ทนาย สนธิ แจ้ง ตร.ขอเลื่อนให้ปากคำ - ยันลูกความไม่ผิด

ทนาย สนธิ แจ้ง ตร.ขอเลื่อนให้ปากคำ - ยันลูกความไม่ผิด

โดย ทีมข่าวอาชญากรรม ผู้จัดการออนไลน์ 11 เมษายน 2549 11:33 น.

สุวัตร อภัยภักดิ์ ทนายความ สนธิ ลิ้มทองกุล แจ้งเลื่อนการให้ปากคำตามหมายเรียกออกไปก่อน ส่วนจะเป็นวันใด รอหารือกับ สนธิ อีกครั้ง พร้อมเชื่อเหตุออกหมายเรียกเป็นการใช้อำนาจรัฐเล่นงานทั้งที่ลูกความไม่มีความผิด

จากกรณีที่ พล.ต.ท.อชิรวิทย์ สุพรรณเภสัช ผู้ช่วย ผบ.ตร. และโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ออกมาเปิดเผยความคืบหน้าคดีที่มีการร้องทุกข์กล่าวโทษนายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ และแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ในข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ โดยที่ พล.ต.ท.ชลอ ชูวงษ์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. หัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนได้พิจารณาผลการสืบสวนสอบสวนพบว่าข้อเท็จจริงมีมูลตามที่ถูกกล่าวหา จึงได้ออกหมายเรียกเชิญตัวนายสนธิเข้าให้ปากคำที่กองปราบปราม ในวันที่ 17 เมษายนนี้

วันนี้ (11 เม.ย.) นายสุวัตร อภัยภักดิ์ ทนายความของนายสนธิเปิดเผยว่า เรื่องดังกล่าวเป็นการออกหมายเรียกไปสอบปากคำตามปกติ ซึ่งหลังจากได้รับหมายเรียกแล้วได้ประสานไปยังพนักงานสอบสวนเพื่อขอเลื่อนการเข้าให้ปากคำออกไปก่อน ส่วนจะเลื่อนไปเป็นวันที่เท่าใดนั้นจะต้องรอหารือกับนายสนธิก่อน

อย่างไรก็ตาม นายสุวัตร ยืนยันว่า การกล่าวหานายสนธิในครั้งนี้ ถือเป็นการใช้อำนาจรัฐเล่นงานนายสนธิ และยืนยันว่าคำพูดที่นายสนธิปราศรัยนั้นก็ไม่เข้าข่ายความผิดฐานหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ และขณะนี้ตนก็ได้เตรียมพยานหลักฐานไว้พร้อมที่จะต่อสู้คดีให้นายสนธิแล้ว สำหรับนายสนธิขณะนี้ยังถือเป็นผู้ถูกกล่าวหา ไม่ใช่ผู้ต้องหา ถึงแม้จะมีการออกหมายเรียกแล้วก็ตาม แต่พนักงานสอบสวนยังไม่มีการแจ้งข้อหาแต่อย่างใด

อย่างไรก็ตาม การที่นายสนธิถูกกล่าวหาว่าหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ เมื่อวันที่ 4 เม.ย.ที่ผ่านมา นายสนธิ ลิ้มทองกุล ได้มอบอำนาจให้นายสุวัตร อภัยภักดิ์ ทนายความเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายเนวิน ชิดชอบ รักษาการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ เป็นจำเลยในความผิดฐานหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา ต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ กรณีที่นายเนวินให้สัมภาษณ์ในรายการ เรื่องเล่าเช้านี้ ที่มีนายสรยุทธ สุทัศนะจินดา เป็นผู้ดำเนินรายการ ผ่านทางสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสี ช่อง 3

ตามฟ้องโจทก์สรุปว่า เมื่อวันที่ 31 มี.ค.2549 จำเลยได้ใส่ความโจทก์ด้วยการให้สัมภาษณ์ผ่านรายการ เรื่องเล่าเช้านี้ โดยกล่าวยืนยันว่าโจทก์กล่าวให้สัมภาษณ์ทุกถ้อยคำในหนังสือพิมพ์ คม ชัด ลึก ฉบับลงวันที่ 24 มี.ค.2549 จริง และยืนยันว่าโจทก์กระทำความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร หมวด 1 ความผิดต่อองค์พระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท และผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ มาตรา 112 จริง โดยกล่าวว่าโจทก์จาบจ้วงต่อองค์พระเจ้าอยู่หัว สืบเนื่องมาจากที่ นสพ.คม ชัด ลึก ตีพิมพ์คำให้สัมภาษณ์ของโจทก์ที่เรียกร้องให้นายกฯ ลาออก แสดงความรับผิดชอบต่อการแปรรูปการไฟฟ้าฝ่ายผลิตฯ (กฟผ.) ต่อมาศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งเพิกถอนการแปรรูป เนื่องจากมีความเสียหายเกิดขึ้น

ต่อมาโจทก์ถูกแจ้งความดำเนินคดีจากบุคคลหลายกลุ่ม ข้อหากระทำความผิดเกี่ยวกับความมั่นคง ขณะนี้คดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของพนักงานสอบสวน ยังไม่ได้แจ้งข้อหาต่อโจทก์แต่อย่างใด การกระทำของจำเลยจึงเป็นการบังอาจประพฤติตนเป็นศาล กระทำการก้าวล่วงและชี้นำความเห็นของศาล เป็นการใส่ความโจทก์ต่อบุคคลที่สาม

โจทก์เป็น 1 ใน 5 ของแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้ทำการเรียกร้องให้มีการปฏิรูปการเมือง โดยเรียกร้องให้นายกฯ ลาออกจากตำแหน่ง การที่จำเลยให้สัมภาษณ์ดังกล่าวจึงเป็นการชี้นำและปลุกระดมความรู้สึกของประชาชน เพื่อให้โกรธแค้นและชิงชังโจทก์ ทำให้โจทก์เสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น เกลียดชัง

คำฟ้องระบุด้วยว่า จำเลยเคยเป็นผู้ต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้ลงโทษจำคุก คดีดังกล่าวอยู่ระหว่างการรอลงอาญา จำเลยได้กระทำความผิดในคดีนี้อีก จึงขอให้ศาลได้โปรดเพิ่มโทษที่จะลงหนึ่งในสามของโทษที่ศาลกำหนดสำหรับความผิดครั้งนี้

ท้ายคำฟ้อง โจทก์ขอให้ศาลสั่งให้จำเลยโฆษณาคำพิพากษาของศาลทั้งหมด ในหนังสือพิมพ์รายวัน 9 ฉบับ และในรายการโทรทัศน์ช่อง 3, 5, 7, 9, 11, ไอทีวี และรายการ เรื่องเล่าเช้านี้ โดยจำเลยเป็นผู้ชำระค่าใช้จ่ายทั้งหมด และสั่งห้ามมิให้จำเลยเผยแพร่ภาพและเสียงกรณีการให้สัมภาษณ์ของจำเลยในเรื่องนี้อีกต่อไป ศาลรับคำฟ้องไว้พิจารณา พร้อมนัดไต่สวนมูลฟ้องโจทก์วันที่ 19 มิ.ย.2549 เวลา 09.00 น.

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์