ทักษิณ ประณามไทมส์บิดเบือน

กษิตถล่มพูดไม่สร้างสรรค์เตือนฮุนเซนไตร่ตรองให้ดี

"ไทมส์"เผยคำสัมภาษณ์"ทักษิณ"ถูกชนชั้นสูงต่อต้านทั้งที่ชนะเลือกตั้งจากประชาชนถล่มทลาย รัฐบาลรุมถล่มยับ"กษิต"ตอบโต้ทันควันบิดเบือนพูดไม่สร้างสรรค์ สงสัยมีเลศนัยซ่อน เตือน"ฮุนเซน"คิดให้ดี ยันเรื่องนี้ไม่ใช่เกมการเมือง “เทพเทือก” ยันไม่คิดใช้ประเทศเป็นเครื่องมือแก้แค้น ป้อง “กษิต” ไม่ใช่จุดอ่อนที่ต้องกำจัด “ทักษิณ” ออกแถลงการณ์โต้อัด “ไทม์ส” แปลเพี้ยน ลั่นทั้งชีวิตและครอบครัวจงรักภักดี พร้อมสละชีวิตเพื่อปกป้องสถาบัน โวยรับไม่ได้ถูกยัดเยียดข้อหาทรยศชาติ จวกรัฐอย่าปลุกกระแสรักชาติ กลบเกลื่อนการบริหารงานที่ล้มเหลว ย้ำชัด 12 พ.ย. เข้าเขมรแน่ ด้าน สาวก ปชป.จี้ “รามคำแหง” ยึดคืนปริญญาที่ให้   “ฮุนเซน” ลั่นถ้าไม่ทำจะระดมนักศึกษาทั่วประเทศเคลื่อนไหว อธิการเตือนลูกพ่อขุนทำอะไรให้ใช้สติคิด ด้านเสื้อแดงท้ายุบสภาแลกการชุมนุมขับไล่รัฐบาล

“แม้ว”แฉถูกคนชั้นสูงต่อต้าน
   
เมื่อวันที่ 9 พ.ย.ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์นายริชาร์ด ลอยด์ แพร์รี่ บก. ภูมิภาคเอเชียของหนังสือพิมพ์เดอะไทม์ส ของอังกฤษ จากบ้านพักในดูไบเผยแพร่ผ่านทางเว็บไซต์ www.timesonline.co.uk ในวันเดียวกันนี้ โดยกล่าวถึงความเป็นมาของตนในฐานะนายกรัฐมนตรีที่มาจากการเลือกตั้งที่ได้รับความนิยมสูงสุดจากประชาชน ได้ชัยชนะอย่างถล่มทลายในการเลือกตั้งสมัยที่ 2 เพราะได้รับความนิยมสูงสุดจากประชาชนระดับรากหญ้า จึงถูกต่อต้านจากกลุ่มบุคคลชั้นสูงและสถาบัน รวมถึงการเคลื่อนไหวล่าสุดที่ได้รับการแต่งตั้งจากสมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชาให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาฝ่ายเศรษฐกิจของรัฐบาลกัมพูชา
       
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะไปตั้งรกรากอยู่ที่ประเทศกัมพูชาหรือไม่ พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า จะไปพบกับนายกฯ ฮุนเซนในสัปดาห์นี้ แต่ไม่ถึงกับไปตั้งรกรากอยู่ที่นั่น แต่จะทำงานในระบบออนไลน์ ใช้การสื่อสารด้วยอีเมล ติดต่อกัน และได้โทรศัพท์ไปขอบคุณนายกฯฮุนเซนแล้วที่เชิญไปกัมพูชา ส่วนเรื่องการ เรียกทูตกลับนั้น เป็นความพยายามของรัฐบาลไทยในอันที่จะปกป้องอำนาจทุกวิถีทาง เพราะกลัวว่าตนไปอยู่กัมพูชาแล้วจะใกล้ไทยมาก แต่ตนไม่ไปอยู่แน่ ส่วนเรื่องการเดินขบวนมากรุงเทพฯ ตามที่เคยพูดไว้เมื่อเดือนมี.ค.ที่ผ่านมาว่า ถ้ามีคนไทยถูกยิงระหว่างการชุมนุม ตนจะเป็นผู้นำการเดินขบวนด้วยตนเอง โดยเริ่มจากภาคอีสานก่อนแล้วค่อยมากรุงเทพฯ แต่ถ้าตนจะเดินทางเข้ามาประเทศไทย ก็เข้ามาได้ทางลาว กัมพูชา และ พม่า โดยจะเลือกหาทางเข้ามาได้

เสนอให้ตั้งรัฐบาลปรองดอง
   
พ.ต.ท.ทักษิณ ยังกล่าวอีกว่า กรณีที่สมเด็จฮุนเซน เปรียบเทียบตนกับนางออง ซาน ซูจี ผู้นำฝ่ายค้านคนสำคัญของพม่านั้น ตนบอกได้ว่าคล้ายกันแต่ไม่เหมือนกันเลยทีเดียว เหมือนกันตรงที่ชนะเลือกตั้งด้วยกันทั้งคู่ แต่ถูกโค่นลงจากอำนาจด้วยการรัฐประหาร นางซูจีถูกกักบริเวณแต่ภายในที่พัก ส่วนตนถูกขับออกนอกประเทศ เพราะรู้ว่า ถ้าปล่อยให้ตนอยู่ในประเทศแล้ว จะยิ่งเลวร้ายกว่ากรณีของนางซูจีเสียอีก
   
