ทักษิณชี้เลือกตั้ง22ตค.ไร้ปัญหาปัดตอบเรื่องเว้นวรรค

"ทักษิณ"ชี้เลือกตั้ง22ตค.ไร้ปัญหาปัดตอบเรื่องเว้นวรรค

"ทักษิณ" ระบุ ไม่มีปัญหาเลือกตั้ง 22 ตุลาคม ปัดตอบเรื่องเว้นวรรคการเมือง ด้านพรรคมหาชน หนุนเลือกตั้ง 22 ต.ค. ปลดล็อค 90 วัน ระบุ ได้เวลารื้อสรรหา กกต.ใหม่ มั่นใจได้เก้าอี้เพิ่ม เตรียมหารือพรรคร่วมฝ่ายค้าน ปฏิรูปการเมือง


(15พ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 13.30 น. พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี เดินทางมาเป็นประธานการประชุม คณะกรรมการอำนวยการจัดงานฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี ซึ่งถือว่าเป็นครั้งแรกที่ พ.ต.ท.ทักษิณ มาเป็นประธานการประชุม ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในฐานะรักษาการนายกรัฐมนตรี หลังจากที่ได้ประกาศเว้นวรรคทางการเมือง ไปเมื่อวันที่ 5 เม.ย.ที่ผ่านมา และก่อนหน้านี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้มาปฏิบัติหน้าที่ที่ทำเบียบรัฐบาล ในวันที่ 5 พ.ค.ที่ผ่านมา เพื่อถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในงานสโมสรสันนิบาต วันฉัตรมงคล

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อพ.ต.ท.ทักษิณ มาถึง ได้รับความสนใจจากสื่อมวลชน ที่มารอทำข่าวเป็นจำนวนมาก และมีรัฐมนตรีมารอให้การต้อนรับ โดยนายกฯ พูดว่า "ไม่เคยเห็นหน้ากันหรือ รู้จักกันมั้ยนี่ เคยเห็นกันนิ่ "

เมื่อถามถึง กรณีที่ กกต. มีแนวโน้มกำหนดให้วันที่ 22 ต.ค. 2549 เป็นวันเลือกตั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า เราเป็นผู้ทำตามกติกา เค้าว่าอย่างไรก็ว่าอย่างนั้น พรรคไทยรักไทยพร้อมทำตามกติกา

ต่อข้อถามว่า กังวลหรือไม่ว่า ว่าจะมี ส.ส.ลาออกจากพรรคไทยรักไทยจำนวนมาก พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า ไม่เป็นไร ทำตามกติกา เรายินดีทุกอย่าง

ถามย้ำว่า แสดงว่าไม่หวั่น หากจะมี ส.ส.ย้ายพรรคเป็นจำนวนมากใช่หรือไม่ พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า ไม่เป็นไร ทุกอย่างทำตามกติกา เค้าว่าอย่างไรก็ว่าอย่างนั้น

เมื่อถามว่า ทำไมพรรคไทยรักไทยไม่สนับสนุนให้ศาลเข้ามามีส่วนในกระบวนการจัดการเลือกตั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า พร้อมอุทานว่า "โอ้ย ! อะไรก็ได้ ขอให้มันเป็นกติกาที่ถูกต้อง เรายินดีทั้งนั้น

ผู้สื่อข่าวถามว่า แสดงว่า กกต.ต้องลาออกจากตำแหน่งก่อนใช่หรือไม่ พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า ตนไม่เคยพูดอะไรเลย สื่อพูดเอง

เมื่อถามว่า จนถึงขณะนี้ ยังไม่มีคำตอบจเรื่องการเว้นวรรคทางการเมือง จะตัดสินใจอย่างไร พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวเลี่ยงว่า "ไม่มี ๆ วันนี้มาประชุม ขอทำงานก่อน "

ถามว่า จะพูดเรื่องนี้ได้เมื่อไหร่ พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวย้ำว่า "ขอทำงานก่อน "

