ด้านเพื่อชาติ!สมชายงัดข้อกองทัพหึ่ง!ทักษิณสั่งสู้ตาย

หึ่ง! "ทักษิณ" ยกหูสั่งสู้ต่อ "สมชาย" ปากกล้าขาสั่น ชูมติ 6 พรรคร่วมหน้าด้านเพื่อชาติ ไม่ยุบไม่ออก พิงประชาชนอ้างรัฐบาลมาจากการเลือกตั้ง จะไปจะมาต้องเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ โยน "จิ๋ว"

รับผิดชอบคำสั่งฆ่าประชาชน  อัปยศ! ซื้อเวลา 15 วัน ส่อต้มคนทั้งประเทศ ระบุหากผลสอบระบุว่าผิดพร้อมรับผิดชอบ  แต่ประธานกรรมการสอบระบุจะไม่ชี้ผิดชี้ถูกเพราะไม่ใช่ศาล   พลังประชาชนตั้งวอร์รูมสู้   ผู้นำกองทัพยกการ์ดสูง  สะพัดเตรียมเด้ง  "อนุพงษ์" ส่งซี้พี่เมียเสียบแทน "เสธ.หนั่น" เผลอรับมติ ครม. 6 ตุลา.ต้องเข้าสภาให้ได้
การเมืองไทยก้าวเข้าสู่ความตึงเครียดอีกครั้ง  เมื่อรัฐบาลนายสมชาย  วงศ์สวัสดิ์ ยืนกรานที่จะบริหารประเทศต่อไป  และไม่สนใจเสียงเรียกร้องผ่านหน้าจอทีวีจากผู้นำเหล่าทัพ โดยเฉพาะ  พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา  ผู้บัญชาการทหารบก  ที่ให้ลาออกเพื่อรับผิดชอบจากการปราบปรามประชาชนเมื่อวันที่ 7 ตุลาคมที่ผ่านมาจนมีผู้เสียชีวิต 2 ราย และได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก
ตลอดวันศุกร์  ทุกสายตาจับจ้องไปที่นายสมชายว่าจะมีปฏิกิริยาอย่างไร  รวมถึงนักลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ต่างให้ความสนใจและคาดว่าอาจมีการลาออกหรือยุบสภา โดยการซื้อขายหุ้นอยู่ในแดนบวกตั้งแต่ช่วงสายยันบ่าย
อย่างไรก็ตาม  ความไม่แน่นอนเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา  มีความพยายามจากพรรคพลังประชาชนในการออกมาตอบโต้กองทัพ   ส.ส. 8  คนซึ่งนำโดยนายไพจิต ศรีวรขาน ส.ส.นครพนม นายพีรพันธุ์ พาลุสุข  ส.ส.ยโสธร นายอำนวย คลังผา ส.ส.ลพบุรี นายศักดา คงเพชร ส.ส.ร้อยเอ็ด นายประชา ประสพดี  ส.ส.สมุทรปราการ นางอนุสรา ยังตรง ส.ส.สมุทรปราการ นายการุณ โหสกุล ส.ส.กทม. นายไพโรจน์ อิสระเสรีพงษ์ ส.ส.กทม. ได้ร่วมกันแถลงข่าว
นายพีรพันธุ์ตั้งคำถามกับ ผบ.เหล่าทัพทั้ง  4  คนว่า กำลังทำหน้าที่อะไร เมื่อเป็นกองทัพของชาติ แต่การแสดงออกให้เห็นอย่างนี้เป็นภาพที่คุ้นเคยว่ากำลังเกิดการปฏิวัติรัฐประหารอีกแล้ว  จึงมีคำถามว่าที่อ้างว่าทำตามรัฐธรรมนูญ   แต่สิ่งที่ปรากฏคือจะมาพูดเรื่องปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา  แต่สุดท้าย ผบ. 4 เหล่าทัพไปออกรายการพูดอีกเรื่องอีก อย่างนี้เป็นการทำหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญจริงหรือไม่
"ขอเรียกร้องยังประชาชนทั้งหลายว่า  ขณะนี้มีคนพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้นายกฯ ลาออกหรือยุบสภา หรือหากไม่เกิดขึ้น ก็จะมีการยึดอำนาจ แต่ดูเหมือนการยึดอำนาจจะถูกต่อต้านไม่เพียงแต่ในประเทศ  แต่ต่างประเทศสังคมนานาชาติจะไม่เอาด้วย  ความเสียหายจะกลับมาสู่ประเทศมหาศาล   อยากเรียกร้องว่าไม่ว่าปฏิวัติเงียบหรือไม่เงียบ ขอให้ประชาชนออกมาต่อต้านการยึดอำนาจโดยที่ไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ เพื่อหยุดยั้งความชั่วร้ายกับประเทศ"
