ทักษิณ ชักสนใจ! เว้นวรรค เป็นข้อเสนอที่ดี

หลังจากที่หลายฝ่าย เสนอความเห็นให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เว้นวรรคการเมืองไประยะหนึ่ง เพื่อคลี่คลายสถานการณ์ ตึงเครียดของบ้านเมือง แต่ พ.ต.ท. ทักษิณกลับยืนยัน หนักแน่นมาตลอดว่า จะไม่ลาออกจากตำแหน่ง จนกระทั่งการประชุม ครม.วันที่ 14 มี.ค. ที่ผ่านมา ได้มีมติสลับตำแหน่ง รองนายกรัฐมนตรี ให้ พล.ต.อ.ชิดชัย วรรณสถิตย์ รองนายกฯ ลำดับ 3 มาทำหน้าที่เป็นรองนายกฯ ลำดับ 1 สลับกับนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ท่ามกลางเสียงวิจารณ์หนาหูว่า เป็นการวางทายาท ทางการเมืองนั้น ล่าสุด พ.ต.ท.ทักษิณเริ่มให้ความสนใจข้อเสนอ การเว้นวรรคทางการเมืองและตั้งนอมินีมาทำงานแทน พร้อมกับเร่งแก้ไขรัฐธรรมนูญ


ทักษิณ ปัดข่าวบวงสรวงแก้เคล็ด



เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 15 มี.ค. ที่บ้านของนายเนวิน ชิดชอบ รองหัวหน้าพรรคไทยรักไทย อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีกระแสข่าวได้ทำพิธีบวงสรวงแก้เคล็ดในเวลาเที่ยงคืนเก้านาที เมื่อคืนที่ผ่านมาว่า เมื่อคืนเข้านอนตอนสี่ทุ่ม ไม่รู้ว่าไปละเมอขึ้นมาทำไสยศาสตร์ตอนไหน ผู้สื่อข่าวถามว่า พล.ต.อ.ชิดชัย วรรณสถิตย์ รองนายก รัฐมนตรีและ รมว.ยุติธรรม ได้รายงานสถานการณ์การชุมนุมที่ทำเนียบรัฐบาลอย่างไรบ้าง พ.ต.ท.ทักษิณกล่าวว่า ไม่มีอะไร เขาดูกันจนชินแล้ว


ระบุภารกิจเหลืออีกนิดเดียว



ต่อข้อถามว่า มีกระแสข่าวว่าได้มีการเจรจากับ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง และนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย โดยมีข้อเสนอให้เว้นวรรคทางการเมือง และจะยอมยุติการชุมนุม พ.ต.ท. ทักษิณตอบว่า ไม่มีเลย มีระดับคนทำงานคุยกัน แต่ไม่มีเรื่องเกี่ยวกับตน มันเป็นเรื่องของกติกาบ้านเมืองมากกว่า ถ้าจะมาคุยว่าต้องอย่างนั้นอย่างนี้ ก็ต้องให้บรรจุในรัฐธรรมนูญสักหนึ่งมาตราเลย ว่าห้ามทักษิณเล่นการเมือง เมื่อถามว่า เคยคิดหรือไม่ว่าการเว้นวรรคทางการเมืองจะช่วยคลี่คลายปัญหาที่เกิดขึ้นได้หรือไม่ พ.ต.ท.ทักษิณกล่าวว่า สรุปแล้วตนตั้งใจทำงานเพื่อบ้านเมือง และประชาชนก็อยากให้แก้ปัญหาหลายด้าน แต่บางคนอาจจะไม่สบายใจที่ตนลงแข่งแล้วเป็นปัญหากับเขา ความจริงแล้วโดยส่วนตัวเป็นคนพูดรู้เรื่องนะ เพียงแต่ขอให้ใครที่คิดว่าช่วยทำให้บ้านเมืองแทนตน ตนก็อยาก ไม่ได้คิดว่าจะยึดติดเลย แต่ภารกิจมันอีกนิดเดียวก็จะจบแล้ว ถ้าภารกิจจบแล้วก็ไม่รู้จะอยู่ไปทำอะไร เหนื่อยแล้ว แก่แล้ว อีกไม่กี่เดือนก็อายุ 57 ปี