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า คำให้สัมภาษณ์ ดังกล่าวของ พ.ต.ท.ทักษิณนั้นมีความยาวถึง 12  หน้า นอกจากนี้ก็ยังมีการพูดถึงเงินที่มีอยู่ในต่างประเทศด้วยว่าเหลืออยู่ประมาณ 100-200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ นอกจากนี้ต้องการให้สถาบันเข้ามาไกล่เกลี่ยความขัดแย้ง สร้างความปรองดองจากทุกพรรคการเมือง

“กษิต”สงสัยมีเลศนัยซ่อน
   
นายกษิต ภิรมย์ รมว.การต่างประเทศ แถลงถึงกรณีที่เว็บไซต์ไทม์ส ออนไลน์ ลงบทสัมภาษณ์ของ พ.ต.ท.ทักษิณมีเนื้อหาพาดพิงสถาบันว่า หลายส่วนของรายงานดังกล่าวมีข้อความที่พาดพิงอย่างมิบังควร การกระทำของพ.ต.ท.ทักษิณไม่ควรกระทำ ทำให้อดสงสัยไม่ได้ว่ามีวัตถุประสงค์แอบแฝงหรือไม่ นอกจากนี้ พ.ต.ท.ทักษิณยังได้ให้ข้อมูลที่ผิดพลาดเกี่ยวกับสถานะของตัวเอง โดยเฉพาะในประเด็นเป็นผู้นำฝ่ายค้านที่ลี้ภัยอยู่ในต่างประเทศ ตนย้ำว่า พ.ต.ท.ทักษิณได้เดินทางกลับมาอยู่ในประเทศไทยในรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช หลังการปฏิวัติได้ผ่านไปแล้ว 1 ปีกว่า และได้เดินทางออกจากประเทศไทยก่อนที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิพากษาให้ถูกจำคุก 2 ปี เกี่ยวกับการใช้ตำแหน่งหน้าที่ทุจริตหรือเอื้อประโยชน์ให้ภรรยาของตัวเอง ส่วนข้อมูลที่ว่าสมเด็จฮุนเซน แต่งตั้ง พ.ต.ท.ทักษิณเป็นที่ปรึกษา ได้สร้างความโกรธเคืองให้กับนายอภิสิทธิ์นั้น รมว.การต่างประเทศกล่าวว่า การแต่งตั้งดังกล่าวเป็นการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ของชาติมาเป็นผลประโยชน์ส่วนตัว อย่างไรก็ตาม รัฐบาลจะส่งหนังสือชี้แจงในเรื่องนี้กลับไปแก่ผู้สื่อข่าวต่าง ประเทศ ในประเทศ และชี้แจงแก่ผู้สื่อข่าวต่างประเทศในทั่วโลก

เตือน“ฮุนเซน”คิดให้ดี
   
เมื่อถามว่า รัฐบาลไทยจะดำเนินการอย่างไรต่อการที่ พ.ต.ท.ทักษิณจะเดินทางไปยังกัมพูชาในวันที่ 12 พ.ย. นายกษิตกล่าวว่า ได้เตรียมไว้แล้ว เป็นเรื่องที่ต้องประสานงานกับสำนักงานอัยการสูงสุดในการขอตัวให้ส่งผู้ร้ายข้ามแดน เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณหนีคดีอาญาไม่ใช่คดีทางการเมือง อย่างไรก็ตามการตัดสินใจเรื่องนี้เป็นอำนาจของศาลกัมพูชา ไม่ใช่สมเด็จฮุนเซน
   
ต่อข้อถามว่า ถ้ากัมพูชาไม่ยอมส่ง พ.ต.ท.ทักษิณ กลับมาจะดำเนินการอย่างไร รมว.การต่างประเทศ ตอบว่า ช่วง 2-3 วันที่ผ่านมาเรามีมาตรการตอบโต้ไปแล้ว ซึ่งต้องดูเหตุการณ์ต่อไป ตนขอเรียนถึงสมเด็จฮุน เซนว่า ขอให้เห็นถึงความสัมพันธ์ของทั้ง 2 ประเทศเป็นตัวตั้ง ไม่ใช่เป็นเรื่องของส่วนตัว หวังว่าสมเด็จฮุนเซน จะไตร่ตรองให้ดี

ยันไม่ใช่เกมการเมือง
   
รมว.การต่างประเทศกล่าวต่อว่า สำหรับเรื่องเอ็มโอยูจะนำเข้าสู่การพิจารณาของ ครม. ในวันที่ 10 พ.ย. ถ้ายกเลิกก็จะส่งเรื่องมายังรัฐสภาให้พิจารณาต่อตามรัฐธรรม นูญมาตรา 190 แม้การเจรจาดังกล่าวยังไม่ ยุติ แต่บรรยากาศทางการเมืองระหว่าง 2 ประเทศ ก็ไม่ค่อยอบอุ่นนัก ผู้สื่อข่าวถามว่า ทั้งหมดเป็นเรื่องเกมการเมืองหรือไม่ นาย กษิตกล่าวว่า ไม่ใช่เกมการเมือง แต่เป็นการรักษาผลประโยชน์ของประเทศเป็นหลัก
   