นายพีรพันธุ์กล่าวว่า  ไม่ได้ท้าทายกองทัพ แต่สิ่งที่พวก ผบ.เหล่าทัพออกทีวี  เราได้รับโทรศัพท์สอบถามมากมายว่าอะไรจะเกิดขึ้น   จะมีความวุ่นวายหรือไม่ ซึ่ง ผบ.เหล่าทัพควรให้เกียรตินายกฯ  ก่อนออกรายการทีวี  วันนี้มีความพยายามกดดันนายกฯ ให้ออก เมื่อออกแล้วก็แก้ไขรัฐธรรมนูญบางมาตราเพื่อเปิดทางให้มีนายกฯ คนนอก
ด้านนายอำนวย  คลังผา  ส.ส.ลพบุรี  พรรคพลังประชาชน เรียกร้องให้ ผบ.เหล่าทัพทำหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญกำหนด   คือเตรียมกำลังเพื่อปกป้องอธิปไตย  รักษาไว้ซึ่งการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข  รวมทั้งงานที่รัฐบาลมอบหมาย  ดังนั้น  จึงไม่เห็นด้วยกับการที่ ผบ.เหล่าทัพได้แถลง
ท่องคาถามาจากเลือกตั้ง
"ในฐานะพวกผมมาจากการเลือกตั้ง  ประชาชนเป็นคนเลือก  จึงขอเรียกร้องให้ผู้บัญชาการเหล่าทัพทำหน้าที่ตามกรอบที่รัฐธรรมนูญกำหนด  ที่สำคัญกองทัพต้องทำงานที่รัฐบาลมอบหมาย" นายอำนวยกล่าว และว่า ประเด็นที่พันธมิตรฯ  บาดเจ็บล้มตาย  รัฐบาลได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบ  อยากฝากให้สื่ออย่าเพิ่งด่วนสรุป เราต่างมีบาดแผลใจ อยากให้ทุกคนได้ร้องเพลงชาติด้วยกัน
มีรายงานข่าวจากพรรคพลังประชาชนแจ้งว่า  ในช่วงที่สถานการณ์ทางการเมืองร้อนแรงขณะนี้  พรรคพลังประชาชนได้มีการจัดตั้งวอร์รูมของพรรคเกาะติดสถานการณ์เพื่อรายงานและสรุปสถานการณ์เป็นช่วงๆ ให้ทันต่อเหตุการณ์  โดยนายพีรพันธุ์ยอมรับว่ามีการตั้งวอร์รูมตามปกติ  ซึ่งมีการแบ่งคณะทำงานเป็นชุดๆ ในการรับผิดชอบดูแลวอร์รูม เพื่อเกาะติด วิเคราะห์ พร้อมในการชี้แจงและทำความเข้าใจให้กับประชาชนด้วย
พล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร หัวหน้าพรรครวมใจไทยชาติพัฒนา และ อดีต ผบ.ทบ. ให้สัมภาษณ์ว่า ในแง่ความมั่นคง  รัฐบาลอยู่ลำบาก  อยู่ไม่ได้  ซึ่งนายกฯ ก็รับทราบปัญหาว่าอยู่ลำบาก ส่วนจะตัดสินใจอย่างไร  นายกฯ ได้เรียกหัวหน้าพรรคการเมืองร่วมรัฐบาลเวลา    14.00 น. ต้องดูก่อนว่าผลประชุมจะเป็นอย่างไร แต่ตนจะเสนอในที่ประชุมให้ทำตามเสียงประชาชนว่าต้องการอะไร
สำหรับความเคลื่อนไหวของนายสมชาย   ช่วงสายวันเดียวกันนายกฯ  เดินทางไปศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ   อำเภอบางไทร   จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพื่อตรวจเยี่ยมและรับฟังบรรยายสรุปการดำเนินงานต่างๆ ของเจ้าหน้าที่  
ระหว่างการบรรยายสรุปของเจ้าหน้าที่  นายกฯ ได้พูดโทรศัพท์มือถือตลอดเวลาด้วยสีหน้ากังวล ซึ่งมีทั้งสายเรียกเข้าและโทร.ออกไปด้วยตัวเอง  นอกจากนี้พอวางโทรศัพท์นายกรัฐมนตรียังเรียกนายบุญทรง   เตริยาภิรมย์  เลขานุการส่วนตัวมาคุยด้วย  จนไม่ได้ฟังเนื้อหาการบรรยาย ซึ่งผิดจากที่ผ่านมาที่นายสมชายจะไม่ใช้โทรศัพท์ระหว่างการปฏิบัติหน้าที่
