ทำไมต้องเศรษฐกิจพอเพียง เกี่ยวข้องอย่างไรกับพวกเราทุกคน!!!

อันเนื่องจากกระทู้เก่า http://talk.mthai.com/topic/55362 (เรามาแก้ไขปัญหาประเทศด้วยพวกเราเอง) ผมเห็นว่ายังมีเรื่องสำคัญอีกมากที่ควรนำมาลง เพื่อเสริมให้เห็นความชัดเจนมากยิ่งขึ้นว่า ระบบเศษฐกิจผสมผสานแบบพอเพียง พึ่งตนเองได้ หรือที่เราเรียกกันว่า ปรัชญาเศษรฐกิจพอเพียง(Sufficient Economy) ของพ่อหลวงอันเป็นที่รักยิ่งของปวงชนชาวไทยนั้นมีผลต่อระบบเศษรฐกิจอย่างไร

รวมถึงอีกแง่หนึ่ง ของมุมมองในหลายๆศาสตร์และสาขาวิชาต่างๆ ตลอดจนถึงหลายๆแนวคิด มาประสานให้เป็นรูปธรรมและเกิดภาพรวม แม้แต่ผู้ที่ยังไม่ศึกษาในระบบมหาวิทยาลัยหรือเยาวชน ก็สามารถนำไปอ่านแล้ววิเคราะห์เองได้ว่าจริงหรือไม่อย่างไร แล้วเพิ่มลดให้เหมาะกับสภาพแวดล้อมในสังคมที่ตนอยู่

และบนพื้นฐานเดิมจากกระทู้เก่า นี่เป็นเพียงแค่ความคิดของคน 1 คน จาก 67 ล้านคนของประเทศ ถ้าเทียบเป็นเปอร์เซนต์ก็เพียง 0.000001 เปอรเซนต์ของประชากรไทยเท่านั้น และทุกคนไม่ไ่ด้เติบโตมาเหมือนกันทุกคน การหล่อหลอมแตกต่างกัน ความเป็นอยู่และความอิ่มท้องต่างกัน แม้แต่ฤดูกาลสภาพอากาศก็ต่างกัน ทุกอย่างขึ้นอยู่กับวิจารณญานของผู้อ่าน และท่านมีแนวคิดอย่างไรที่แตกต่างนั้น สามารถเอามาลงเพื่อร่วมมือกันช่วยปรับทัศนะคติกันได้เลยครับ ผมไม่ยินดีที่จะมีผู้ตอบกระทู้ว่าเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย แต่อยากให้ท่านแสดงทัศนะความคิดของท่านออกมามากกว่าว่าเรามีแนวทางไหนอีกที่ จะช่วยให้ประเทศชาติของเราอยู่รอด ช่วยๆกันทุกคนนะครับ 1 ถึง 2 คนก็ยังดี ดีกว่าไม่ได้ทำอะไรเลย

และผลพวงของกระทู้นี้ก็มาจากกระทู้ http://talk.mthai.com/topic/55732 (ถึงคนที่เรียกว่าตนเองเป็นผู้ใหญ่ทุกคน) ผมเห็นว่าการแก้ไขปัญหาประเทศไม่ไ่ด้ขึ้นอยู่กับหลัก เศรษฐกิจสังคมและรัฐศาสตร์เพียงอย่างเดียว อยากให้มองในภาพรวมด้วยว่า ทุกสิ่งทุกอย่างนั้น เกี่ยวข้องกันอย่างไร บางทีการแก้ปัญหาโดยใช้หลักเศรษฐศาสร์เพียงอย่างเดียว โดยไม่สนับสนุนทางอื่นไปพร้อมกัน หรือหรือหากไม่ปรับใช้ในอัตราส่วนที่เหมาะสมก็ทำให้ชาติล่มจมได้ด้วยเช่นกัน (แต่ผมมองว่าล่มจมไม่ล่มจมขึ้นกับมุมมองของแต่ละบุคคลมากกว่า)