ถ้าคิดว่าถึงจุดพอแล้วก็จะหยุด



เมื่อถามว่า เคยคิดหรือไม่ว่าการเว้นวรรคทางการเมืองจะเป็นการแก้ปัญหาทางหนึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณตอบว่า เป็นคนประเภทไม่ได้คิดเว้นวรรคหรือไม่เว้นวรรค คือเมื่อทำไปถึงจุดหนึ่งถ้าคิดว่าพอก็พอ ผู้สื่อข่าวถามว่า ตอนนี้มีคนมาพูดเรื่องเว้นวรรคทางการเมือง จะนำตรงนี้มาคิดทบทวนบ้างหรือไม่ พ.ต.ท.ทักษิณตอบว่า อำนาจประชาชนเป็นสิ่งสำคัญ ถ้าประชาชนบอกให้หยุดก็หยุด บอกให้ทำก็ทำ ประชาธิปไตยเป็นเรื่องของประชาชน ไม่ใช่เป็นเรื่องของกลุ่มชนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งที่จะมาสรุปว่าตัวเองสามารถโหวตได้ล้านเสียง ชาวบ้านโหวตได้เสียงเดียว รัฐธรรมนูญนับความเป็นมนุษย์ของคน ไม่ได้นับตรงลาภยศ สรรเสริญ ยศถาบรรดาศักดิ์ ฐานะวิทยะความรู้ ฉะนั้น ทุกคนต้องเชื่อฟังเสียงประชาชน


ชักสนใจ เว้นวรรค-ตั้งนอมินี



เมื่อถามว่าตอนนี้บางฝ่ายมองว่าถ้าท่านเว้นวรรคทางการเมือง แล้วเอานอมินีขึ้นแทนและเร่งแก้ไขรัฐธรรมนูญ ก็จะกลับมาได้สวยงามกว่าทุกวันนี้ พ.ต.ท. ทักษิณตอบว่า เป็นข้อเสนอที่ดี ผู้สื่อข่าวถามว่าหมายความว่ากำลังพิจารณาอยู่แต่ยังไม่ถึงเวลาใช่หรือไม่ พ.ต.ท.ทักษิณตอบว่า พิจารณาทุกด้านที่คนเสนอมา เพียงแต่จะตัดสินใจอย่างไรนั้น เมื่อยังไม่ถึงเวลาก็ยังไม่ต้องพูดอะไร แต่ถ้าถึงเวลาก็จะตัดสินใจในสิ่งที่ดีที่สุดของบ้านเมือง แต่ไม่ใช่ตัดสินใจบนความกดดันของบางคนที่เสียผลประโยชน์ บางคนอาจไม่เข้าใจเรื่องราว แต่ตนจะพยายามบนพื้นฐานที่ไม่ได้เกิดจากความอยากจะเป็นนายกฯอยู่ ถือว่าเป็นงานอาสา เมื่อถามว่าถ้าเหตุการณ์ตรงนั้นมีจริง ได้มองนอมินีไว้หรือยัง พ.ต.ท.ทักษิณกล่าว แบบพยายามควบคุมอารมณ์ว่า นี่นะ ที่ถามมานี่ ผมตอบแบบมีเงื่อนไขอย่างไรเขียนให้ดีนะ ไม่ใช่ว่าตั้งเขียนไว้เรียบร้อยแล้ว รอเพียงแต่คำถามใส่ปากผมเท่านั้น อันนี้ต้องดูให้ดี โดยเฉพาะหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ


หยุดรถกลางทางทักทายกองเชียร์



หลังจากให้สัมภาษณ์เสร็จ พ.ต.ท.ทักษิณได้ไปสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์ พระบรมรูปรัชกาลที่ 1 ก่อน เดินทางไปตรวจเยี่ยมสหกรณ์กองทุนสวนยาง อ.โนนสุวรรณ ท่ามกลางประชาชนรอให้การต้อนรับอย่างหนาแน่นเช่นทุกครั้ง จากนั้นเดินทางไป อ.ลำปลายมาศ ซึ่งระหว่างทาง พ.ต.ท. ทักษิณได้หยุดขบวนรถเป็นระยะเพื่อแวะทักทาย ประชาชนที่ยืนโบกธงต้อนรับในจุดที่เป็นกลุ่มใหญ่ๆ กระทั่งเวลา 12.30 น. จึงเดินตรวจเยี่ยมโครงการหมู่บ้านเอสเอ็มแอล ต.หนองคู อ.ลำปลายมาศ พร้อมทั้งกินอาหารกลางวัน