เสร็จแล้วนายกฯ ได้เดินทางกลับ กทม.ไปยังทำเนียบรัฐบาลชั่วคราว ท่าอากาศยานดอนเมืองทันทีเพื่อหารือกับแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล
กระทั่งเวลา  16.00  น.  มีการเปิดแถลงข่าว โดยนายสมชายกล่าวว่า เมื่อมีเรื่องราวต่างๆ   เกิดขึ้นและเป็นที่สนใจอยากรู้ความเป็นไปเป็นมาของการทำงานภาครัฐบาลนั้น  รัฐบาลก็ควรจะต้องแสดงให้พี่น้องประชาชนทราบ
"เพราะว่ารัฐบาลชุดนี้เป็นรัฐบาลที่เราเรียกได้เต็มปากเต็มคำว่าเป็นรัฐบาลที่มาในระบอบประชาธิปไตย   มาจากการเลือกตั้งของพี่น้องประชาชนทั้งประเทศ   เพราะฉะนั้นการทำสิ่งใด  ก็มารายงานให้พี่น้องประชาชนได้รับทราบ   เพราะว่าเรามีความรับผิดชอบต่อบุคคลที่ส่งให้เรามาเป็นผู้บริหารบ้านเมือง เป็นเรื่องปกติที่ต้องมีการพูดคุยกัน เป็นครั้งเป็นคราว"
นายกฯ  กล่าวว่า  การทำงานของรัฐบาลนั้นจุดมุ่งหมายเมื่อขึ้นมาแล้ว ไม่ได้มีเป้าประสงค์ว่าจะทำงานเฉพาะด้านการเมือง  สิ่งที่สำคัญที่สุดที่เรากังวลก็คือ  การที่เราจะต้องดูแลพี่น้องประชาชนทุกคน  ทุกภาคส่วน โดยเสมอภาคกันทั้งประเทศ
จากนั้นเขาบอกว่าอยากจะพูดถึงเหตุการณ์ซึ่งยังเป็นข่าวที่ได้รับความสนใจอยู่ทุกวันนี้   ก็คือเหตุที่ได้เกิดขึ้นจากการที่รัฐบาลได้แถลงนโยบายของรัฐบาลว่า   ตกลงมันเป็นอย่างไรกันแน่ เมื่อรัฐบาลได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ   แต่งตั้งแล้ว  หลังจากที่ถวายสัตย์ปฏิญาณแล้ว   เป็นกฎข้อบังคับของกฎหมายรัฐธรรมนูญที่ต้องแถลงนโยบายต่อรัฐสภาภายใน   15 วัน ภายหลังจากถวายสัตย์ปฏิญาณ  เพราะฉะนั้นประธานสภาผู้แทนราษฎรทำหน้าที่ประธานรัฐสภาเป็นผู้กำหนดนัดวันประชุม
"สมชาย" โยนผิดให้ "จิ๋ว"
นายสมชายกล่าวว่า  การกำหนดนัดวันที่  7  ตุลาคมนั้นเป็นการนัดของนายชัย  ในวันที่ 6 ตุลาคมกลางคืน ตนได้รับข่าวว่ามีกลุ่มบุคคลที่จะไปปิดการเข้าไปในสภา ในคืนนั้นตนเชิญ ครม.ทั้งคณะมาประชุมเป็นการเร่งด่วน ฉุกเฉินตอน 5 ทุ่ม ที่ประชุมก็ได้ให้ความเห็นกันหลากหลาย  หลายท่านก็บอกว่าเราควรย้ายที่ประชุมไปประชุมที่อื่นได้มั้ย  ซึ่งตนก็เห็นว่าถ้าทำอย่างนั้นได้ก็ดี  จะได้ไม่ต้องไปรบรากัน เราไม่ได้เจตนาจะไปรบรากับใคร  แต่ก็มีเสียงส่วนหนึ่งก็มีเหตุมีผลว่าการประชุมนั้นนัดโดยท่านประธานสภาฯ    เราไม่สามารถไปเปลี่ยนแปลงเองได้  ต้องฟังท่านประธานสภาฯ ว่าจะดำเนินการอย่างไร ถ้าประชุมไม่ได้
นายกฯ  บอกว่าในคืนนั้นเมื่อสรุปดังนั้นแล้ว  ครม.จึงได้มอบหมาย พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ  ซึ่งเป็นรองนายกฯ อยู่ในขณะนั้น ซึ่งท่านก็รับภาระจะเป็นผู้ประสานงานและดูแลในส่วนที่ไปปิดล้อมสภาอยู่  เป็นสิ่งที่เล่าให้ฟังว่าการประชุม  ครม.คืนนั้นจบลงตรงนี้  แต่เมื่อวันรุ่งขึ้นเกิดเหตุการณ์  จากที่ทราบกันแล้วตนคิดว่าสิ่งนี้หลายท่านไม่ทราบข้อเท็จจริงว่าตกลงเป็นอย่างไรกันแน่ เหตุเกิดขึ้นได้อย่างไร ใครทำอะไรใครบ้าง  ใครทำอะไรตรงไหน ใครต้องรับผิดกับใครไม่ต้องรับผิด
