ถึงเวลาเนวินขอเอาคืน เกาะกระแสพรรคร่วมปั่นราคา

เทศกาลฝุ่นตลบวนกลับมาอีกครั้งหนึ่งแล้ว

ภายหลังที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยให้ยุบพรรคการเมืองทั้ง 3 พรรค อันได้แก่ พรรคพลังประชาชน พรรคมัชฌิมาธิปไตย และพรรคชาติไทย ในวันที่ 2 ธันวาคมที่ผ่านมา

ทำให้ ส.ส.จำนวน 245 ชีวิตกลายเป็นคน "ไร้สังกัด" ในทันที และยังเป็นผลให้บรรดา ส.ส.เหล่านี้ เป็นสิ่งล่อตาล่อใจของ "นักตกปลาในอ่างคนอื่น" ที่ต้องการให้เกิดการเปลี่ยนขั้วทางการเมือง

ประเด็นนี้ถือเป็นสิ่งที่แกนนำพรรคเพื่อไทย กลัวที่สุดในเวลานี้

แม้ว่าจะมีจำนวน ส.ส.ที่เคยสังกัดพรรคพลังประชาชนอยู่ถึง 219 เสียงซึ่งถือเป็นจำนวนเกือบครึ่งหนึ่งของจำนวน ส.ส.ทั้งสภา

แต่ทว่าความที่พรรคพลังประชาชนเป็นพรรคการเมืองขนาดใหญ่ มีกลุ่มก๊วนการเมืองหลายกลุ่ม ทำให้คำว่า "เอกภาพ" ไม่เคยปรากฏขึ้นในพรรคนี้ และเมื่อมีการถ่ายโอนสำมะโนครัวมาเป็นพรรคทายาทอย่างพรรคเพื่อไทย ปัญหาในเรื่องนี้ก็ยังคงเป็นเงาติดตามมาด้วยเช่นกัน

โดยเฉพาะเจ้าเก่าอย่าง "กลุ่มเพื่อนเนวิน" ภายใต้การนำของนายเนวิน ชิดชอบ อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ที่แม้จะถูกสลายอำนาจ "แก๊งออฟโฟร์" ไปแล้ว ทำให้ ส.ส.ในก๊วนที่เคยมีอยู่หลักร้อยลดลงไปบ้าง แต่ก็ยังคงต้องยอมรับว่ากลุ่มเพื่อนเนวิน ยังสามารถครองความยิ่งใหญ่ในพรรคได้เสมอ

ระยะเวลาหลังที่มีการเปลี่ยนถ่ายอำนาจจาก "แก๊งออฟโฟร์สูตรต้นตำรับ" ไปเป็น "แก๊งออฟโฟร์สูตรใหม่" ที่เป็นการผนึกกำลังกันระหว่าง "2 หญิง" กับ "2 ชาย" ทำให้กลุ่มเพื่อนเนวิน ต้องเจอกับสภาวะที่ซบเซาไปบ้าง

แต่กระนั้นห้วงเวลานี้ถือเป็น "นาทีทอง" ของกลุ่มเพื่อนเนวิน ในการต่อรองอำนาจทางการเมือง

ตั้งแต่วันที่ 3 ธันวาคมเป็นต้นมา บรรดา ส.ส.จากกลุ่มต่างๆ ในพรรคพลังประชาชน ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มภาคเหนือ กลุ่มอีสานพัฒนา กลุ่มขุนค้อน กลุ่มภาคกลาง กลุ่ม กทม.ต่างตบเท้าเข้าร่วมเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยเป็นที่พร้อมเพรียงตามคำสั่งของ "นายใหญ่" เป็นที่เรียบร้อย

แต่ไร้เงาของแกนนำกลุ่มเพื่อนเนวิน มีเพียงอดีตสมาชิกที่เคยร่วมก๊วนกันมาไม่กี่คนเท่านั้น

โดยยกเหตุผลทางกฎหมายกรณีการตีความตามมาตรา 106 (8) ที่ระบุให้ ส.ส.พรรคที่ถูกยุบไปสังกัดพรรคการเมืองอื่นภายใน 60 วัน เพื่อรักษาสถานะการเป็น ส.ส. มาเป็นข้ออ้างในการไม่ย้ายไปสังกัดพรรคเพื่อไทย

ขณะที่พรรคร่วมรัฐบาลเองก็เกิดอาการละเหี่ยใจกับรัฐบาลสายล่อฟ้าของพรรคพลังประชาชนมาโดยตลอด จนนำไปสู่การ "ดินเนอร์การเมือง" ที่โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ ระหว่างพรรคมัชฌิมาธิปไตย และพรรคเพื่อแผ่นดิน เพื่อหาทางออกวิกฤตบ้านเมือง โดยเฉพาะตัวนายกรัฐมนตรีคนใหม่

เพราะหากนายกฯเป็นคนของพรรคเพื่อไทย จะทำให้เกิดความขัดแย้งขึ้นมาอีกอย่างไม่จบไม่สิ้น ดังนั้นจำเป็นต้องหานายกฯคนกลางขึ้นมาแทน ซึ่งก็มีชื่อ "บิ๊กเหวียง" พล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร หัวหน้าพรรครวมใจไทยชาติพัฒนา ปรากฏขึ้นนั่นเอง

อาการปวดหัวเกิดขึ้นกับ "นายใหญ่" ทันที ที่ข่าวนี้เข้าถึงหู จนถึงกับต้องโทรศัพท์ทางไกลมาขอร้องแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลให้อยู่ร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย และสนับสนุนนายกฯที่เป็นตัวแทนมาจากพรรคเพื่อไทยต่อ แต่ไม่ได้รับการขานรับเท่าที่ควร

"เพื่อนเนวิน" เดินเกมเร็วในทันที โดยให้ ส.ส.ในกลุ่ม 15 คน แถลงข่าวยืนยันว่ากลุ่มเพื่อนเนวิน ยังไม่ตัดสินใจเรื่องการเลือกตัวนายกรัฐมนตรี แต่จะกำหนดท่าทีของกลุ่มอย่างชัดเจนก่อนวันที่ 7 ตุลาคมนี้ว่าจะไปสมัครเป็นสมาชิกพรรคการเมืองใด

ถือเป็นกลวิธีกดดันให้แกนนำพรรคเพื่อไทย ตัดสินใจสละเก้าอี้รัฐมนตรีกระทรวงเกรดเอ และเลือกตัวนายกรัฐมนตรีที่กลุ่มเพื่อนเนวินให้การยอมรับ ซึ่งคนนั้นต้องไม่ใช่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รักษาการ รมว.สาธารณสุข ศัตรูคู่อาฆาตเก่า

ทว่าเกมการต่อรองนี้ ไม่ได้เป็นเพราะ "เนวิน" ต้องการที่จะแตกหักกับ "นายใหญ่" โดยการตั้งตนเป็นอิสระและไปจับมือกับพรรคการเมืองอื่น เพราะ "เนวิน" รู้ดีว่า ในพื้นที่ภาคอีสาน "แบรนด์ทักษิณ" ยังได้รับความนิยมอยู่

หากลงรับเลือกตั้งในนามพรรคคู่ของพรรคเพื่อไทย การเดินเข้าสู่สภาของ ส.ส.เพื่อนเนวิน จะเป็นไปอย่างยากลำบากยิ่ง!!!

ดังนั้นเรื่องนี้จึงเป็นเพียงการขอเอาคืนเท่านั้น

เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์