ทักษิณ-เพื่อไทยปรับแผน เปลี่ยนรูปมวย

สงกรานต์ปีนี้เป็นสงกรานต์ปีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มีความสุขที่สุด

หนึ่ง คือ เป็นสงกรานต์ที่ พ.ต.ท.ทักษิณได้เดินอยู่ใกล้ประเทศไทยที่สุดอย่างเปิดเผย เพราะมั่นใจว่าความพยายามตามล่าจากรัฐบาลไทยไม่มี

สอง คือ เป็นสงกรานต์ที่ พ.ต.ท.ทักษิณยืนอยู่ท่ามกลางคนเสื้อแดงที่แห่กันไปรดน้ำดำหัว โดยหอบหิ้วเอาอาหารไทยไปให้ลิ้มรส

สงกรานต์ปีนี้ พ.ต.ท.ทักษิณจึงร้องเพลงแบบเมามัน...เพลง Let it be ที่แปลเป็นไทยว่า "ช่างมัน" กลายเป็นวลีฮิตขึ้นมาชั่วข้ามคืน

เข้าใจว่าการเดินทางมาเยือนลาวและกัมพูชาครั้งนี้ พ.ต.ท.

ทักษิณได้รับรู้ข่าวสารและความเคลื่อนไหวทางการเมืองแบบใกล้ชิดที่สุด

อาจเป็นไปได้ว่าใกล้ชิดจนเข้าใจสถานการณ์ภายในประเทศไทยได้ดีขึ้น

ทั้งนี้ พ.ต.ท.ทักษิณย่อมเข้าใจว่า สถานการณ์ทางการเมืองในขณะนี้ รัฐบาลผสมพรรคเพื่อไทย ที่มี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรีนั้นแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ

ด้วยบุคลิกภาพของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ที่เน้นการทำงาน และแสดงความอดทนอดกลั้นต่อการรุกของฝ่ายต่อต้าน ทำให้สถานการณ์ที่รุมเร้าในระยะแรกเริ่มเบาบางลง

ขณะนี้รัฐบาลเหลือเพียงปัญหาสินค้าราคาแพงที่ต้องแสดงให้ประชาชนเห็นว่า สามารถบรรเทาความเดือดร้อนต่อประชาชนให้ได้ ส่วนปัญหาอื่นๆ แทบจะกระทบต่อรัฐบาลน้อยลงเรื่อยๆ เพราะ น.ส.ยิ่งลักษณ์ใช้วิธี "พูดน้อย" แต่ "ทำเยอะ" เพื่อลดปัญหาความขัดแย้ง

และการดำเนินการของรัฐบาลก็จะเน้นเฉพาะงานบริหารราชการแผ่นดิน ส่วนงานอื่นๆ เช่น การยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ การผลักดันพระราชบัญญัติอันมีผลต่อการปรองดอง ซึ่งเป็น "เผือกร้อน" ทางการเมืองอยู่ในขณะนี้

รัฐบาลบอกว่าไม่เกี่ยว !

เท่ากับว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์พยายามจำกัดภารกิจของรัฐบาลอยู่ที่งานฝ่ายบริหารเป็นสำคัญ

และเมื่อรัฐบาลจำกัดบทบาทของตัวเองอยู่ตรงนี้ พรรคประชาธิปัตย์ที่เป็นพรรคการเมืองฝ่ายค้านจึงต้องนั่งรอวันเวลาเปิดประชุมสภา ถึงจะสำแดงอิทธิฤทธิ์ของฝ่ายค้านออกมาได้ แต่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ใช้วิธีหลีกเลี่ยง ไม่เผชิญหน้ากับฝ่ายค้าน

