ทักษิณเย้ยคตส.พนักงานแก้แค้นทางการเมือง ขู่อย่าต้อนให้หมาจนตรอก

"ทักษิณ"เปิดใจผ่านพ็อคเก็ตบุ๊ค

แขวะคตส.ไม่ใช่พนักงานยธ.ขู่อย่าต้อนจนมุมเหมือนหมาจนตรอก มิเช่นนั้นจะสู้ทางการเมือง แถมท่อง "โคลงศรีปราชญ์" ย้อนใส่คนที่ทำกับลูก-เมีย ด่าพวกทุเรศที่บอกเขาได้เงินมาจากการโกง เชื่อ "สนธิ" เล่นการเมืองแน่


น.ส.สุนิสา เลิศภควัคร อดีตผู้สื่อข่าวสถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 และนักเขียนอิสระ
 
ซึ่งไปสัมภาษณ์พิเศษ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เพื่อจัดทำเป็นพ็อคเก็ตบุ๊คชื่อ “ทักษิณ : Where are you?” เมื่อเดือนมิถุนายน ที่ผ่านมา โดยตอนหนึ่งของการให้สัมภาษณ์ พ.ต.ท.ทักษิณ ยังกล่าวโจมตี คตส.กรณีการอายัดทรัพย์สินของตนเองและครอบครัว


 “มันไม่ได้เป็นไปตามขั้นตอนกฎหมาย แต่เป็นขั้นตอนการเมือง การกระทำครั้งนี้เป็นการกระทำของคนที่ขาดความเข้าใจเรื่องโลก มันเป็นเงินของเรา เงินของผมนะ ผมจะไปอะไร จะมายุ่งกับของผมได้ไง ตราบใดที่ผมใช้สิ่งนั้นถูกกฎหมายภายใต้ระเบียบของกระทรวงพาณิชย์ และธนาคารแห่งประเทศไทย คุณยุ่งกับผมไม่ได้ นี่คุณยุ่งกับผมนะ ก็คงต้องต่อสู้ ฟ้องกันทางแพ่ง และทางอาญาอีกต่อไป คนที่ทำคือพนักงานแก้แค้นทางการเมือง ไม่ใช่พนักงานยุติธรรม” พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าว


 พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า

ไม่ได้มีความขัดแย้งกับ นายกล้านรงค์ จันทิก หรือ คุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา เป็นการส่วนตัว แต่มองว่าเป็นบุคคลที่เห็นตรงข้ามกันทางการเมือง แต่ก็เชื่อว่าในที่สุดจะได้รับความยุติธรรม และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าศาลจะไม่ถูกแทรกแซง เพราะในคดียุบพรรคไทยรักไทยที่ผ่านมา มีตุลาการรัฐธรรมนูญบางคนถูกแทรกแซง ซึ่งคนที่แทรกแซงเป็นคนที่มีปัญหาครึ่งเดียว เป็นคนแข็งครึ่ง อ่อนครึ่ง


 ผู้สัมภาษณ์ซักว่า ใครแทรกแซง พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า “ก็มีคนเดียวที่ไม่ปกติ”

 เมื่อถามต่อไปว่า ไม่ปกติอย่างไร พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวย้ำว่า “เป็นคนไม่ปกติมานานแล้ว”


พ.ต.ท.ทักษิณ ย้อนเล่าเหตุการณ์วันยึดอำนาจว่า
 
เมื่อทราบว่าคณะปฏิวัติยึดสถานีโทรทัศน์ได้ทุกช่อง และเข้าเฝ้าฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวแล้ว ตนก็ถือว่าทุกอย่างจบ และไม่ได้คิดจะสู้เลย หลังจากนั้นก็กลับไปนอนต่อ และหลับสบายด้วยในคืนนั้น การที่สั่งตั้ง บก.ควบคุมสถานการณ์ที่ บก.สส.ก็เป็นช่วงก่อนหน้า ซึ่งตนได้ประกาศภาวะฉุกเฉินไปก่อน

แต่หลังจากนั้น
 
เมื่อเข้าเฝ้าฯ ทุกอย่างก็จบ ก็ยุติ ส่วนข่าวที่ว่าส่งกำลังไปบล็อก พล.อ.เปรม ที่บ้านพักนั้นก็ไม่จริง และไม่ได้มีการสั่งเลย


