ทหาร 2549 จากรสช. สู่คมช.

หลังการเข้ายึดอำนาจ


ของคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข(คปค.) ค่ำวันที่ 19 ก.ย. 2549 ภาพลักษณ์ของทหารจากที่สงบนิ่งในกรมกอง ในแบบของ ทหารอาชีพ ก็เปลี่ยนแปลงไป

เป็นบทบาทที่ย้อนยุคกลับไปสู่ในอดีตที่ทหารจะเกี่ยวข้องกับการปฏิวัติรัฐประหาร ซึ่งล่าสุด คือ การรัฐประหารโดยคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ หรือรสช. ที่เข้ายึดอำนาจจากรัฐบาล พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ เมื่อ 23 ก.พ. 2534

เหตุผลที่ พล.อ.สุนทร คงสมพงษ์


เข้ายึดอำนาจจากรัฐบาล พล.อ.ชาติชาย ในแถลงการณ์ของรสช. ระบุว่าเนื่องจากพฤติการณ์ทุจริต คอร์รัปชั่นของคณะผู้บริหารประเทศ ปัญหาเศรษฐกิจตกต่ำ ข้าวของแพงหูฉี่

ข้าราชการการเมืองกดขี่ข่มเหงข้าราชการประจำ รัฐบาลกระทำตัวเป็นเผด็จการรัฐสภา ทำลายสถาบันทหาร

ที่ร้ายแรงคือ บิดเบือนคดีล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์


เหตุผลของ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน และ คณะทหารชุดนี้ มีความคล้ายคลึงกันในบางส่วน แถลงการณ์ คปค. ระบุว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร สร้างความแตกแยกขึ้นในบ้านเมือง การทุจริตประพฤติมิชอบขยายวง องค์กรอิสระถูกการเมืองครอบงำ จนไม่สามารถตรวจสอบฝ่ายบริหารได้

ที่สำคัญ คือการกล่าวหา อดีตนายกฯ มีพฤติกรรมหมิ่นเหม่เกี่ยวกับสถาบันอันเป็นที่เคารพ การปฏิวัติของทหารทั้ง 2 ครั้ง ในเบื้องต้นได้รับเสียงตอบรับด้านบวกจากประชาชน ก่อนที่รสช.จะพาตัวเองไปพบจุดจบในพฤษภาทมิฬเมื่อปี 2535 เนื่องจากไม่ยอมถอยจากอำนาจ

รสช.บริหารงานได้แค่ 1 ปี ก็ถูกประชาชนเดินขบวนต่อต้าน เพราะร่างรัฐธรรมนูญที่มีเนื้อหาสืบทอดอำนาจของรสช. จนเป็นจุดเสื่อม ที่นำมาสู่การเรียกร้องทางการเมือง และขยายวงมากขึ้น

ฟางเส้นสุดท้ายคือ การให้ พล.อ.สุจินดา คราประยูร ขึ้นรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี โดยมีเพื่อน 0143 ผงาดขึ้นในตำแหน่งผบ.เหล่าทัพ ยกแผง และกลายเป็นชนวนเหตุของเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ

อวสานของรสช. เมื่อ 15 ปีที่ผ่านมา น่าจะเป็นบทเรียนอย่างดียิ่งของ คปค.


คปค. ซึ่งปัจจุบันแปรสภาพมาเป็นคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) มีพล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน เป็นประธาน พล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุข ผบ.ทอ. เป็นรองประธาน



พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ผบ.สส.

พล.ร.อ.สถิรพันธุ์ เกยานนท์ ผบ.ทร.

พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ ผบ.ตร. และมี

พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร กับ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา เป็น ผช.เลขาธิการคมช. ทั้งหมดล้วนเป็นอดีตสมาชิก คปค. และผู้ร่วมปฏิวัติ ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็น คปค. หรือคมช. จึงไม่ต่างกัน

แม้คณะทหารชุดนี้ จะต่างจากทหารยุครสช.