เมื่อถามต่อว่า คิดว่าผู้นำกัมพูชาคิดอะไรอยู่ รมว.การต่างประเทศตอบว่า สมเด็จฮุนเซน รัก พ.ต.ท.ทักษิณมากกว่าความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา ผู้สื่อข่าวถามว่า มีรายงานว่าผู้ประกอบการค้าในประเทศกัมพูชาประกาศบอยคอตสินค้าไทย นายกษิต กล่าวว่า ตอนนี้ยังไม่เกิด เราต้องการให้การค้าขายรวมถึงการสัญจรไปมาของทั้ง 2 ประเทศเป็น  เช่นเดิม

จี้ไอซีทีตรวจสอบด่วน
   
นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการที่ พ.ต.ท.ทักษิณพูดในนิตยสารไทม์สออนไลน์พาดพิงถึงสถาบันว่า หากเป็นสมัยโบราณคนอย่าง พ.ต.ท.ทักษิณจะต้องถูกตัดหัวเจ็ดชั่วโคตร ตามกฎมนเทียรบาล เพราะจาบจ้วงอย่างไม่น่าให้อภัย จึงอยากให้กระทรวงเทคโน โลยีฯ ตรวจสอบเอกสารชิ้นนี้
   
นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์กล่าวเสริมว่า ถือว่าเป็นกระบวนการที่ต่อเนื่องมาจากการจ้างล็อบบี้ยิสต์ต่างประเทศเสนอข่าวโจมตีไทย เป็นการดำเนินการใต้ดิน พรรควิตกกับการขับเคลื่อนอย่างนี้ ซึ่งผู้ที่รับผิดชอบด้านความมั่นคงจะต้องดำเนินการ

 “แม้ว”อ้าง“ไทม์ส”แปลเพี้ยน
   
วันเดียวกัน พ.ต.ท.ทักษิณได้โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์หลังจากที่พรรคประชาธิปัตย์แถลงโจมตีเรื่องการให้สัมภาษณ์ผ่านนิตยสารไทม์สว่า “ผมรู้สึกเสียใจมากที่ไทมส์ออนไลน์พาดหัวข่าววันนี้บิดเบือนคำให้สัมภาษณ์ของผม ผมจะออกแถลงการณ์ด่วนให้พี่น้องทราบครับ”
   
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้าที่ พ.ต.ท. ทักษิณจะโพสต์ข้อความตอบโต้เรื่องดังกล่าวนั้น ได้โพสต์ผ่านทวิตเตอร์ว่า “ใครเคยดูหนังเมื่อปี ค.ศ. 1997 ชื่อ Wag the Dog นำโดย Robert Deniro เกี่ยวกับอเมริกาส่งคนไปสงครามเพื่อจะได้ลืมความล้มเหลวในบ้าน สร้างตอนนี้พระเอกชื่อ ???

ยันพร้อมสละชีพป้องสถาบัน
   
เย็นวันเดียวกัน พ.ต.ท.ทักษิณได้ออกแถลงการณ์ผ่านเว็บไซต์ “thaksinlive.com” กรณีการเสนอข่าวเท็จของ ไทม์สออนไลน์ โดยมีเนื้อหาระบุว่า เป็นการบิดเบือนคำให้สัมภาษณ์ของตนโดยสิ้นเชิง ก่อให้เกิดความสับสนเข้าใจผิดต่อผู้อ่านและคนไทย ตนขอเรียนว่าไม่เคยให้สัมภาษณ์ตามเนื้อความพาดพิงสถาบันการเขียนข่าวดังกล่าวเป็นการกระทำของ ไทม์สออนไลน์  ที่เป็นเท็จทั้งสิ้น
   
“ผมไม่เคยให้สัมภาษณ์กระทบสถาบันใด ๆ เลย แต่ในทางตรงกันข้ามได้ปกป้องสถาบันว่าอยู่เหนือการเมืองและเทิดทูนสถาบัน ผมรู้สึกเสียใจต่อการนำเสนอข่าวของ ไทมส์ออนไลน์ ในครั้งนี้ ทั้งที่ผมได้กำชับผู้สัมภาษณ์ว่า เรื่องสถาบันเป็นเรื่องสูงและละเอียดอ่อน ต้องนำเสนอให้ตรงกับสิ่งที่ผมพูด ผมจึงขอประณาม ไทม์สออนไลน์ ที่เสนอข้อความเท็จและสร้างความสับสนในเรื่องนี้ ผมยืนยันว่าผมและครอบครัวมีความจงรักภักดี พร้อมสละชีวิตเพื่อปกป้องสถาบันเช่นเดียวกับคนไทยทุกคน” แถลงการณ์ระบุ

รักชาติยิ่งชีพไม่คิดทรยศ
   
ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่า พ.ต.ท.ทักษิณยังได้ส่งจดหมายเปิดผนึกถึงคนไทย มีเนื้อหาว่า รู้สึกเศร้าใจอย่างยิ่งที่ได้รับฟังการถกเถียงที่เกิดขึ้นในประเทศไทย ในเรื่องการแต่งตั้งตนเป็นที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจให้แก่รัฐบาลกัมพูชา และเศร้าใจมากยิ่งขึ้นที่รัฐบาลไทยได้แสดงท่าทีตอบโต้เรื่องที่ไม่มีพิษภัยนี้ โดยปลุกกระแสชาตินิยม ตนได้รับเชิญจากหลายรัฐบาลทั่วโลกเพื่อให้คำแนะนำ โดยเฉพาะการแก้ไขปัญหาความยากจน และกัมพูชาได้แสดงความสนใจ หากรัฐบาลชุดปัจจุบันจะนำเวลาสักครึ่งหนึ่งของเวลาที่ใช้ในการไล่ล่าตนและข่มขู่ประเทศอื่นให้ส่งตัวกลับประเทศ ไปพิจารณาความต้องการของคนไทยที่ยากจน ประชาชนชาวไทยคงจะไม่ลำบาก
   