เทียบแล้วก็เหมือนว่าเราจะเอาวิธีปลูกผักในเขตร้อนไปใช้ในเขตขั้วโลกใต้ หรือดินแดนไซบีเรีย ซึ่งก็แน่นอนว่ามันใช้ไม่ได้ แม้ประชากรที่อาศัยจะเป็นส่วนน้อยของประเทศ เราก็ต้องรับฟังแล้วนำไปปรับปรุงให้เข้ากับท้องถิ่น การฟังเสียงส่วนใหญ่จึงเหมือนเอื้อประโยชน์ให้คนส่วนใหญ่เท่านั้นเิอง แต่ไม่ใช่จะไม่เอื้อประโยชน์ให้คนส่วนน้อยบ้าง ไม่ว่าแดงเหลือง หรือไม่มีสีเราก็ควรรับฟัง และเข้าใจสภาพของผู้ๆนั้น ในชีวิตคนเรา 1 คนจะเกี่ยวข้องกับคนที่อยู่รอบๆตัวเราเองสักกี่คน การรับฟังและทำความเข้าใจหาสาเหตุจึงเป็นสิ่งสำคัญทีเดียวครับ เพราะแต่ละคนมีวิธีเอาชีวิตและตัวเองรอดในแง่ที่แตกต่างกันนั่นเองครับ

ใครที่มีความรู้แปลกๆใหม่ๆ หรือประสบการณ์ต่างกัน สามารถเอามาลงได้เลยครับ เพื่อเพิ่มทักษะในการคิดของพวกเราเองครับ ผมก็จะได้ประโยชน์เพิ่มขึ้น และได้มองอะไรในหลายๆแง่มุมด้วยครับ และท่านอาจจะเห็นได้ว่า แค่ท่านทิ้งขยะลงพื้นแม้แต่ชิ้นเดียวหรือไำม่แยกขยะก็เป็นการทำลายชาติและ ทรัพยากรที่ควรจะนำมาหมุนเวียนโดยไม่รู้ตัวก็เป็นได้



ผมจะของแสดงทัศนะไปในลักษณะขั้นตอนนะครับโดยข้อแรกจะเป็นฐานในข้อต่อๆไปครับ

1.โลกมีทรัพยากรที่จำกัด

2. ต่อมามีการดึงทรัพยากรออกมาใช้เช่น ทรัพยากรดิน แร่ พลังงาน น้ำ ป่าไม้ ทุ่งหญ้า สัตว์ป่า มนุษย์ สิ่งเหล่านี้เป็นทรัพยากรโดยสังเขป

3.ถ้ามองในมุมของสสารแล้ว อันที่แท้ ทรัพยากรยังคงมีในโลกเท่าเดิม แต่มีการเปลี่ยนแปลงไปในลักษณะทางเคมี

4.มนุษย์ใช้ทรัพยากรแร่บางส่วนเป็นตัวแทนในการแลกเปลี่ยนทรัพยากรต่างๆที่มี ได้แก่ เหรียญ เงินตราต่างๆ

5.ดังนั้นความมั่งคั่งจึงขึ้นอยู่กับทรัพยากรที่มี

6.ประเทศต่างๆมีการแข่งขันทางทรัพยากรเพื่อความมั่งคั่งและเพิ่มจำนวนประชากรเพื่อความมั่งคั่งทางทหารและเพิ่มการผลิตแบบอุตสาหกรรม

7.ประเทศมหาอำนาจต่างๆเริ่มค้าขาย และล่าอาณานิคม เพื่อความมั่งคั่งของตน

8.เนื่องจากทรัพยากรมีอยู่อย่างจำกัด เมื่อมีประเทศที่ได้ทรัพยากรไปมาก ก็ต้องมีประเทศที่สูญเสียทรัพยากรด้วยเช่นกัน

9. เมื่อเกิดปัญหาทางเศรษฐกิจ จึงต้องถามว่า ทรัพยากรเหล่านั้น ไปตกแน่นิ่งอยู่ที่ใด หรือมือใคร หรืออยู่ตำแหน่งไหน จมอยู่ในรูปของอสังหาริมทรัพย์ หรือสังหาริมทรัพย์

