“ตู่”ย้ำทำสำนวนฟ้อง“มาร์ค-เทพ”ศาลโลกข้อหาอาชญากรสงคราม

เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 14 กันยายนที่พรรคเพื่อไทย นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย และแกนนำนปช.แดงทั้งแผ่นดิน

แถลงถึงความคืบหน้าการยื่นฟ้องศาลโลกในข้อหาอาชญากรรมฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ในการสลายการชุมนุมของคนเสื้อแดง ตั้งแต่วันที่ 10 เมษายน-19 พฤษภาคม 2553 ว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานของสำนักงานกฎหมายอัมเตอร์ดัม แอนด์เปรอฟ ร่วมกับฝ่ายกฎหมายในประเทศไทย ซึ่งจะยื่นฟ้องต่อศาลโลกในช่วงประมาณเดือนตุลาคมนี้ โดยเบื้องต้นจำเลยที่จะต้องยื่นฟ้อง คือนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ส่วนคนอื่นๆก็ต้องดูตามพยานหลักฐานที่เชื่อมโยงไปถึง


สำหรับความคืบหน้าในเรื่องนี้ ขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบปากคำพยานที่เห็นเหตุการณ์ในการสลายการชุมนุมเมื่อวันที่ 10 เมษายน ที่สี่แยกคอกวัว

โดยพยานคนนี้เป็นคนเสื้อแดงจากจังหวัดชลบุรี เป็นอดีตทหารผ่านศึก และเห็นเหตุการณ์ตอนที่พ.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม ถูกยิงเสียชีวิต โดยพยานคนนี้เห็นว่าพ.อ.ร่มเกล้าถูกยิงมาจากแถว 3 ของทหาร ซึ่งเมื่อพยานเห็นเหตุการณ์ก็ได้เข้าไปช่วยเหลือ แต่ก็ถูกกระสุนยิงอีก จากนั้นก็พักรักษาตัวมาเป็นเวลานาน จนขณะนี้อยู่ระหว่างการทำกายภาพบำบัด และเพิ่งสามารถมาให้ถ้อยคำเพื่อเก็บไว้เป็นหลักฐานได้ และต่อไปเมื่อพยานคนนี้แข็งแรงและมั่นใจในความปลอดภัย ก็จะนำตัวมาแถลงข่าวชี้แจงต่อสื่อมวลชนต่อไป ซึ่งคำให้การของพยานคนดังกล่าว จะทำให้เกิดความชัดเจนว่าการเสียชีวิตของพ.อ.ร่มเกล้าเกิดจากความขัดแย้งของทหารกันเองที่อาศัยโอกาสการล้อมปราบประชาชนเช็คบิลกันเอง โดยไม่เกี่ยวข้องกับคนเสื้อแดง


นอกจากการยื่นฟ้องศาลโลก ฝ่ายกฎหมายของสำนักงานทนายความอัมเตอร์ดัมแอนด์เปรอฟ และทีมกฎหมายภายในประเทศ

กำลังพิจารณายื่นฟ้องกรมสอบสวนคดีพิเศษ และนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ ต่อศาลยุติธรรม ในข้อหาปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ไม่ปฏิบัติตามประมวลกฎหมายคดีอาญา ในเรื่องการชันสูตรพลิกศพ เพราะตามกระบวนการต้องมีการชันสูตรหาสาเหตุการตาย ก่อนสืบสวนสอบสวนว่าใครเป็นผู้ทำให้ตาย แต่กรณีนี้กลับยื่นฟ้องคนเสื้อแดงในข้อหาก่อการร้ายก่อน โดยอ้างว่าคนเสื้อแดงฆ่ากันเองทั้งที่ยังไม่มีการชันสูตรพลิกศพ เท่ากับว่ากระบวนการไม่ชอบ ดังนั้นฝ่ายกฎหมายจะรอหลังจากที่ศาลนัดพร้อมคู่ความในคดีก่อการร้าย ในวันที่ 27 กันยายน แล้วจึงจะยื่นฟ้อง โดยคดีนี้จะมีพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่ตกเป็นจำเลยในคดีก่อการร้าย รวมทั้งแกนนำทั้งหมดร่วมเป็นโจทก์ด้วย และจะนำกรณีนี้ไปเป็นเหตุผลประกอบในการยื่นฟ้องศาลโลกด้วย


นายจตุพร กล่าวว่า สำหรับกรณีที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ออกมาระบุว่า ที่ตนจะยื่นฟ้องศาลโลกเป็นเรื่องเพ้อเจ้อ

และหากตนไม่ได้เป็นส.ส. ก็จะต้องถูกจับขังคุกเหมือนนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อและพวกนั้น อยากบอกนายสุเทพเอาบุญว่าหากบ้านเมืองมีกระบวนการยุติธรรมที่แท้จริง นายณัฐวุฒิกับพวกจะไม่ได้เป็นผู้ต้องหา แต่นายสุเทพ และนายอภิสิทธิ์ต่างหากที่จะต้องถูกตรีตรวนในความผิดสั่งฆ่าประชาชน 91 ศพ และพยายามฆ่าอีก 2 พันกว่าคดี นายสุเทพจะปากดีอย่างไรก็ตาม แต่ตนเชื่อคำโบราณที่ว่าคนแขนคด ใจคด สมองคด คบไม่ได้


“อยากถามนายสุเทพที่ไปให้สัมภาษณ์ไม่ให้สื่อลงคำให้สัมภาษณ์อย่าให้สื่อลงข่าวสัมภาษณ์ผม ว่าคุณเป็นใครถึงห้ามสื่อลงข่าว เท่าที่ผ่านมาปิดสื่อเสื้อแดงก็รุนแรงมาก แต่นี่เหิมเกริมถึงขนาดสั่งสื่อทั่วไปไม่ให้ลงข่าว การปิดกั้นสื่อก็เท่ากับการปิดกั้นเสรีภาพของประชาชน แล้วที่พูดเรื่องถ้าไม่เป็นส.ส.จะจับ อยากให้รู้ว่าเอกสิทธิ์ส.ส.นี่เจ้าตัวขอไม่ได้ ต้องเป็นเรื่องกระบวนการยื่นไปให้สภาเป็นผู้พิจารณา และที่ผ่านมาดีเอสไอก็ยื่นร้องขอคัดค้านการประกันตัวตอนหมดสมัยประชุม แต่ศาลก็ยกคำร้อง เพราะไม่มีพฤติกรรมหลบหนี จึงอยากบอกนายสุเทพที่ตอนนี้ไม่ได้เป็นส.ส.แล้ว และยังมีเรื่องร้องเรียนในป.ป.ช.เกี่ยวกับทุจริตเลือกตั้งนายกอบจ.สุราษฎร์ธานีอยู่ ว่าคุณเองก็ไม่มีเอกสิทธิ์คุ้มครองเช่นกัน”นายจตุพร กล่าว


นายจตุพร กล่าวว่า สำหรับเรื่องของนายธาริต ที่อยู่หน่วย 161 นอกจากเรื่องการไม่อำนวยความยุติธรรมตามระบบแล้ว ตอนนี้ก็มีเรื่องที่ต้องถามว่าช่วงนี้ไปเขาใหญ่บ้างหรือเปล่า ไปกับภรรยา และน้องชายด้วยหรือไม่ สิ่งที่นายธาริตทำอะไรเอาไว้พวกตนรู้หมด และได้เก็บพยานหลักฐานและรูปถ่ายเอาไว้หมดแล้ว และเตรียมที่จะเปิดเผยในครั้งต่อไปด้วย


เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์