“รัฐบาลกำลังใช้อารมณ์ตอบโต้เหมือน เด็ก ๆ โดยยื่นคำขาดต่อกัมพูชา ทำให้เหตุการณ์ที่ไม่มีอะไรกลายเป็นสถานการณ์ทางการทูตที่ใหญ่โต วิธีการตอบโต้เช่นนี้เปรียบเสมือนเด็กที่จุดไม้ขีดไฟทิ้งในป่าโดยไม่คิดถึงผลที่จะตามมาจากการกระทำของตน ผมไม่อาจรับข้อกล่าวหาที่ว่าผมจะทรยศต่อประเทศได้ ผมเป็นนายกฯ 6 ปี ก่อนหน้านั้นดำรงตำแหน่ง รมว.การต่างประเทศ และรองนายกฯ ผมรักประเทศไทยมากกว่าชีวิตของผมเองไม่มีวันที่ผมจะทำร้ายประเทศของผม” พ.ต.ท.ทักษิณกล่าว

จวกรัฐบาลอย่าหาแพะ
   
จดหมายเปิดผนึกยังระบุว่า เมื่อครั้งเผาสถานทูตไทยในกัมพูชา ตนก็รู้สึกโกรธมากที่มีการดูหมิ่นประเทศไทย แต่ในฐานะที่เราเป็นผู้นำก็ไม่สามารถแสดงอารมณ์ออกมาอย่างรุนแรงได้ ไม่เช่นนั้นเราก็ไม่แตกต่างจากผู้ก่อจลาจลบนท้องถนน ตนเข้าใจดีว่าไทยกับกัมพูชามีข้อพิพาทเรื่องเขตแดน ตนได้แลกเปลี่ยนเรื่องนี้กับสมเด็จฮุนเซนหลายครั้ง ซึ่งท้ายสุดประเด็นเหล่านี้จะได้รับการแก้ไขด้วยการเจรจา แต่ไม่ใช่โดยการยื่นคำขาดหรือการตอบโต้ด้วยคำพูดที่รุนแรง
   
“ผมจะเดินทางไปกัมพูชาวันนี้ เพื่อจะพูดคุยปัญหาความยากจนและแนวโน้มเศรษฐกิจโลก จะพูดเพื่อรักษาผลประโยชน์ของประเทศไทยกับเพื่อนที่กรุงพนมเปญ แม้ว่ารัฐบาลไทยปัจจุบันจะยังคงไล่ล่าตัวผมในการเดินทางไปที่ใดก็ตาม หวังว่ารัฐบาลไทยจะหยุดการสร้างสถานการณ์ระหว่างประเทศ และปลุกกระแสชาตินิยมเพื่อเบี่ยงเบนความความล้มเหลวโดยสิ้นเชิงที่จะพัฒนาและทำให้สวัสดิภาพของคนไทยดีขึ้น ถึงเวลาแล้วที่รัฐบาลจะยุติการหาแพะรับบาป และเริ่มทำหน้าที่แก้ไขปัญหาในประเทศ หากท่านต้องการคำแนะนำสามารถโทรศัพท์หาผมได้เสมอ” พ.ต.ท.ทักษิณระบุในตอนท้าย

รอวัดใจเขมรส่งตัว “แม้ว”
   
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง กล่าวถึง พ.ต.ท. ทักษิณจะเดินทางเข้าประเทศกัมพูชาในวันที่ 12 พ.ย.ว่า เป็นเรื่องที่คาดการณ์ได้อยู่แล้ว หากเข้าไปรัฐบาลต้องติดต่อกับรัฐบาลกัมพูชาอย่างเป็นทางการเพื่อยืนยันว่า พ.ต.ท.ทักษิณเป็นผู้ที่หนีคดีอาญาไปจากประเทศไทย และขอให้กัมพูชาส่งตัวมาตามสนธิสัญญาการส่งผู้ร้ายข้ามแดน ส่วนกัมพูชาจะพิจารณาอย่างไรก็ต้องดูกันต่อไป
   
เมื่อถามว่า รัฐบาลสามารถส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจไปจับกุม พ.ต.ท.ทักษิณที่ประเทศ กัมพูชาได้หรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า เราจะส่งตำรวจเราไปจับกุมผู้คนในประเทศคนอื่นไม่ได้ มันมีขั้นตอนการปฏิบัติตามกฎหมายระหว่างประเทศ เมื่อถามว่า รัฐบาลจะมีมาตรการอะไรตอบโต้รัฐบาลกัมพูชาอีกหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า เรื่องตอบโต้ทางการทูตเป็นเรื่องที่ทางกระทรวงการต่างประเทศจะต้องเสนอนายกฯ