แวะให้หลวงพ่อคูณดูลายมือ



ต่อมาเวลา 14.20 น. พ.ต.ท.ทักษิณเดินทางไปยังวัดสุทธจินดา อ.เมือง จ.นครราชสีมา เพื่อกราบนมัสการหลวงพ่อคูณ ปริสุทฺโธ เจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ ซึ่งหลวงพ่อคูณได้มอบพระยอดธงหลวงพ่อคูณเนื้อตะกั่วเถื่อน รุ่นครบรอบอายุ 80 ปี ให้เป็นสิริมงคลในการฝ่าฟันอุปสรรคทางการเมือง นอกจากนี้ ยังได้มีการสนทนาธรรมกันประมาณ 30 นาที โดยหลวงพ่อคูณได้พูดถึงเรื่องการปราบยาบ้าว่า นายกฯรู้ดีอยู่แล้ว ไม่ต้องบอกหรือย้ำอะไร ขณะที่ พ.ต.ท.ทักษิณพูดขึ้นว่า ช่วงนี้ศัตรูเยอะ บ้านเมืองเสียเวลากับเรื่องไม่เป็นเรื่อง พร้อมกับยื่นมือขวาให้หลวงพ่อคูณดูเส้นลายมือ หลวงพ่อคูณบอกว่า แค่จับมือมันก็ดีอยู่แล้ว เส้นมันดี ไม่เป็นอะไรด๊อก แต่สงสัยจะเดินทางเยอะ พร้อมแนะนำให้นอนพักผ่อนวันละ 6 ชั่วโมง ด้าน พ.ต.ท.ทักษิณตอบกลับว่า เส้นลายมือคงไม่ตายโหง แต่จะป่วยหรือแก่ตายเท่านั้น เพราะเส้นลายมือไม่ตัด

จากนั้นผู้สื่อข่าวได้ถามหลวงพ่อคูณว่าได้ให้กำลังใจอะไรนายกฯบ้าง หลวงพ่อคูณกล่าวว่า ไม่มีอะไร เป็นการให้กำลังใจเพื่อให้คุณพระคุณเจ้าคุ้มครอง ไปไหนก็ปลอดภัย เท่านั้นก็พอ มันเป็นคนดีอยู่แล้ว ผู้สื่อข่าวถามอีกว่าอยากให้พ.ต.ท.ทักษิณทำงานต่อหรือไม่ หลวงพ่อคูณกล่าวว่า ใครซิจะไปไล่มันออก สงสารมันอยู่ ขณะที่ พ.ต.ท.ทักษิณกล่าวว่า จะเดินทางกลับ กทม.วันที่ 16 มี.ค. เวลา 06.30 น. เพราะมีประชุมที่ทำเนียบรัฐบาล โดยจะแวะที่ อ.ปากช่องก่อน


เปิดปราศรัยจวกแกนนำกลุ่มผู้ชุมนุม



ต่อมาเวลา 14.50 น. พ.ต.ท.ทักษิณเดินทางไปที่โรงแรมรอยัลปริ๊นเซส นครราชสีมา เพื่อพักผ่อนจนกระทั่งเวลา 18.00 น. จึงเดินทางไปปราศรัยที่ศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา โดยมีประชาชนมารับฟังการปราศรัยประมาณ 3 หมื่นคน โดย พ.ต.ท.ทักษิณกล่าวว่า สังคมไทยกำลังบอบช้ำ มีคนคิดว่าตัวเองเก่งกว่าคนอื่น แล้วรวมตัวมากดดันรัฐบาล อยากถามว่าตนอยู่มา 5 ปี ไม่มีคุณงามความดีเลยหรือ พวกหากินไม่เป็นแล้วบอกจะมากู้ชาติ จะกู้ไปทำอะไร กู้แบงก์ยังไม่คืนเลย ชีวิตตัวเองยังเอาไม่รอด จะกู้ไปจำนองอีกหรือไง หรือจะเอาไปให้พ่อค้ายาเสพติด ถ้าหากประเทศไทยต้องเปลี่ยนรัฐบาลโดยไร้กติกา เราเสร็จแน่ เพราะต่างประเทศจะไม่เชื่อถือเราอีกต่อไป พวกที่ล้อมอยู่ที่ทำเนียบฯ ขอให้กลับไปเลี้ยงลูกเลี้ยงเมียเถอะ และลูกเมียก็มารับกลับไปเสียที ปล่อยให้มานอนข้างถนนอยู่ได้