"ผมได้ตั้งคณะกรรมการฯ   ที่ผมเป็นผู้เซ็นตั้งโดย  ครม.นั้น ผมอยากจะกราบเรียนต่อพี่น้องประชาชนว่า   เมื่อเป็นเรื่องของกรรมการอิสระแล้ว  ท่านย่อมมีสิทธิ์ที่จะต้องดำเนินการไปตามอำนาจหน้าที่ข้อวินิจฉัยของท่าน    มีสิทธิ์ดำเนินการไป   ผลจะออกมาเป็นประการใด รัฐบาลจะยอมรับตามผลที่ออกมานั้น   ถ้ามีส่วนใดใครต้องรับผิดชอบเราต้องยอมรับไปตามนั้น  นี้คือเจตนาที่แท้จริง  ไม่มีความประสงค์ที่จะหลีกเลี่ยงใดๆ  ทั้งสิ้น  เพราะว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นไม่ใช่เป็นสิ่งที่เราอยากให้เกิดขึ้น แล้วถึงไปดูว่ามีเหตุมีผลอย่างไรก็ต้องคอยฟังกัน"
นายสมชายยังอ้างว่า รัฐบาลต้องอยู่ต่อ  เพราะมีงานใหญ่ๆ  อยู่ข้างหน้า  3  งาน  งานแรกคืองานพระราชพิธีในวันที่ 14-19 พฤศจิกายน นั้นคืองานพระราชพิธีถวายเพลิงพระศพสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ  เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ งานที่ 2 ก็คืองานเฉลิมพระชนมพรรษาฯ สุดท้ายคืองานประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน บวกกับประเทศคู่เจรจาอีก  6 ประเทศ อันนี้เป็นเรื่องสำคัญ ท่านจะอาจจะมองว่าเป็นเรื่องในอาเซียน แต่ทั่วโลกเขาจับตามอง 
"อันนี้เป็นเรื่องที่เราต้องช่วยกันเพื่อรักษาหน้าตาของเรา   และงานนี้จะมีนักท่องเที่ยวและคนเข้ามาใช้บริการ มีอะไรต่ออะไรมากมายมหาศาล  ฉะนั้นอยากให้เรามาร่วมมือกัน  เพื่อจัดงานทั้งหมดนี้ให้ลุล่วงไปได้ด้วยดี  เชิดหน้าชูตาประเทศของเรา  ดีกว่าที่เขาจะไปนินทาว่าเรามีแต่ทะเลาะกัน และไม่ได้รักษาเกียรติภูมิของชาติเอาไว้"
นายสมชายเน้นว่า   ระบอบประชาธิปไตยนั้นมีที่มาที่ไป  การมาการไปของรัฐบาลนั้นมีกำหนดกฎเกณฑ์ไว้ในรัฐธรรมนูญ   เหนือสิ่งอื่นใดคือว่า  จะไปจะมา จะต้องมองประโยชน์ของชาติและของประชาชนเป็นสำคัญ   อันนี้เป็นจุดยืนของรัฐบาลทั้ง  6 พรรค ได้ปรึกษาหารือกัน คิดว่าอันนี้เป็นแนวทางดำเนินการร่วมกัน และมาแถลงร่วมกันในวันนี้
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่กองทัพออกมากดดันให้รัฐบาลรับผิดชอบโดยการลาออก  จะมีการปิดประตูคุยกันหรือไม่   นายสมชายตอบว่า จะปิดหรือจะเปิดเป็นเรื่องที่ตนกับข้าราชการจะคุยกัน ยังไงตนก็ยังต้องร่วมทำงานกับข้าราชการ   แต่ว่าเรารับฟังความเห็นข้อเสนอแนะจากทุกฝ่ายอยู่แล้ว  แต่จะตัดสินใจอย่างไรขึ้นอยู่กับผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน   แต่งานรัฐบาลต้องทำต่อไป  ข้าราชการเองก็มีระบบระเบียบในการทำงานอยู่
เลี่ยงตอบข้อเรียกร้อง ผบ.ทบ.