ยัน“กษิต”ไม่ใช่จุดอ่อน
   
ส่วนที่หลายคนมองว่า นายกษิต ภิรมย์ รมว.การต่างประเทศเป็นจุดอ่อนของรัฐบาล นายสุเทพกล่าวว่า ตนไม่ได้มองนาย กษิตเป็นจุดอ่อน นายกษิตทำหน้าที่ รมว.การต่างประเทศได้สมบูรณ์ เมื่อมองว่า หลายคนมองว่าพรรคประชาธิปัตย์ปลุกกระแสคลั่งชาติ เพื่อนำชาติมาแก้แค้นปัญหาส่วนตัวของนายอภิสิทธิ์ที่มีต่อสมเด็จฮุนเซน นายสุเทพกล่าวว่า เป็นการกล่าวหาเกินจริง นี่มันไม่ใช่เรื่องของพรรคแต่มันเป็นเรื่องของประเทศ
   
เมื่อถามว่า หน่วยงานด้านความมั่นคงจะมีการหารือกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างไร นายสุเทพกล่าวว่า ความสัมพันธ์ระหว่างประชาชนตามแนวชายแดนต้องดูแลให้เป็นปกติ เราจะพยายามรักษาความสัมพันธ์ทางการทหารในพื้นที่ไว้ไม่ให้ปัญหาบานปลาย กลายเป็นปัญหาด้านการทหารเพิ่มขึ้นมาอีก ไม่ให้เกิดการปะทะเพราะไม่เป็นผลดี ให้ปัญหานี้เป็นปัญหาทางการเมืองการทูตเท่านั้น ส่วนกรณี พ.ต.ท.ทักษิณจะให้คนไทยไปพบที่ตลาดโรงเกลือในวันที่ 13 พ.ย.นั้น คิดว่าคนไทยทราบดีว่าต้องทำหน้าที่อะไร

อัยการสูงสุดชี้ช่องเอาตัวกลับ
   
นายศิริศักดิ์ ติยะพรรณ อธิบดีอัยการฝ่ายต่างประเทศ กล่าวถึงการขอส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนว่า แม้ตอนนี้จะเกิดความกระทบกระเทือนความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ แต่เราก็ยังสามารถดำเนินการตรงนี้ต่อได้ โดยให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) หรือกระทรวงการต่างประเทศ ทำเรื่องร้องขอมาทางสำนักงานอัยการสูงสุด ตอนนี้เราเตรียมร่างขอส่งตัว ผู้ร้ายข้ามแดนไว้เรียบร้อยแล้ว รอแค่ร้องขอมาก็สามารถทำให้ได้ทันทีไม่เกิน 2 วัน หากทราบที่อยู่ พ.ต.ท.ทักษิณชัดเจน
   
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากกัมพูชายืนยันว่าจะไม่ส่งตัวจะดำเนินการอย่างไร นายศิริศักดิ์กล่าวว่า ถ้ากัมพูชายังยืนยันเช่นเดิมคงต้องถูกลดระดับความสัมพันธ์ลงไปเรื่อย ๆ ถึงที่สุดแล้วอาจต้องกระเทือนความสัมพันธ์ระยะยาว ซึ่งเรื่องนี้ต้องขึ้นอยู่กับรัฐบาลว่าจะดำเนิน การอย่างไร

“มาร์ค”เย้ยเข้าเขมรจริงหรือ
   
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที พ.ต.ท.ทักษิณให้สัมภาษณ์ในเว็บไซต์ไทม์ส ออนไลน์ว่า เห็น พ.ต.ท.ทักษิณแก้ตัวว่าถูกบิดเบือน ตนคิดว่าคนไทยส่วนใหญ่ที่อ่านข้อความคงเห็นว่าไม่เหมาะสม พ.ต.ท.ทักษิณเองก็คงทราบถึงได้พยายามบอกว่าไม่ได้พูด แต่เราคงต้องติดตามและตรวจสอบว่าจริง ๆ แล้วเป็นอย่างไร และทางสำนักพิมพ์ไทม์ส ออนไลน์คงต้องชี้แจงในส่วนของเขาเช่นเดียวกัน เพราะเขาถูกกล่าวหาว่าลงคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง
   
ผู้สื่อข่าวถามว่า พ.ต.ท.ทักษิณระบุชัดเจนแล้วว่าจะเดินทางมายังประเทศกัมพูชาอย่างแน่นอน นายอภิสิทธิ์กล่าวย้อนถามว่า พูดจริงหรือเปล่า เห็นให้สัมภาษณ์ยาวยังบอกพูดไม่จริงเลย

จี้ยกเลิกข้อตกลงกับเขมร
   
นายพิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ได้เข้าพบนายอภิสิทธิ์เพื่อยื่นหนังสือประณามระบอบทักษิณ และสนับสนุนรัฐบาลที่ปรับลดระดับความสัมพันธ์ รวมทั้งขอให้ยกเลิกแผนที่แสดงเขตแดนระหว่างไทย-กัมพูชามาตราส่วน 1:200,000 ที่จัดทำขึ้นโดยคณะกรรมการฝรั่งเศสแต่เพียงฝ่ายเดียว ตลอดจน ยกเลิกโครงการงบประมาณความช่วยเหลือกัมพูชาและเพิ่มระดับมาตรการกดดันกัมพูชาต่อไป
   