ด้านนายอรรคพล สรสุชาติ รองหัวหน้าพรรคมหาชน กล่าวถึงการออกพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้ง หลังจากที่มีพระราชพิธีฉลองสิริราชสมบัติ 60 ปี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ว่า พรรคมหาชนไม่มีปัญหา การให้มีพระราชกฤษฎีกาหลัง 90 วัน นับตั้งแต่วันนี้ เป็นสิ่งที่ดี ไม่เพียงแต่จะปลดล็อคทางการเมืองในเรื่องสังกัดพรรค ยังเป็นการให้ความสำคัญกับคนใหม่ๆ ที่จะเข้ามาร่วมงานการเมือง ได้มีโอกาสลงเลือกตั้งในครั้งหน้า ถ้ามีระยะเวลาออกไป และการเลือกตั้งเกิดขึ้นในเดือนตุลาคม ทำให้คนที่เข้ามาใหม่ สามารถเข้ามาเป็นสมาชิกพรรคได้ อย่างไรก็ตามพรรคอยากเรียกร้องให้รัฐบาลมีความนิ่งทางการเมือง เพื่อดูแลการจัดงานพระราชพิธีฉลองสิริราชสมบัติ ให้ออกมาเรียบร้อยและดีที่สุด และควรใช้เวลาที่มีอยู่ขณะนี้ เร่งแก้ปัญหาเฉพาะหน้า โดยเฉพาะปัญหาทางเศรษฐกิจก่อน เพราะประชาชนได้รับความเดือดร้อนมาก ทั้งเรื่องราคาน้ำมัน ราคาสินค้า ฯลฯ เพราะที่ผ่านมารัฐบาลละเลยเรื่องนี้ มัวห่วงอนาคตการเมืองของตัวเอง

นายอรรคพล กล่าวต่อว่า ถ้ามีการทอดระยะเวลาการเลือกตั้งออกไป พรรคเรียกร้องให้ใช้เวลาระหว่างนี้ สรรหา กกต.ชุดใหม่ เพราะไม่ทำให้การเตรียมการเลือกตั้งหยุดชะงัก และเพื่อเป็นการปฏิรูปโครงสร้าง กกต. และได้กกต.ชุดใหม่ ที่ได้รับความน่าเชื่อถือ รวมทั้งควรให้ศาลเข้ามามีบทบาทในการจัดการเลือกตั้ง ไม่ใช่แค่มีบทบาทในฐานะกรรมการเฉยๆ แต่ให้ศาลเป็นกกต.จังหวัด มีอำนาจเต็มในการดูแลการเลือกตั้งโดยรวมด้วย ดังนั้นเวลาที่มีช่องว่างขณะนี้พรรคอยากให้กกต. พิจารณาตัวเอง เพื่อแสดงความรับผิดชอบให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างจริงจัง เพื่อให้การเลือกตั้งเป็นไปอย่างบริสุทธิ์ยุติธรรม

การทอดระยะเวลาออกไป ทำให้การเมืองเปิดขึ้น จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงภายในพรรคการเมืองมาก คนที่เขาต้องการจะเปลี่ยนพรรค ก็มีกระบวนการตัดสินใจของเขาอยู่แล้ว และการตัดสินใจค่อนข้างเกิดขึ้นเร็ว พรรคยินดีต้อนรับ ช่วงต้นได้มีการคุยอยู่บ้าง แต่เราแบ่ง 2 ส่วน คือ ส่วนนักการเมืองจากพรรคอื่น กับส่วนของคนรุ่นใหม่ ที่พร้อมเข้ามาทำงานการเมือง และคนที่ไม่พอใจการเมืองที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามถ้าเงื่อนไขการเมืองยังเป็นแบบเดิม ยังมีการใช้อำนาจรัฐนำการเลือกตั้ง หรือใช้อำนาจเงินมากเป็นประโยชน์ต่อพรรคใหญ่ที่เป็นรัฐบาล ก็มีผลต่อกระบวนการตัดสินใจของส.ส.ที่อาจจะเปลี่ยนพรรคนายอรรคพล กล่าว

นายอรรคพล กล่าวว่า สำหรับพรรคมหาชนนั้น ถ้ากติกาเปลี่ยนไป จนสร้างความบริสุทธิ์ในการเลือกตั้งได้ เป้าหมายเก้าอี้ ส.ส.ของพรรค ก็อาจปรับเพิ่มขึ้นได้ ส่วนแนวทางทำงานร่วมกับพรรคชาติไทย และประชาธิปัตย์นั้น ขณะนี้ยังไม่มีการนัดคุยอย่างเป็นทางการ แต่มีข้อตกลงเบื้องต้นว่า ฝ่ายค้านจะมีจุดยืนร่วมกันในการปฏิรูปการเมือง ซึ่งจะชูพร้อมๆกัน ส่วนเรื่องๆอื่นนั้นยังไม่มีการหารือแต่อย่างใด