10.ตัวอย่างของ ทรัพยากรในแง่ของสสารเมื่อใช้ไป ย่อมแปรรูปไปอยุ่สภาพอื่นในแง่ของสารประกอบ เช่น การใช้น้ำมัน ก็จะกลายสภาพเป็นคาร์บอนไดออกไซด์ หากเอามาใช้จนหมด คาร์บอนไดออกไซด์ก็ยิ่งเพิ่มขึ้นตามไปด้วย โดยที่อัตราการกลับเป็นน้ำมันนั้นยังเท่าเดิม แต่โดยรวม สสารต่างๆ ยังหมุนเวียนอยู่ในโลกไมไ่ด้หายไปไหน

12.ดังนั้นเมื่อมีคนรวยก็ต้องมี คนจนเหมือนเงินที่หมุนเวียนในวงไพ่ เมื่อมีคนหนึ่งเสียก็ต้องมีอีกคนที่ได้ไป หรือหมายถึง เงินไม่ไปไหน แต่ยู่ในวงไพ่ แค่เปลี่ยนตำแหน่งเท่านั้น ถ้านำมาเทียบกับเศษรฐกิจและการหมุนเวียนระดับโลกแล้ว ก็จะมีโลกเป็นวงไพ่ และประเทศต่างๆเป็นผู้เล่น มหาอำนาจเป็นเจ้ามือ

13.ระบบทุนนิยมและการผูกขาดสินค้าในการค้าโลกจึงเกิดจากประเทศมหาอำนาจเป็นเจ้ามือ และมีผลกระทบต่อสินค้าและราคาโลกนั่นเอง

14.การกู้เงินจึงเหมือนขาเล่นไพ่ นำเงินจากที่อื่นหรือยืมจากคนในวงพนันมาเล่นต่อ ในขณะที่ตัวเองจริงๆแล้วไม่มีทรัพยากรอะไรเลย

15. เราสามารถแก้ปัญหาได้โดย หมุนเวียนทรัพยากรที่ตกค้างนำมาใช้ใหม่ เช่น รีไซเคิล การผลิตไบโอดีเซล ปาล์มดีเซล ปลูกป่ารักษาต้นน้ำเพื่อให้มีทรัพยากรใช้ได้อย่างตลอด นำวัสดุเหลือใช้มาเป็นปุ๋ย ไม่ปล่อยที่รกร้างอย่างไร้ประโยชน์ ทำการเกษตรแบบผสมผสาน ใช้พลังงานน้ำ ลม แสงอาทิตย์ในการผลิตไฟฟ้า พึ่งตนเองให้มากที่สุด ถ้านำไปเปรียบก็เหมือนการระดมทุน แม้จะน้อย แต่ถ้ารวมได้มากๆก็เป็นสิ่งที่รับประกันความมั่นคงของชาติ และสามารถนำไปบริหารให้ออกดอกเกิดผลได้อีก เช่นการลงทุนและท่องเที่ยวฯลฯ

16. หรือให้มองเห็นภาพรวมจากข้อ 15 คือ ลดการเล่นไพ่ แล้วไปทำงานหาเงินให้มาก เอาเวลาไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด เทียบได้กับนำทรัพยากรที่มีมาหมุนเวียนใช้ให้เกิดประโยชน์

17.หลาย ประเทศเช่น สหรัฐฯได้พัฒนาเทคโนโลยีเพื่อหาทรัพยากรจากนอกโลก โดยหลักที่ว่า ถ้าเกิดจากจักรวาลเดียวกัน ย่อมมีแร่ธาตุที่คล้ายกัน เช่น ทองคำ ยูเรเนียม และฯลฯ