นายพิภพให้สัมภาษณ์ว่า ได้มอบเอกสารเกี่ยวกับประวัติศาสตร์และสัญญาข้อตกลงที่ได้ลงนามในรูปแบบต่าง ๆ ให้นายกฯทั้งหมด 11 รายการที่ทำกับกัมพูชามาในอดีต และยังได้หารือกับนายกฯถึงความเคลื่อนไหวของ พ.ต.ท.ทักษิณ แต่ไม่สามารถเปิดเผยได้ ยืนยันว่าพันธมิตรฯได้จับตาการเคลื่อนไหวของ พ.ต.ท.ทักษิณและรัฐบาลฮุนเซน

จี้ ม.รามยึดปริญญา“ฮุนเซน”
   
นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รมว.พลัง งาน กล่าวถึงกรณีที่นายกฯเตรียมเสนอ ครม.วันที่ 10 พ.ย. ให้พิจารณายกเลิกบันทึกความเข้าใจ (เอ็มโอยู) เขตปักปันทางทะเลระหว่างไทย-กัมพูชาว่า เรื่องนี้ไม่น่ามีปัญหา และกระทรวงยังไม่เคยให้สัมปทานกับเอกชนรายใดให้เข้าไปใช้ประโยชน์ในพื้นที่ทับซ้อนดังกล่าว และยังไม่เคยมีการสำรวจอย่างเป็นทางการว่ามูลค่าก๊าซบริเวณนั้นมีเท่าไหร่
   
นายวัชระ เพชรทอง ส.ส.กรุงเทพฯ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ตนไม่เห็นด้วย กับการประชุมร่วมรัฐสภาที่จะเห็นชอบกรอบการเจรจาบันทึกการประชุมของคณะกรรมาธิ การชายแดนร่วม ไทย-กัมพูชา ที่ ครม. เสนอ หากที่ประชุมยังไม่ถอนออกและมีการโหวตรับรองในวาระนี้ ตนจะเดินออกจากห้องประชุมเข้าห้องน้ำ และขอเรียกร้องให้สภามหาวิทยาลัยรามคำแหงถอนปริญญาดุษฎีกิตติมศักดิ์ ด้านรัฐศาสตร์ที่ให้กับสมเด็จฮุนเซน หากไม่มีการดำเนินการตนจะเชิญชวนนักศึกษารามคำแหงทั่วประเทศเคลื่อนไหว

ติงทำอะไรให้ใช้สติคิด
   
นายคิม ไชยแสนสุข อธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหง กล่าวว่า การจะทำเช่นนั้นเป็นเรื่องใหญ่โดยเฉพาะบุคคลระดับผู้นำประเทศ ไม่ใช่เรื่องที่มหาวิทยาลัยจะตัดสินใจได้เพียงลำพัง ต้องปรึกษากับกระทรวงการต่างประเทศและรัฐบาลด้วย เพราะหากถอดปริญญาก็เท่ากับว่าตัดความสัมพันธ์อย่างสิ้นเชิง จึงขอฝากลูกศิษย์รามคำแหงที่ไปอยู่ในการเมืองว่า จะดำเนินการอะไรก็ขอให้มีสติ วันนี้แม้จะไม่ชอบหน้าผู้นำบางคนแต่ไทยก็ยังต้องมีผลประโยชน์ร่วมกับกัมพูชาอีกหลายมิติ ขอให้คิดด้านที่เป็นกุศลบ้าง 
   
“การถอดปริญญาคนระดับผู้นำประเทศ เท่ากับว่าเราจะไม่คบกันแล้วตลอดชีวิต จึงไม่ใช่เรื่องที่นึกอยากจะทำก็ทำ ถ้ารัฐบาลไทยตัดความสัมพันธ์กับกัมพูชาโดยเด็ดขาด 2 ชาติประกาศเป็นศัตรูกัน รามคำแหงก็ต้องถอดปริญญาทันที ถ้าเราไม่ทำ   ก็เท่ากับเราไม่รักชาติ แต่สถานการณ์วันนี้ยัง  ไม่เลวร้ายเพียงนั้น ถ้าเราตัดสินใจตามกระแสไปจะกลายเป็นล้ำเส้นทันที” อธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหงกล่าว

ท้ายุบสภาแลกขับไล่รัฐบาล
   
ด้านนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ โฆษกแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) แถลงถึงท่าทีของคนเสื้อแดงต่อกรณีรัฐบาลไทยมีปฏิกิริยาที่สมเด็จฮุนเซนว่า กำลังเข้าสู่ยุทธการสุดท้ายของการต่อสู้ระหว่างรัฐบาลอำมาตย์กับคนเสื้อแดง สิ่งที่รัฐบาลทำในเวลานี้คือการปลุกกระแสชาตินิยมเพื่อยัดเหยียดข้อหาทรยศชาติให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ รวมถึงสิ่งที่ พล.อ.ชวลิต เคลื่อนไหวสานสัมพันธ์กับเพื่อนบ้าน เกมนี้รัฐบาลต้องการกวาดให้หมดทั้งกระดาน และหวังกิน 3 ต่อเข้าฮอส
   