ซักว่า  ผบ.ทบ.บอกว่าถ้าเป็นนายกฯ แล้วเกิดเหตุการณ์อย่างวันที่  7  ตุลาคมคงออกไปแล้ว นายสมชายตอบเพียงว่า ได้เรียนไปแล้วว่าเป็นเพียงความเห็น อย่างไรก็ตามเขายืนยันว่าจะไม่มีการเปลี่ยนตัว ผบ.ทบ.
"ไม่เข้าใจคำว่าปฏิวัติหน้าจอ   แต่ได้ตอบไปชัดเจนแล้วว่าใครมีความเห็นอย่างไรรัฐบาลพร้อมรับฟังและนำมาวิเคราะห์พิจารณา"  นายสมชายตอบคำถามถึงการออกมาให้สัมภาษณ์ของ   4   ผู้นำเหล่าทัพทางทีวีช่อง 3 ที่มองว่าเป็นการปฏิวัติรูปแบบหนึ่ง
ถามว่าวันที่   6  ตุลาคม การประชุม  ครม.ฉุกเฉินใครเป็นคนสั่งการสลายการชุมนุม นายสมชายเลี่ยงว่าได้แถลงชัดเจนแล้ว  เมื่อถามย้ำว่า  ท่านเป็นผู้สั่งเองหรือ พล.อ.ชวลิตเป็นคนสั่งการ   นายกฯ โต้ว่า "คุณอย่าถามอย่างนั้น มันไม่มีใครไปสั่ง เมื่อกี๊ก็บอกแล้ว ที่แถลงไปทั้งหมดไปจดแล้วไปอ่านทบทวนอีกครั้งนะครับ"
เมื่อถามว่า 15 วันหลังการสอบสวนคณะกรรมการฯ จะมีคำตอบจากปากนายกฯ ใช่หรือไม่ว่าจะตัดสินใจอย่างไร นายสมชายกล่าวย้ำว่า ต้องดูผลว่าใครผิดใครถูก ก็ว่ากันไป
ด้าน   พล.ต.สนั่น   กล่าวว่า นายกฯ ได้แถลงแล้วว่าได้ตั้งคณะกรรมการฯ ขึ้นมาสอบสวนแล้ว ฉะนั้นขอให้รอฟังผลของคณะกรรมการฯ  รอฟังเหตุผลของกรรมการตัดสินว่ามีใครถูกใครผิดอย่างไร  ท่านก็เรียนให้ทราบแล้วว่าจะรับผิดชอบในคำสั่งที่ตัดสิน  คาดว่า 15 วันจะรู้ผล  รอฟังกรรมการสรุปว่าเหตุที่เกิดขึ้นเป็นอย่างไร  ยืนยันว่ามติ ครม.ในคืนวันที่ 6 ตุลาคมไม่เคยให้ใช้ความรุนแรง เพียงแต่บอกว่าเราจะไปประชุมตอนเช้าให้ได้เท่านั้นเอง
การที่นายสมชายอ้างว่าจะรอผลสอบสวนของกรรมการสอบซึ่งมีกำหนดเวลา   15   วัน  หากชี้ว่าผิดก็จะแสดงความรับผิดชอบนั้น   พบว่าเรื่องนี้มีความไม่ชอบมาพากลบางอย่างเกิดขึ้น เมื่อนายปรีชา  พานิชวงศ์  ประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีการสลายการชุมนุมวันที่   7   ตุลาคมของรัฐบาล ออกมาให้ความเห็นถึงหน้าที่ตามที่ได้รับมอบหมายจากรัฐบาลว่า
"ประเด็นสอบสวนคือ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหน้ารัฐสภาว่าจริงๆ แล้วมันเกิดอะไรขึ้น และใครทำอะไรบ้าง  โดยเราไม่มีอำนาจวินิจฉัยว่าใครทำผิดหรือใครทำถูก  เพราะไม่ใช่ศาล แต่จะเอาความจริงที่ตรวจสอบมาเสนอสาธารณชนให้ทราบ" นายปรีชาระบุ