หรือแม้ประทั่งประเทศญี่ปุ่น มีการบริหารการจัดการการหมุนเวียนของทรัพยากรในประเทศตนเองได้ดีเยี่ยม การพึ่งพาเศรษฐกิจโลกของตนนั้นอยู่ในฐานะเจ้ามือ แต่หากการจัดสรรทรัพยากรหมุนเวียนชะงัก หรือคุมประชากรไมไ่ด้ ย่อมอาจล่มตามกันไปได้เช่นกัน อีกทั้งประเทศญี่ปุ่นมีเทคโนโลยีสูงในการจัดการบริหารหมุนเวียนทรัพยากรโดย ตรง(ไม่ได้อยู่ในรูปของเงินตรา) ในขณะที่ประเทศไทยมีทรัพยากรมากมาย และไม่ต้องใช้เทคโนโลยีระดับสูงในการจัดสรรหมุนเวียนทรัพยากรที่มีอยู่แต่คน ส่วนใหญ่คิดว่าเป็นเรื่องของชุมชนห่างไกลตัวเมือง จึงไม่ค่อยได้ให้ความสำคัญเสียเท่าไหร่ ทั้งๆที่สิ่งเหล่านั้นคือหม้อข้าวของชาติ ส่งผลต่อความอยู่รอดของคนไทยทุกคน

18. ดังนั้น เมื่อภายในเศรษฐกิจโลก มีประเทศใดประเทศหนึ่งล่ม ประเทศอื่นๆก็ล่มตามไปด้วย แต่หากมีประเทศไหนมีการจัดสรรทรัพยากรและพึ่งตนเอง โดย พึ่งพาเศรษฐกิจโลกในอัตราส่วนที่เหมาะสม ย่อมเกิดผลกระทบน้อย

9.ดังนั้นหากมีการดึงทรัพยากรมาใช้จนหมดและอิ่มตัวแล้ว และไม่ใช้ทรัพยากรอย่างหมุนเวียน ย่อมหมายถึง ประเทศที่ต้องการเพิ่มความมั่งคั่งก็จะมีความพยายามเพิ่มความมั่งคั่งต่อไป เรื่อยๆทั้งทาง ทรัพยากรธรรมชาติประชากร กำลังทางทหาร และอาวุธ ซึ่งมีวี่แววที่นักวิชาการหลายคนได้คาดการณ์ไว้ว่าจะส่งผลให้เกิดสงครามแย่ง ชิงทรัพยากร และส่งผลถึงการจัดหาทรัพยากรจากนอกโลกอย่างเร่งรัด และหากเหตุการณ์โลกร้อนทำให้น้ำท่วมจริง จะเกิดปัญหาแย่งชิงพื้นที่ผิวดินหรือไม่ ซึ่งในอดีตเอง เยอรมันก็เคยใช้ข้ออ้างว่าตนขาดแคลนทรัพยากร จึงเป็นข้ออ้างที่ก่อให้เกิดสงครามโลก สิ่งทั้งหลายเหล่านี้เกิดจากความต้องการที่ไม่สิ้นสุดของมนุษย์ ไม่รู้จักความพอเพียง ไม่รู้จักพึ่งตนเอง ไม่จัดสรรบริหารทรัพยากรที่ตนมีอยู่ให้เกิดผลอย่างยั่งยืน

ดังนั้นหลายโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริของพ่อหลวงอันเป็นที่รักยิ่งของ ปวงชนชาวไทยนั้น จึงเป็นวิถีแนวทางที่ทรงพระราชทานไว้เพื่อเป็นแบบอย่าง ในการจัดสรรทรัพยากรที่มีอยู่มาหมุนเวียนใช้ให้เกิดประโยชน์ ประชาชนรู้จักพึ่งตนเองได้อันทรงผลให้ประเทศไทยมีทรัพยากรสำรองในการรองรับ ความผันผวนของเศรษฐกิจโลกจนถึงทุกวันนี้

ดังเช่น พระราชปณิธานที่พระองค์ทรงมีพระราชดำรัสไว้ว่า

"เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขของมหาชนชาวสยาม"





ขอบคุณครับ ที่ติดตามอ่านจนจบ


ท่านสามารถติดตามอ่านแนวทางและความคิดเห็นของท่านอื่นๆได้จาก http://talk.mthai.com/topic/55857

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์