“การที่กัมพูชาแต่งตั้ง พ.ต.ท.ทักษิณเป็นที่ปรึกษา เป็นความพยายามของประเทศหนึ่งที่ประสบความยากจน ต้องการคนที่มีความสามารถมาแก้ปัญหาเศรษฐกิจให้ จึงอยากเรียกร้องให้รัฐบาลละทิ้งความอิจฉา มองโลกในแง่ดี” นายณัฐวุฒิกล่าวและว่า สำหรับผลโพลที่ระบุว่าคะแนนความนิยมของนายอภิสิทธิ์สูงขึ้น 3 เท่านั้น โพลที่ออก มาครั้งนี้ไปรับงานใครมาหรือไม่ เนื่องจากตนได้สำรวจคนภาคเหนือ ภาคอีสาน พบว่าคะแนนนายอภิสิทธิ์ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ถ้าโพลเชื่อถือได้ขอเรียกร้องให้ยุบสภา และถ้ายุบสภาวันนี้คนเสื้อแดงก็จะยุติการชุมนุมใหญ่ขับไล่รัฐบาลปลายเดือน พ.ย. นี้ พร้อมยุติไม่ให้กองทัพตีนตบขับไล่ ครม.ในเวลาที่ลงพื้นที่ภาคอีสานและภาคเหนือด้วย

มั่นใจชายแดนไม่มีปัญหา
   
พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน อดีตประธาน คมช.กล่าวถึงความขัดแย้งไทย-กัมพูชาว่า กระทรวงการต่างประเทศต้องทบทวนมาตรการไตร่ตรองให้ดี วิเคราะห์ให้ชัดเจนและแก้ปัญหาให้ยุติให้ได้ ถ้ามีความจำเป็นต้องปิดชายแดนจริงกัมพูชามีตัวเลือกที่จะไม่รับสินค้าจากไทย จึงต้องคิดให้ดีในการที่จะตอบโต้ ในส่วนของกองทัพไม่ต้องห่วง มีความพร้อม แต่ตนเห็นว่าสถานการณ์ยังไม่ถึงขั้นวิกฤติที่จะทำสงครามระหว่างประเทศ กัมพูชากำลังรบมีน้อยกว่า การทำสงครามจึงไม่น่าเกิด
   
ทางด้าน พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาว่า กองทัพภาคที่ 2 ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เรื่องการพูดคุยทำความเข้าใจกันก็คงทำได้ในส่วนของกองบัญชาการทหารภูมิภาคที่ 4 ของกัมพูชา ทั้งนี้ไทย-กัมพูชา ยังไม่ได้มีการเพิ่มเติมกำลัง ทหารแต่อย่างใด

เขมรบอยคอตสินค้าไทย
   
พล.ท.วีร์วลิต จรสัมฤทธิ์ แม่ทัพภาคที่ 2 เปิดเผยถึงสถานการณ์ตามแนวชายแดนว่า ยังอยู่ในสภาวะปกติ ไม่มีทีท่าว่าจะเกิดสถานการณ์รุนแรง ขอให้ประชาชนสบายใจได้ เมื่อถามว่า กัมพูชาได้ถอนหน่วยรบพิเศษออกจากพื้นที่ แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวว่า กองทัพกำลังติดตามการสั่งการดังกล่าวว่าเป็นอย่างไร หากมีการถอนกำลังไปแล้วก็ต้องรายงานผู้บังคับบัญชาสั่งการอีกที การสู้รบกันขอให้เป็นหนทางสุดท้าย ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้นเพราะผู้ที่เดือดร้อนก็คือประชาชนทั้ง 2 ฝ่าย
   
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศทั่วไปภายในตลาดชายแดนยังคงเป็นปกติ แต่สิ่ง  ผิดปกติคือรถบรรทุกสินค้าที่ส่งไปยังกรุงพนม เปญมีจำนวนลดลง เนื่องจากมีกระแสต่อต้านสินค้าไทยทุกชนิด และพ่อค้าหันไปสั่งสินค้าจากเวียดนามและจีนแทน

พาณิชย์เป็นห่วงระยะยาว
   
นางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้หารือกับนายจอม ประสิทธิ์ รมว. พาณิชย์ของกัมพูชาแล้ว และยืนยันว่าความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างทั้ง 2 ประเทศยังดำเนินเหมือนปกติ โดยทางไทยยืนยันว่า ความขัดแย้งทางการทูตไม่เกี่ยวข้องกับการค้า ซึ่งนายจอมได้ตอบรับด้วยความยินดี
   
รมว.พาณิชย์กล่าวต่อว่า แม้การค้าชายแดนไทย-กัมพูชายังไม่ได้รับผลกระทบมากนัก แต่หากสถานการณ์ยืดเยื้อจะได้รับผลกระทบแน่นอน อย่างไรก็ตามระหว่างนี้ได้มอบนโยบายให้ทูตพาณิชย์ดำเนินแผนทำ ตลาดส่งออกสินค้าไปกัมพูชาตามปกติ

ครม.เล็ง MOU 40 ฉบับ
   
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุม ครม. ในวันที่ 10 พ.ย. มีวาระที่น่าสนใจคือ กระทรวงการต่างประเทศเสนอให้ ครม. ได้ พิจารณาทบทวนบันทึกความเข้าใจระหว่าง ไทยกับกัมพูชา ที่เกิดขึ้นในช่วงรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ โดยทั้งหมดมี 100 ฉบับ ล่าสุดกระทรวงการต่างประเทศศึกษาพบว่ามี 40 กว่าฉบับที่เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ส่วนตัว เบื้องต้นจะเสนอให้ ครม. ได้พิจารณาเพียงฉบับเดียว คือบันทึกความเข้าใจในพื้นที่ทับซ้อนไหล่ทวีปทะเลอ่าวไทย ที่ลงนามเมื่อปี 2544 ที่เกี่ยวข้องกับการจัดสรรทรัพยากรธรรมชาติ โดยเฉพาะก๊าซธรรมชาติ ที่พบว่า พ.ต.ท. ทักษิณ พยายามขอสัมปทานจากกัมพูชา
   
