก่ลงแล้ว ยังไม่รู้ว่าปีหน้าใครจะมาเป็นประธานแจก คงต้องขอให้ติดตาม แต่สิ่งที่คาดหวังอยากให้บริษัทเอกชนไทยปรับตัวรับสถานการณ์เกี่ยวกับราคาน้ำมัน แม้จะทำให้ไทยปีนี้ขาดดุลอยู่บ้าง แต่รัฐบาลจะพยายามดูแลปัญหาขาดดุลอย่างใกล้ชิดต่อไป" นายกรัฐมนตรี กล่าว