ยืนกรานสู้สุดตัวไม่หนีไปนอก



สาเหตุที่ผมยุบสภาเพราะคนในสภาไม่มีวินัย มีสภาให้ทำงานไม่ทำ กลับไปทำข้างถนน พวก ส.ว.และ ส.ส.ฝ่ายค้านบางคนพูดจาแย่มาก ไปนั่งฟังอยู่ในส้วม ยังเหม็นกว่าส้วมอีก พูดได้อย่างไร ไม่กลัวคุก กลัวตะราง พวกนี้ด่าคนอื่นแต่ไม่ดูตัวเอง ด่าอยู่ข้างเดียวเป็นเดือนๆ กว่าผมจะออกมาพูดก็ช้ำไปหมดแล้ว วันนี้ก่อนออกมา เมียก็โทร.มาหา เตือนว่าเธอใจเย็นๆนะ อย่าไปว่าเขานะ แต่ผมเย็นมามากแล้ว วัฒนธรรมไทยมีจุดอ่อน ยอมให้คนพาลมาตลอด ดังนั้น ต้องเลิก ยอมไม่ได้ เพราะคนที่ทำตาม จะถูกมองว่าเป็นคนโง่ คนหมู เรื่องนี้มีข่าวปล่อยเยอะ ปล่อยข่าวว่าผมจะหนีออกนอกประเทศ ผมจะหนีทำไม นี่ประเทศของเรา และถ้าจะหนีคนที่หนีคือพวกเอ็ง ไม่ใช่ ข้า ผมผู้ชายอกสามศอก พุงสี่ศอก สู้ไม่มีถอย แต่ไม่ได้สู้ เพื่อให้ตัวเองเป็นนายกฯ สู้เพื่อประชาชน มาเที่ยวนี้ผมได้ความรู้สึกดีมากๆ ใจที่พี่น้องให้มาหาซื้อไม่ได้ ถ้าให้กันขนาดนี้แล้วผมไม่สู้ก็ตายดีกว่า ผมเป็นนายกฯจากประชาธิปไตย ดังนั้นถ้าจะไป ต้องไปด้วยประชาธิปไตยเท่านั้น พ.ต.ท.ทักษิณกล่าว

หลังเสร็จการปราศรัย พ.ต.ท.ทักษิณได้เดินทางไปกินข้าวเย็นที่บ้านนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ รองหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ที่ อ.เมือง จ.นครราชสีมา แล้วเดินทางกลับไปนอนค้างคืนที่โรงแรมรอยัลปริ๊นเซส


ยกเลิกลงใต้ดอดขึ้นเหนือแทน



เช้าวันเดียวกัน พรรคไทยรักไทยได้แจ้งยกเลิกกำหนดการเดินทางของ พ.ต.ท.ทักษิณในการไปปฏิบัติภารกิจที่ จ.นครศรีธรรมราช วันที่ 17 มี.ค.นี้ โดยระบุเหตุผลว่า พ.ต.ท.ทักษิณต้องการเปลี่ยนสถานที่เดินทางไปพบประชาชนที่ จ.เชียงราย แทนนายสุธรรม แสงประทุม รองประธานภาคใต้ พรรคไทยรักไทยกล่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณมีอาการเจ็บคอ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานภาคใต้ พรรคไทยรักไทย จึงเสนอให้เลื่อนการเดินทางไปก่อน โดยกำหนดจะให้ พ.ต.ท.ทักษิณเดินทางไปภาคใต้ในช่วงปลายเดือน มี.ค.นี้แทน ผู้สื่อข่าวถามว่า ในเมื่อ พ.ต.ท.ทักษิณไม่สบาย เหตุใดจึงมีไปปราศรัยที่ภาคเหนือได้ นายสุธรรมตอบว่า ประชาชนภาคเหนือเรียกร้องอยากให้ พ.ต.ท.ทักษิณไปพบ ดังนั้นถึงแม้ไม่สบายก็จะเดินทางไปหา