ด้านนายตุ่น จินตะเวช อดีต ส.ส.อุบลราชธานี พรรคมหาชน กล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะให้มีการเลือกตั้งในวันที่ 22 ต.ค. ซึ่งจะทำให้ส.ส.ย้ายพรรคกันได้ว่า ตนยังไม่คิดที่จะย้ายไปอยู่พรรคไหน ยังคงรักพรรคมหาชนเหมือนเดิม แต่ยอมรับว่ามีหลายพรรคติดต่อมาให้ย้ายไปอยู่ด้วย ซึ่งตนยังไม่ได้พิจารณาแต่อย่างใด

ส่วนนายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ อดีตหัวหน้าพรรคมหาชน กล่าวถึงกรณีที่ประชุมพรรคการเมือง ซึ่งจัดโดยคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีมติกำหนดวันเลือกตั้งเป็นวันที่ 22 ต.ค. 2549 ว่า เป็นการลดแรงเสียดทาน และลดกระแสวิจารณ์การทำงานของ กกต.และพรรคไทยรักไทย แต่จะไม่สามารถช่วยแก้วิกฤติศรัทธาของกกต.ได้ เพราะกกต.ชุดนี้ยังเข้ามาเกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งอยู่ ไม่ได้เป็นการปฏิรูปการเมืองอย่างแท้จริง ตามที่ประชาชนต้องการ ดังนั้นหากจะให้เกิดการปฏิรูป กกต.ต้องลาออกทั้งคณะ และภายในระยะเวลา 5 เดือน ให้มีการสรรหากกต.ชุดใหม่ขึ้นมาทำหน้าที่ ซึ่งจะเป็นที่ยอมรับของสังคมมากขึ้น และหากกกต.ยังดึงดันจัดการเลือกตั้ง ในระหว่าง 5 เดือน การพิจารณาของศาลยังคงเดินหน้าต่อไป โดยเฉพาะคดีอาญา ซึ่งเชื่อว่ามีเวลามากพอ ที่จะสามารถหยุด กกต.ชุดนี้ ก่อนที่จะถึงการเลือกตั้งได้ เพราะเมื่อใดที่อัยการจับมือกับศาล กกต.ก็รอดยาก เนื่องจากศาลได้เริ่มเรียนรู้อำนาจของตัวเอง ว่ามีอิสระอย่างแท้จริง ไม่มีการแทรกแซง และสังคมให้ความศรัทธากระบวนการทางศาล

นายเอนก กล่าวว่า ในแง่ของพรรคการเมือง ถือเป็นเรื่องที่ดีที่จะปลดล็อค 90 วัน และทำให้ผู้สมัครจากพรรคต่างๆ มีอิสระมากขึ้น สามารถเลือกพรรคที่ตัวเองพอใจได้ ซึ่งขณะนี้ก็มีความเคลื่อนไหวการย้ายพรรคต่าง ๆ เกิดขึ้นแล้ว โดยเฉพาะจากพรรคไทยรักไทย ที่จะไปอยู่ตามพรรคต่าง ๆ เช่น ไปอยู่กับพรรคประชาราษฎร์ ของนายเสนาะ เทียนทอง แต่อย่างไรก็ตามจะไม่ส่งผลกระทบต่อพรรคไทยรักไทยมากนัก และพรรคไทยรักไทย จะยังคงเป็นพรรคที่ได้รับเสียงสนับสนุนจากประชาชน เพราะเป็นพรรคเดียวที่มีเงินทุนในการเตรียมการเลือกตั้งครั้งนี้ ดังนั้นภาคประชาชนต้องรวมตัวกัน เพื่อให้ 4 พรรคการเมืองร่วม ลงสัตยาบันให้ได้ว่า หลังการเลือกตั้ง จะต้องมีการปฏิรูปการเมืองอย่างแท้จริง และกำหนดวาระการเป็นรัฐบาล 6 เดือน -1 ปี ก่อนที่จะมีการยุบสภา และเปิดให้มีการเลือกตั้งใหม่

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์