 ผู้สัมภาษณ์ถามถึงกรณีที่ คุณหญิงพจมาน ชินวัตร

เข้าไปพบ พล.อ.เปรม  ติณสูลานนท์ ที่บ้านหลังจากที่มีการยึดอำนาจใหม่ๆ มีการถามเรื่องที่เกิดขึ้นหรือไม่ พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า “ก็คงต้องถาม พูดให้เคลียร์ ให้แจ่มแจ้ง เพราะป๋าคือ ซูเปอร์เพาเวอร์”


 ทั้งนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวถึงรายละเอียดการพูดคุยในวันนั้นว่า

เป็นเพียงการสอบถามสารทุกข์สุกดิบกันเท่านั้น


 โดย พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวอย่างมีอารมณ์ฉุนเฉียวด้วยว่า
 
รู้สึกทุเรศที่มีคนมาพูดว่าเงินและทรัพย์สินที่มีอยู่ได้จากการโกงมา หรือแม้กระทั่งบอกว่าใช้เงินเพื่อไปต่อท่อน้ำเลี้ยงในการต่อต้าน คมช. ก็เป็นเรื่องที่คนกล่าวหากันไป หรือแม้กระทั่งเวบไซต์ไฮ-ทักษิณ ก็เป็นคนที่ชอบและสนับสนุนตนทำขึ้นมา จะมีบางครั้งเท่านั้นที่มีการติดต่อผ่าน ส.ส.หรือสื่อมวลชนที่สนิท เพื่อขอให้ตนถ่ายคลิปไปลง ซึ่งตนก็ทำให้แค่นั้น

 “กล่าวหาผมตั้งแต่ปฏิวัติใหม่ๆ แล้ว เดี๋ยวก็ท่อนั้น ท่อนี้ ไม่รู้ท่ออะไรของเขา ไม่รู้บิดาใครชื่อท่อ” พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าว


 พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวยืนยันด้วยว่า

“เงินที่พีทีวีใช้ไม่ใช้เงินของผม กลุ่มแกนนำเขาจะใช้เงินกี่ตังค์กันเชียว พวกนี้เขาก็มีเงิน พวกนั้นพยายามหาเรื่องว่าเงินหายไป 2 หมื่นล้าน เพราะเอาไปใช้อย่างนี้ ปัดโธ่ เงินตรงนี้ หมื่นล้านอยู่เมืองไทย เอาไปลงทุนในบริษัท ลงทุนในหุ้น ซื้อที่ดิน ใครจะมาเก็บเงินสดเอาไว้ อีกส่วนก็ลงทุนในอังกฤษ ก็ขออนุญาตแบงกืชาติถูกต้อง


 พ.ต.ท.ทักษิณ ยังกล่าวถึงกรณี พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ.และประธาน คมช.จะลงเล่นการเมืองหลังเกษียณอายุราชการด้วยว่า
 
“แน่นอน ลองดูต่อไปสิ แต่ผมไม่ได้คิดอะไรกับ พล.อ.สนธิ เลย ชอบมองไปข้างหน้า ตอนหลังปฏิวัติใหม่ๆ ก็โทรศัพท์มาคุยกับเขานะ ตอนหลังไม่ได้คุยแล้ว เพราะผมพยายามคุยกับเขาเรื่องสมานฉันท์ แต่เขาเฉยๆ ก็เลยไม่ได้โทรไป แต่ผมยังถือว่าเขาเป็นรุ่นพี่ของผม เพียงแต่อยากบอกเขาว่า ในเมื่อเขาตัดสินใจเข้ามาตรงนี้แล้ว ก็ขอทำให้ดี ทำให้เป็นเท่านั้นเอง”
 