วิษณุ ชี้ ทักษิณ ลาออกได้



นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ ถึงกรณีที่คำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีลำดับ การรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี โดยให้ พล.ต.อ.ชิดชัย วรรณสถิตย์ เป็นรองนายกรัฐมนตรี ลำดับ 1 แทนนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ว่า เรื่องนี้เป็นไปตาม พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน มาตรา 41 ให้รองนายกฯเป็นผู้รักษาราชการแทนนายกฯ สามารถลงนามในเอกสารราชการเพื่อให้งานเดินต่อไป แต่หากมีความผิดพลาดหรือเกิดปัญหาจากการสั่งการ คนรับผิดชอบคือนายกฯ เพราะเป็นเจ้าของอำนาจ

ผู้สื่อข่าวถามว่าขณะนี้นายกฯสามารถลาออกจากตำแหน่งแล้วให้รองนายกฯ คนหนึ่ง ขึ้นมารักษาราชการแทนได้เลยทันทีหรือไม่ นายวิษณุตอบว่า เรื่องนี้ยังถกเถียงกันอยู่ ฝ่ายหนึ่งบอกว่าทำได้ ขณะที่อีกฝ่ายหนึ่งบอกว่าทำไม่ได้ เพราะถือว่านายกฯพ้นจากตำแหน่งไปแล้ว แต่ตนคิดว่าทุกอย่างอยู่ที่ตัว ถ้าบอกว่าออกไปแล้วพ้นไปแล้วจึงตายไม่ได้ ก็ประหลาดอยู่ หากไปดูกฎหมายจะเห็นว่าเป็นไปได้ทั้งนั้น ดังนั้น ถ้าจะลาออกก็สามารถทำได้


ชิดชัย การันตีไม่คิดเป็นนายกฯ



พล.ต.อ.ชิดชัย วรรณสถิตย์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.ยุติธรรม กล่าวว่า หลังจากที่ได้รับเลื่อนจากรองนายกฯลำดับ 3 มาเป็นลำดับ 1 ก็มีการปล่อยข่าวลือกันเยอะมาก พูดกันเป็นตุเป็นตะ อยากให้ทุกฝ่ายพูดกันให้น้อย เพราะรู้กันอยู่ว่าข่าวลือมาจากที่ไหน ความจริงทุกอย่างยังเหมือนเดิม แต่กลับมาปล่อยข่าวว่าตนจะเป็นนายกฯ เมื่อวันที่ 14 มี.ค.ที่ผ่านมา ได้ยืนยันแล้วว่าสาเหตุที่ลำดับเพราะไม่ได้เป็นผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ไม่ต้องไปหาเสียง ผู้สื่อข่าวถามว่ามีการมองว่าเป็นการวางทายาททางการเมือง เผื่อกรณีนายกฯเว้นวรรค ก็ยังเหลือตัวแทนบ้านจันทร์ส่องหล้าไว้ พล.ต.อ.ชิดชัยตอบว่า เป็นอนาคตอันไกลมาก อย่าจับภาพมาต่อกันให้เกิดความสับสน ตนพยายามดูแลความสงบเรียบร้อย ยังไม่มีเวลาคิดไปไกลขนาดนั้น นอกจากนี้ ก็ไม่ได้เป็นผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ไม่ได้สนใจเรื่องการเมือง ถ้าจะคิดก็ต้องคุยกันให้ครบทั้งหมด ยืนยันว่าไม่ใช่ทายาททางการเมือง พอข่าวลือออกมาก็ทำให้รู้สึกทุกข์ เพราะต้องรับงานหนักแถมยังถูกเพ่งเล็ง เมื่อถามย้ำว่าพร้อมหรือไม่ที่จะทำงานทางการเมืองในตำแหน่งอื่น พล.ต.อ. ชิดชัยตอบว่า ไม่พร้อม เพราะรู้ตัวเอง มีคนอื่นที่พร้อมกว่าเยอะแยะ