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการทบทวนบันทึกความเข้าใจกับกัมพูชา มีหลายกรณีที่เป็นการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม และการให้ทุนการศึกษาเพื่อพัฒนาประเทศเพื่อนบ้าน โดยที่ประชุม ครม. จะไม่พิจารณาในประเด็นดังกล่าว แต่จะพิจารณาเฉพาะบันทึกความเข้าใจที่เป็นผลประโยชน์ที่ทับซ้อนระหว่าง พ.ต.ท.ทักษิณกับกัมพูชา

ถกแหลกก่อนผ่านกรอบการค้า
   
วันเดียวกันที่รัฐสภา มีการประชุมร่วมกันของรัฐสภา เพื่อพิจารณากรอบการเจรจาระหว่างประเทศ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 190 โดยมีนายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภา ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม ซึ่งที่ประชุม พิจารณาความตกลงทางการค้าระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งยูเครน กรอบการเจรจาการค้าพหุภาคีภายใต้องค์การการค้าโลก และกรอบการเจรจาความตกลงการค้าเสรีของไทยภายใต้การเจรจาอาเซียนกับประเทศนอกกลุ่มที่ ครม. เป็นผู้เสนอ
   
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ส.ส.ฝ่ายค้านได้อภิปรายถึงความกังวลในเรื่องการทุจริต โดยเฉพาะโครงการจัดซื้อรถยานยนต์หุ้มเกราะที่ยังมีข้อกังขามากมาย ขณะที่ตัวแทนรัฐบาลชี้แจงว่า ข้าราชการที่ดูแลเรื่องนี้มีความรู้และเชี่ยวชาญ อย่าทำตัวเป็นก้อนกรวดอยู่ในรองเท้า เพราะความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างไทยกับประเทศทางกลุ่มตะวันตกเป็นไปด้วยดี และเมื่อผ่านไปกว่า 4 ชั่วโมงที่ประชุมได้เห็นชอบด้วยเสียง 330 ต่อ 1 งดออกเสียง 96 ไม่ลงคะแนน 16 และเห็นชอบกรอบการเจรจาการค้าพหุภาคีภายใต้องค์การการค้าโลกด้วยเสียง 327 ต่อ 1 งดออกเสียง 101 ไม่ลงคะแนน 14  และเห็นชอบกรอบการเจรจาความตกลงการค้าเสรีของไทยภายใต้การเจรจาอาเซียนกับประเทศนอกกลุ่มด้วยเสียง 320 ต่อ 0 งดออกเสียง 106 ไม่ลงคะแนน 13

เถียงเรื่องเขมรจนสภาล่ม
   
ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่า จากนั้นที่ประชุมได้มีมติเห็นชอบบันทึกและข้อหารืออีก 6 ฉบับ จนกระทั่งเวลา 15.30 น. ได้พิจารณาบันทึกการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา โดยนายกษิตเป็นผู้ชี้แจงและมีการเสนอให้ประชุมลับ ทำให้ที่ประชุมถกเถียงกว้างขวาง โดย ส.ส. ฝ่ายค้านเห็นว่า ประชาชนทั้งประเทศควรได้รับทราบสถานการณ์ โดยเฉพาะการเตรียมเสนอยกเลิกบันทึกข้อตกลง (เอ็มโอยู) เกี่ยวกับพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล ขณะที่ ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลบอกว่า หากต่างประเทศรู้ท่าทีหรือข้อมูลจะทำให้ไทยเสียประโยชน์ทางการเจรจา ขณะที่ ส.ว. สนับสนุนให้ประชุมเปิดเผยเช่นกัน
   
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนั้นนายชัยได้หันมาถามนายอภิสิทธิ์ซึ่งพยักหน้าตอบรับ แต่ทำท่าจะไม่ชี้แจง จนนายชัยต้องพยักหน้าคะยั้นคะยอขอให้ชี้แจง ทำให้นายอภิสิทธิ์ชี้แจงว่า บางเรื่องฝ่ายบริหารก็อยากพูดกับ ฝ่ายนิติบัญญัติและไม่อยากให้ข้อมูลหลุดออกไป แต่ถ้าสมาชิกยืนยันว่าจะไม่มีการพูดเกินเลยก็ไม่มีปัญหา เมื่อนายกฯชี้แจงเสร็จนายชัยได้กล่าวว่า หากพูดออกนอกกรอบ จะให้ประชุมลับทันที แต่ก็เกิดการถกเถียงกันขึ้นอีก
   
เมื่อ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า บันทึกการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมฯ มีความสำคัญจึงควรตั้งคณะกรรมาธิการศึกษาภายใน 90 วัน ทำให้บรรยากาศการประชุมเริ่มตึงเครียด ส.ส. ปะทะคารมกันอย่างดุเดือด ทำให้นายชัยสั่งพักประชุม 5 นาที เมื่อกลับมาประชุมอีกครั้ง และเมื่อตรวจสอบองค์ประชุมปรากฏว่ามีสมาชิกแสดงตน 298 คนไม่ครบองค์ประชุม นายชัยจึงสั่งปิดการประชุมทันที.


เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์