 พ.ต.ท.ทักษิณ ยังกล่าวถึงกระแสข่าวที่ว่า

จะมีการเปลี่ยนตัว ผบ.ทบ.จาก พล.อ.สนธิ เป็นคนอื่นในช่วงที่มีกระแสข่าวลือปฏิวัติว่า ในบัญชีรายชื่อโยกย้ายก่อนจะมีการยึดอำนาจมีการร้องเรียนเข้ามามาก จึงขอกลับมาดูข้อเท็จจริงก่อนนำขึ้นทูลเกล้าฯ และยืนยันว่าไม่มีการเปลี่ยน ผบ.ทบ. พล.อ.สนธิ ยังอยู่ที่เดิม พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ เป็น ผบ.ทหารสูงสุด และ พล.อ.เลิศรัตน์ รัตนวานิช เป็นปลัดกระทรวงกลาโหม ซึ่งเสนอมาอย่างไรก็ทูลเกล้าฯ ไปตามนั้น ไม่ได้คิดจะขยับรุ่นน้องไปข้ามหัวรุ่นพี่


 พ.ต.ท.ทักษิณ ยังกล่าวถึง

พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผช.ผบ.ทบ.และเพื่อนเตรียมทหารรุ่น 10 โดยยืนยันว่าไม่ได้มีอะไรกัน และไม่ได้สนิทมาก เรียนกันคนละห้อง


 “ผมเป็นคนดูแลเขาด้วยซ้ำ ตอนที่เขาเป็น ผบ.พล.ร.2 รอ.ขยับไปเป็น ผบ.พล.1 รอ. ผมเป็นคนขยับให้เขาเป็น ผบ.พล.1 รอ.เพราะโดนไล่ที่ พล.2 รอ. ผมก็เลยเสนอว่า ถ้าขยับจาก พล.2 รอ.ควรจะต้องดีกว่านี้" พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าว


 พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวถึง พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร ผช.ผบ.ทบ.ด้วยว่า

จำได้ว่าโผที่เสนอมาขึ้นมาเป็นพลเอกประจำ แต่ก่อนหน้านี้โผโยกย้ายครั้งก่อน ตนเคยเสนอให้เป็นแม่ทัพภาคที่ 4


 “ผมไม่ได้รู้จักกับ พล.อ.สพรั่ง เป็นการส่วนตัว จะว่าไปผมก็ชื่นชมเขาด้วยซ้ำ ยังเคยให้เขาเป็นแม่ทัพภาคที่ 4 เลย เพราะเห็นว่าเป็นนักรบ บู๊ดี แต่ตอนนั้นมีคนในกองทัพเบรกไว้ สพรั่งก็เลยไม่ได้“ พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าว


เมื่อให้คาดการณ์ว่า
 
ต่อจากนี้จะเกิดเหตุการณ์ปฏิวัติรัฐประหารอีกหรือไม่ พ.ต.ท.ทักษิณ ตอบว่า คงไม่สามารถยืนยันได้ว่าจะมีการปฏิวัติเกิดขึ้นในประเทศไทยอีกหรือไม่ เพราะตอนนี้มันศตวรรษที่ 21 ใครจะเชื่อว่าประเทศไทย ซึ่งศิวิไลซ์มันยังเกิด แต่มันจะเป็นชนักติดหลังประเทศยาวไปเลย ผู้นำคนต่อไปจะไปพูดเชิญชวนให้มาลงทุนก็หนักใจ เดี๋ยวจะถูกเหน็บกลับว่าคุณจะได้กลับบ้านเมืองหรือเปล่า

สำหรับรัฐบาลของ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นั้น วันนี้ถือว่า

เป็นเผด็จการ ลองไปประเทศในยุโรป จะมีใครรับบ้าง เขาถือเรื่องประชาธิปไตย ในประเทศต่างๆ ของสหภาพยุโรปมีระบุไว้ในรัฐธรรมนูญ ตอนนี้รัฐมนตรีของเราไปพบรัฐมนตรีของเขา ทางเขาก็ไม่ให้พบ


 เมื่อถามถึงอนาคตทางการเมือง พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า
 
คงไม่เล่นการเมืองแล้ว เพราะทุกวันนี้ขนาดยอมให้ชาติพังทั้งชาติ เพราะต้องการขจัดตนออกจากการเมืองอย่างเดียว โดยไม่คำนึงว่าชาติจะแย่ ถ้าขืนตนอยู่ต่อชาติก็จะพังแน่ เขาบอกว่าไม่ได้มองย้อนไปในชีวิตของการเป็นนักการเมือง เพราะได้แต่มองไปข้างหน้า พอมองข้างหน้าถึงบอกว่าไม่เอาอีกแล้ว ภริยา บุตรชาย และบุตรสาวก็ไม่ต้องการให้เล่น ถึงขนาดที่ภริยาขู่ว่า หากเล่นการเมืองก็จะหย่า