ปชป.ซัด ทักษิณ เล่นลิ้นหลอกลวง


อีกด้านหนึ่ง ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้เรียกประชุมแกนนำพรรคเพื่อวิเคราะห์สถานการณ์การเมือง ภายหลังการประชุม นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ แถลงว่า ได้มีการพิจารณากรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แต่งตั้ง พล.ต.อ.ชิดชัย วรรณสถิตย์ เป็นรองนายกรัฐมนตรี ลำดับที่ 1 โดยให้เหตุผลว่าให้ปฏิบัติหน้าที่ในกรณีที่นายกฯ ต้องเดินทางออกต่างจังหวัดและมีเหตุการณ์ไม่ เรียบร้อยเกิดขึ้น พรรคประชาธิปัตย์เห็นว่าเหตุผลดังกล่าวฟังไม่ขึ้น เพราะนายกฯไม่ได้เดินทางออกนอกราชอาณาจักร เชื่อว่าเรื่องนี้น่าจะมีเหตุผลแอบแฝงหรือมีอะไรลึกๆอยู่เบื้องหลัง ทางพรรคจะติดตามต่อไป ส่วนที่นายกฯระบุว่า ตามกฎหมายถือว่าได้ลาออกจากตำแหน่งไปแล้วจากการยุบสภา ขณะนี้เพียงรักษาการนายกฯและจะอยู่ จนถึงวันเลือกตั้งจนกว่าจะได้นายกฯคนใหม่นั้น ถือเป็นการเล่นลิ้นกับประชาชนทั้งประเทศ เพราะในทางพฤตินัย พ.ต.ท.ทักษิณยังเป็นนายกฯและมีอำนาจเต็มอยู่


จองชัย ชี้ทางถอยแบบไม่บอบช้ำ



นายจองชัย เที่ยงธรรม รองหัวหน้าพรรคชาติไทย กล่าวว่า การที่ พ.ต.ท.ทักษิณยอมรับว่า ข้อเสนอตั้งนายกฯรักษาการและเว้นวรรคทางการเมืองเป็นข้อเสนอที่ดีนั้น พ.ต.ท.ทักษิณต้องหาทางลงที่ไม่บอบช้ำ แต่เรื่องนี้คงไม่เกี่ยวกับการยึดทรัพย์ เพราะที่ผ่านมายังไม่มีการกล่าวหาว่าผิด แต่ที่ผิดคือผิดจริยธรรมที่อาศัยอำนาจหน้าที่หาผลประโยชน์ กลุ่มผู้ชุมนุมบอกโกง แต่ไม่ได้บอกว่าโกงอย่างไร จึงอยากเสนอต่อทุกฝ่ายว่าเมื่อ พ.ต.ท.ทักษิณจะถอยแล้วก็ต้องพาดบันไดให้ลง ไม่ใช่ให้ลงจากหอคอย


แก้วสรร จี้คน ทรท.กดดัน ทักษิณ



ด้านนายแก้วสรร อติโพธิ ส.ว.กทม. กล่าวว่า การสลับตำแหน่งรองนายกฯถือเป็นเรื่องน่าคิด เพราะหากเกิดกรณีที่บ้านเมืองไม่มีนายกฯคอยกำกับดูแลก็ต้องมีรองนายกฯลำดับที่ 1 มาทำหน้าที่แทน เชื่อว่าเป็นการเตรียมทายาทเอาไว้ในกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณถอยหรือวางมือทางการเมืองไป เป็นการปูทางถอยของพรรคไทยรักไทย ถือว่าเป็นสัญญาณที่ดี ไม่น่าจะใช่เรื่องของการเตรียมการประกาศภาวะฉุกเฉิน เมื่อ พ.ต.ท.ทักษิณยอมถอยแล้วก็ค่อยมาเจรจากันว่าจะออกอย่างไรถึงจะไม่จนมุม เพราะตอนนี้เหมือนจิ๊กโก๋ที่อยู่กันคนละซุ้ม ถ้าตนเป็นคนในพรรคไทยรักไทยจะเดินไปบอก พ.ต.ท.ทักษิณว่า ให้ออกเถอะเพื่อรักษาพรรคเอาไว้ ไม่เช่นนั้นจะกอดคอกันตายหมด แต่ถ้าคนพวกนี้ยังไม่กล้าเสนอก็ควรตายกันให้หมดทั้งพรรค


เตรียมร้องเพิกถอนมติ ครม.



นายการุณ ใสงาม ส.ว.บุรีรัมย์ ให้สัมภาษณ์ว่า การแต่งตั้งให้ พล.ต.อ.ชิดชัย วรรณสถิตย์ เป็นรองนายกรัฐมนตรี ลำดับที่ 1 เป็นคำสั่งโดยมิชอบและขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 215 ที่ห้าม ครม.รักษาการใช้อำนาจแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการ พนักงานของหน่วยงานรัฐหรือรัฐวิสาหกิจ เว้นแต่จะขอความเห็นชอบจาก กกต. ซึ่งคำว่าข้าราชการตามมาตรานี้หมายรวมถึงข้าราชการการเมืองด้วย ดังนั้นการแต่งตั้ง พล.ต.อ.ชิดชัยเป็นรองนายกฯ คนที่ 1 ครม.ต้องทำหนังสือถึง กกต.ก่อน และ กกต.ต้องมีมติตามที่ ครม.ขอมาด้วย ดังนั้น ในวันที่ 16 มี.ค.นี้จะไปร้องต่อผู้ตรวจการแผ่นดินของรัฐสภา เพื่อขอให้มีคำร้องไปยังศาลปกครอง ดำเนินการวินิจฉัยหรือพิพากษาในเรื่องดังกล่าว เพื่อให้ยกเลิกเพิกถอนมติ ครม.