โอกาสการปะทะกันจน น.ส.ยิ่งลักษณ์เพลี่ยงพล้ำจึงมีน้อย

ยิ่งไปกว่านั้นมีกระแสข่าวว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์มีแผนจะปรับคณะรัฐมนตรีอีกครั้งประมาณเดือนกรกฎาคม ซึ่งเวลานั้นนักการเมืองที่ติดโทษในบ้านเลขที่ 111 หลุดพ้นจากโทษแล้ว ทำให้มีตัวเลือกมากขึ้น แม้มีข่าวว่านักการเมืองเหล่านั้นจะทำหน้าที่แค่ "กุนซือ" แต่ทุกอย่างก็ขึ้นอยู่กับนายกรัฐมนตรีที่จะหยิบเอาใครมาช่วยงานด้วย

มีข่าวว่าอาจมีการปรับเปลี่ยนตำแหน่งรัฐมนตรีในส่วนของกระทรวงมหาดไทย เพื่อลงไปดูแลพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้โดยเฉพาะ

นอกจากนี้ พรรคเพื่อไทยเองก็มองเห็นว่า ด้วยคะแนนเสียงข้างมากเกินกว่ากึ่งหนึ่งของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ทำให้การขับเคลื่อนใดๆ ด้วยกลไกรัฐสภาย่อมมีจุดสุดท้ายตรงตามความประสงค์ของพรรคเพื่อไทย

ไม่ว่าการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญจะใช้เวลาเพียง 2 วัน หรือใช้เวลาต่ออีก 7 วัน ผลสุดท้ายที่ตามมาก็ย่อมต้องเป็นไปตามเสียงข้างมากซึ่งก็คือพรรคเพื่อไทยอยู่นั่นเอง

ยิ่งไปกว่านั้น การต่อสู้ทางการเมืองมาระยะหนึ่ง ทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณ และพรรคเพื่อไทย มองออกว่า หากไม่มีปัจจัยเรื่อง พ.ต.ท.ทักษิณเข้ามาเกี่ยว การรุกคืบทางการบริหารของฝ่ายรัฐบาล และการรุกคืบทางการเมืองของฝ่ายรัฐสภา ย่อมกระทำได้ดีกว่า ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550 นั้นรอได้

การนำ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กลับประเทศแบบเท่ๆ นั้นก็รอได้

ดังนั้น การที่ พ.ต.ท.ทักษิณให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวต่างประเทศครั้งล่าสุด โดยบอกว่า จะรอจนกว่าประเทศไทยปรองดองก่อนจึงกลับ จึงเป็นการแสดงท่าทีที่พร้อมจะ "รอ"

สอดรับกับประเด็นความเป็นธรรมที่นาย นพดล ปัทมะ ที่ปรึกษาด้านกฎหมายของ พ.ต.ท.ทักษิณนำเสนอ และถูกตอกย้ำอีกครั้งจากนาย วัฒนา เมืองสุข รองประธานคณะกรรมาธิการปรองดอง เรื่องเริ่มต้นกระบวนการยุติธรรมในคดีที่ พ.ต.ท.ทักษิณถูกกล่าวหาจากคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ภายหลังจากการปฏิวัติรัฐประหาร 19 กันยายน 2549

ข้อเสนอดังกล่าวคลับคล้ายกับหนึ่งในทางเลือกที่

คณะกรรมาธิการปรองดองที่มี พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน เป็นประธาน เคยนำเสนอ

เช่นเดียวกับการพิจารณาร่างแก้ไขมาตรา 291 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550 ที่ล่าสุดวิปรัฐบาลไฟเขียวให้พูดเต็มที่ เพราะเชื่อว่าในที่สุดร่างแก้ไขมาตรา 291 ก็ต้องผ่าน

ในที่สุดสภาร่างรัฐธรรมนูญก็ต้องเกิดขึ้น

ท่าทีของ พ.ต.ท.ทักษิณ และท่าทีของพรรคเพื่อไทย ครั้งนี้สอดคล้องกัน

ตอกย้ำให้เห็นว่า ทั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ และพรรคเพื่อไทย มั่นใจความมั่นคงของรัฐบาล

มั่นใจว่าในขณะนี้รัฐบาลพรรคเพื่อไทยที่มี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ยังเป็นฝ่ายมีเปรียบ...เมื่อเทียบกับคู่แข่งทางการเมืองอย่างพรรคประชาธิปัตย์