 “แต่อย่าต้อนให้ผมเข้ามุมซิ หมาจนตรอกมันยังสู้เลย ถ้าไม่กลั่นแกล้งกัน เราก็เลิก ก็ไปพักผ่อน ใช้ชีวิตแบบเป็นปกติ ถ้ากลั่นแกล้งทางการเมืองก็ต้องต่อสู้กันทางการเมือง” พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าว


 ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวว่า
 
คุณหญิงพจมาน ชินวัตร จะเข้ามาดูแลไทยรักไทยแทนนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ ตอบว่า ความจริงคุณหญิงไม่ชอบการเมือง ยกเว้นต้องบังคับ เพราะถูกกลั่นแกล้งทางการเมือง ส่วนนายบุญคลี ปลั่งศิริ ถือเป็นคนที่มีฝีมือ เป็นมืออาชีพ แต่ก็ไม่ชอบการเมือง เช่นเดียวกับ นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช ก็ไม่ชอบ แต่ตนบังคับให้มาเล่น


 เมื่อถามถึงกรณีที่ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อาจจะมีการตั้งพรรคการเมืองขึ้นมาใหม่นั้น พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า

“ท่านยังแอ็คทีฟทางการเมืองอยู่ ก็เป็นไปได้ที่ท่านอาจจะตั้งพรรคการเมืองของท่าน แต่ผมคงไม่ไปสนับสนุน ส่วนในแง่การบริจาคเงินก็มีกฎหมายอยู่ ซึ่งมันเป็นเรื่องทางการอยู่แล้ว”


 ในตอนท้ายของการให้สัมภาษณ์ พ.ต.ท.ทักษิณ ยังกล่าวถึงครอบครัวว่า
 
“เชื่อเถอะ ผมผ่านชีวิตมาหมดทุกอย่าง ในที่สุดความสุขที่แท้จริงอยู่ที่บ้าน ทุกอย่างมันเป็นสมมติทั้งนั้น ของปลอมทั้งนั้น อำนาจ วาสนา เงินทองมันเป็นสิ่งที่เมื่อถึงจุดหนึ่งมันก็ธรรมดา” เมื่อถามว่า รู้สึกอย่างไรที่เห็นภริยาและลูกต้องขึ้นศาล พ.ต.ท.ทักษิณ อึ้งไปพักใหญ่ ก่อนจะตอบว่า “ก็ต้องท่องโคลงศรีปราชญ์”


พ.ต.ท.ทักษิณ เล่าถึงชีวิตหลังจากการรัฐประหารว่า

ตลอด 1 เดือนหลังรัฐประหารได้ใช้ชีวิตอยู่ที่ลอนดอน ประเทศอังกฤษ โดยพักอาศัยอยู่ที่ “เซอร์วิส อพาร์ตเมนต์” ใจกลางกรุงลอนดอน และบ้านพักนอกเมืองย่านเวย์บริดจ์ มูลค่าราว 280 ล้านบาท

นอกจากนั้น

ยังไปท่องเที่ยวที่ฝรั่งเศส ญี่ปุ่น จีน ฮ่องกง และมัลดีฟส์ ทั้งยังมีเพื่อนใหม่ต่างวัย ชื่อ "ลีเดีย" นักร้องสาวค่ายอาร์เอส ที่บิดาสนิทสนมกัน และใช้เวลาในต่างแดนในการตีกอล์ฟ ดำน้ำที่มัลดีฟส์ ช็อปปิ้ง คาราโอเกะ กับลีเดียและครอบครัวลีเดีย เช่นเดียวกับ ใหม่ เจริญปุระ ที่แวะไปเยี่ยม โดยรู้จักกับ รุจน์ รณภพ ตั้งแต่ทำธุรกิจหนัง โดยนักร้องทั้งคู่จะร่วมร้องเพลงในงานเปิดสโมสรแมนฯ ซิตี้ วันที่ 4 สิงหาคมนี้ ด้วย

เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์คมชัดลึก

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์