พีเน็ตแถลงตั้งโต๊ะเจรจา 3 ฝ่าย



วันเดียวกัน พล.อ.สายหยุด เกิดผล ประธานมูลนิธิองค์กรกลางเพื่อประชาธิปไตย (พีเน็ต) และนายสมชัย ศรีสุทธิยากร ผู้ประสานงานพีเน็ต แถลงว่า จากการที่หลายฝ่ายมีความพยายามที่จะหาทางออกเกี่ยวกับสถานการณ์บ้านเมืองในขณะนี้ และพรรคไทยรักไทยมีท่าทีตอบรับต่อการจัดหารือของที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) ดังนั้น พีเน็ตได้ประสานกับนายปรัชญา เวสารัชช์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ในฐานะประธาน ทปอ. ได้ข้อสรุปว่าจะจัดร่วมกัน โดยในวันที่ 16 มี.ค. เวลา 10.00 น. จะเชิญทั้ง 3 ฝ่ายคือ พรรคไทยรักไทย กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยและอดีตพรรค ฝ่ายค้านมาหารือในกรอบเบื้องต้นที่บ้านมนังคศิลา โดยทางพรรคประชาธิปัตย์จะส่งตัวแทนคือ นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ขณะที่ฝ่ายพันธมิตรฯจะส่งนายสุริยะใส กตะศิลา ส่วนพรรคไทยรักไทยนั้น พีเน็ตและ ทปอ.กำลังติดต่อ คาดว่าจะส่งนายพินิจ จารุสมบัติ มาร่วมเจรจา โดยการประชุมหารือนี้จะกำหนดให้เป็นเวทีเปิด สื่อมวลชนสามารถเข้าสังเกตการณ์ได้


ทปอ.โดดหนีพีเน็ตต่างคนต่างทำ



ด้านนายปรัชญา เวสารัชช์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ในฐานะประธาน ทปอ. กล่าวว่าการที่พีเน็ตแถลงข่าวว่า ทปอ.จะเข้าร่วมจัดเวทีเจรจา 3 ฝ่ายนั้น คงเป็นการเข้าใจผิด ทปอ.จะไม่เข้าร่วมด้วย ซึ่งได้แจ้งกับพีเน็ตไปแล้ว แนวทางของ ทปอ.ต่างกับพีเน็ต เพราะพีเน็ตต้องการให้การพูดคุยมีการถ่ายทอดทางโทรทัศน์ แต่ ทปอ.อยากปิดห้องคุยกันเงียบๆก่อน ดังนั้นต่างคนก็ต่างทำกันไป สุดท้ายแล้วสังคมก็จะเกิดประโยชน์ เพราะอย่างน้อยก็ทำให้ทุกฝ่ายได้เข้ามาพูดคุยกัน ทปอ.จะเดินหน้าต่อตามแนวทางที่วางไว้ โดยในวันที่ 16 มี.ค. เวลา 10.00 น. จะหารือกับอดีตพรรคฝ่ายค้านว่าจะประชุมกับฝ่ายรัฐบาลหรือไม่ อย่างไร เมื่อไหร่ แล้วจะนำความ ต้องการของฝ่ายค้านกลับไปหารือกับฝ่ายรัฐบาลว่ารับได้หรือไม่ หากรับได้ก็กำหนดวันพูดคุยกัน แต่หากไม่ไว้ใจกันก็มีผู้เสนอให้นำพยานเข้าไปร่วมด้วยและบันทึกเทปไว้ จากนั้นหากฝ่ายใดออกมาแถลงข่าวต่อสาธารณะไม่ตรงกับที่ตกลงกันไว้ ก็ให้นำเทปที่บันทึกไว้ออกอากาศ วิธีนี้ดูเหมือนฝ่ายรัฐบาลจะขานรับ ดังนั้น ทปอ.จะนำไปถามพรรคฝ่ายค้านว่ารับได้หรือไม่