ตรงที่มีการแสดงออกในลักษณะเป็นมิตร และเปิดกว้างมากกว่า โดยให้โอกาสฝ่ายที่มีความเห็นแตกต่างได้ออกมาเคลื่อนไหว และใช้อำนาจเพื่อประโยชน์ส่วนตนน้อยกว่านักรัฐประหารในอดีต แต่บทเรียนจากรสช. ยังคงตามหลอกหลอน ทำให้ประชาชนยังไม่ไว้วางใจอยู่ดี

แม้คปค.จะได้ประกาศว่า จะคืนอำนาจให้ประชาชนภายใน 1 ปีก็ตาม


เมื่อมีการแต่งตั้งทหารหรือเส้นสายของทหารเข้าไปสู่ตำแหน่งต่างๆ ก็กระตุ้นความหวาดระแวงให้เกิดขึ้นทันที

สัญญาณเตือนว่า สังคมต้องการเห็นทหารกลับกรมกองมากกว่าที่จะออกมามีบทบาททางการบริหาร คือกรณีที่ประชุมครม. 7 พ.ย. 49 มีมติแต่งตั้งทหารเข้าไปนั่งเป็นบอร์ดในรัฐวิสาหกิจถึง 13 แห่ง

แม้คมช.จะชี้แจงว่าเป็นโควตาสายทหาร หรือส่งเข้าไปเพื่อสางปัญหาทุจริต ก็ยังเป็นเรื่องคาใจอยู่ดี

การโหมข่าวเรื่องคลื่นใต้น้ำ


ที่เกี่ยวเนื่องกับการคงกฎอัยการศึกเอาไว้ ไปจนถึงการโยกย้ายนายทหารระดับนายพล ระดับผู้บังคับการกรม ระดับผู้บังคับกองพัน พอจะเข้าใจได้ว่า เป็นความจำเป็นในการรักษาอำนาจ เพื่อป้องกันการฟื้นคืนของอำนาจเก่า

การแต่งตั้งสภานิติบัญญัติแห่งชาติ

ก็พอรับได้เนื่องจากมีความหลากหลายพอสมควร แต่เรื่องใหญ่ที่ประชาชนจับตาเป็นพิเศษ คือ การเมืองและรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ จะเป็นอย่างไรจะมีบทบัญญัติที่แฝงเร้น เอื้ออำนวยให้เกิดการสืบทอดอำนาจหรือไม่

มีปรากฏการณ์ที่ชวนให้คิด อาทิ การคัดเลือกบุคคลเข้าไปเป็นสภาร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งในการคัดเลือกเหลือ 200 คน มีคนใกล้ชิดผู้นำฝ่ายทหารได้คะแนนสูงสุด และวิธีการคัดเลือกไม่โปร่งใส

ที่สำคัญคือ การคัดเลือกขั้นสุดท้ายให้เหลือ 100 คน เป็นอำนาจของประธานคมช. และการคัดเลือกคณะกรรมาธิการร่างรัฐธรรมนูญ 35 คน ที่รัฐธรรมนูญชั่วคราวระบุให้เป็นหน้าที่ของประธานคมช. เลือกถึง 10 คน

สภาพเช่นนี้ ช่วยไม่ได้ที่จะเกิดความสงสัยในเจตนารมณ์ของฝ่ายทหาร และทิศทางของรัฐธรรมนูญฉบับใหม่


ก่อนสิ้นปี คมช.แถลงผลงานในวาระครบ 3 เดือน แสดงความพอใจการทำงานแบบ 100 เปอร์เซ็นต์ พร้อมกับยืนยันอีกว่าจะไม่มีการสืบทอดอำนาจแน่นอน

ขณะที่พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรีเอง ก็ได้ประกาศไว้เช่นกันว่า หากมีการสืบทอดอำนาจ จะลาออกจากตำแหน่งนายกฯ ทันที

ในยุคของรสช.เคยเกิดกรณี เสียสัตย์เพื่อชาติ มาแล้ว ผลลงเอยเป็นอย่างไร เชื่อว่า ยังอยู่ในความทรงจำของทุกคน ขณะนี้อยู่ในยุคของคมช. เชื่อว่าพล.อ.สนธิ และคมช. คงไม่ยอมให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย


ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ข่าวสด

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์