โภคิน แจงไม่ได้เสนอยกเลิก ม.209



วันเดียวกัน นายโภคิน พลกุล รองหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ได้ส่งหนังสือชี้แจงข้อความในบทบรรณาธิการของหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ โดยมีใจความว่า ในบทบรรณาธิการหัวข้อ ระวังโจราธิปไตย มีข้อความที่ทำให้เกิดความเสียหายแก่พรรคไทยรักไทย โดยระบุว่า มีรองหัวหน้าพรรคไทยรักไทยคนหนึ่งแย้มออกมาว่า จะเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญให้รัฐมนตรีเป็นหุ้นส่วน หรือถือหุ้นในบริษัทได้ ซึ่งต้องยกเลิกรัฐธรรมนูญมาตรา 209 เพื่อให้สามารถ เป็นรัฐมนตรีและเป็นนักธุรกิจได้พร้อมๆกันนั้น ตนในฐานะรองหัวหน้าพรรคไทยรักไทยคนหนึ่งขอชี้แจงว่า ในวันที่ 8 มี.ค. ได้ให้สัมภาษณ์เรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่าทางพรรคจะไม่ยุ่งเกี่ยว แต่จะเสนอประเด็นแก้ไขไปยังคนกลางที่จะเข้ามายกร่างรัฐธรรมนูญ จากนั้นมีผู้สื่อข่าวถามว่ามองเรื่องหุ้นของนายกฯอย่างไร ตนได้ ตอบไปว่าไม่ทราบรายละเอียด แต่เมื่อพิจารณาจากการที่รัฐธรรมนูญบัญญัติเช่นนี้จะมีปัญหาในทางปฏิบัติ ดังนั้น บางประเทศ เช่น สิงคโปร์ จึงให้นักการเมืองประกอบอาชีพอื่นได้ ถือหุ้นได้ แต่ต้องไม่เกิดประโยชน์ทับซ้อนและผิดกฎหมาย แต่ประเด็นนี้ไม่ใช่ประเด็นที่พรรคไทยรักไทย จะเสนอให้คนกลางที่จะยกร่างรัฐธรรมนูญพิจารณา


ปชป.ฟัดไม่ปล่อยหุ้นชินคอร์ป



สำหรับการติดตามปมขายหุ้นชินคอร์ปนั้น นายเกียรติ สิทธีอมร คณะทำงานตรวจสอบการขายหุ้นบริษัทชินคอร์ปให้แก่บริษัทเทมาเสกของพรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า กรณีนี้มีความผิดและไม่โปร่งใสหลายจุด ทำให้การซื้อขายหุ้นดังกล่าวเกิดขึ้นไม่ได้ โดยเฉพาะในส่วนของผู้ถือหุ้นจากต่างประเทศของเทมาเสก มีคำถามตามมาว่า ถ้ามีความโปร่งใสจริง ทำไมเทมาเสกไม่ลงทุนโดยตรงในกลุ่มบริษัทชินคอร์ป แต่กลับลงทุนผ่านบริษัทไพน์ ที่ชำระทุนจดทะเบียน 4 แสนกว่าบาท บริษัทซิคามอร์ ที่ชำระทุนจดทะเบียนแค่ 50 บาท ก่อนจะมาถึงบริษัทไซเพลส ที่ชำระทุนจดทะเบียนแค่ 1 แสนบาท รวมถึงบริษัทกุหลาบแก้วและบริษัทซีดาร์ โฮลดิ้ง แอนเดอร์ตัน หรือลงทุนผ่านบริษัทแอนเดอร์ตัน ซึ่งชำระทุนจดทะเบียนแล้วแค่ 25 บาทเท่านั้น ทั้งนี้ต้องดำเนินการในลักษณะนี้เพื่อหลีกเลี่ยง พ.ร.บ.ประกอบธุรกิจคนต่างด้าว และลดภาระความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้น เพราะหากเกิดอะไรขึ้นก็รับภาระเท่ากับทุนจดทะเบียน นอกจากนี้ ยังพบว่านายเอส อัสวาราน เป็นกรรมการในทุกบริษัทที่เกี่ยวข้อง ถือเป็นการครอบงำทางธุรกิจโดยใช้ช่องโหว่ทางกฎหมาย


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์