รายงานข่าวจากที่ประชุมแกนนำ   6  พรรคร่วมรัฐบาล แจ้งว่า ในการประชุมนายกฯ มีสีหน้าไม่ค่อยดีนัก   พร้อมกับย้ำต่อที่ประชุมว่าขอให้ ครม.ทำงานต่อไป รัฐบาลมี 3 ภารกิจหลัก  รวมทั้งการตั้ง ส.ส.ร.เพื่อปฏิรูปการเมือง  นอกจากนี้นายกฯ ยังได้บอกว่าได้ติดตามความเคลื่อนไหวของกองทัพบางฝ่าย   โดยสอบถามความเคลื่อนไหวจากเพื่อนร่วมรุ่น วปอ.  ซึ่งดูแล้วนายสมชายมีทีท่าไม่ไว้ใจ ผบ.ทบ. หลังจากออกรายการโทรทัศน์เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม
ทั้งนี้  นายสมชายระมัดระวังตัวมากขึ้นท่ามกลางกระแสข่าวอาจมีการปฏิวัติในวันที่  18  ตุลาคม  ซึ่งนายสมชายมีกำหนดการเดินทางลงพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานี  โดยจะไปชมการแข่งขันเรือยาวประจำปีในเวลา  09.00 น. พร้อมจะเดินทางไปเยี่ยมนายทหารที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ปะทะกันระหว่างไทย-กัมพูชา   ที่โรงพยาบาลสัมประสิทธิประสงค์  โดยไม่มี พล.อ.อนุพงษ์ติดตามไปด้วย   ทั้งนี้ นายกฯ ใช้บริการเครื่องบินพาณิชย์แทนเครื่องบินของกองทัพอากาศที่มักใช้บ่อยกว่า
ตลอดทั้งวันผู้สื่อข่าวได้พยายามโทรศัพท์ติดต่อไปยัง   ผบ.เหล่าทัพทุกคน  แต่นายทหารฝ่ายเสนาธิการประจำตัว   ผบ.เหล่าทัพได้บอกว่า ขณะนี้ติดประชุมไม่สามารถรับได้ หากผู้สื่อข่าวมีอะไรก็ให้ฝากโน้ตเอาไว้ 
สำหรับ  พล.อ.อนุพงษ์นั้นทราบว่าเดินทางไปทอดกฐินที่ จ.สุพรรณบุรี โดยมีคนกลุ่มหนึ่งติดตามไปโดยไม่ทราบวัตถุประสงค์ แต่ก็มีการคาดการณ์ว่าคนที่ติดตาม พล.อ.อนุพงษ์อาจจะคิดปองร้ายหลังจากที่ไปออกทีวีช่อง 3 เพื่อประกาศให้รัฐบาลลาออก
"ทักษิณ" สั่งสู้
ขณะที่แหล่งข่าวด้านความมั่นคงเผยว่า  การที่นายสมชายไม่ยอมประกาศลาอออก เพราะคืนวันที่  16  ตุลาคม  หลังจากที่นายสมบัติ อมรวิวัฒน์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.การต่างประเทศ และนายยงยุทธ ติยะไพรัช อดีตประธานสภาผู้แทนราษฎร เข้าหารือที่บ้านพักแจ้งวัฒนะ โดยในระหว่างนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ  ชินวัตร  อดีตนายกรัฐมนตรี ได้โทรศัพท์มาหานายสมชาย  และบอกว่าให้สู้ต่อ อย่าเพิ่งลาออก เพราะถึงอย่างไรการลาออกก็ไม่ใช่ทางออกในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้นอย่างหนักในเวลา
"พ.ต.ท.ทักษิณต้องการให้ท่านสมชายอยู่ในตำแหน่งต่อไป เนื่องจากเห็นว่าการลาออกไม่ได้เป็นหนทางในการแก้ไขปัญหา   เพราะหากลาออกแล้วจะเข้าทางกลุ่มพันธมิตรฯ เพราะการลาออกหรือยุบสภาไม่ได้เป็นตัวบ่งบอกว่ากลุ่มพันธมิตรฯ   จะหยุดการเคลื่อนไหว  ดังนั้นขอให้อยู่ทำงานต่อไปก่อน อีกทั้งขณะนี้การลี้ภัยที่ประเทศอังกฤษก็ยังไม่สมบูรณ์ จึงยื้อเวลาออกไปอีกระยะหนึ่งก่อน"
แหล่งข่าวยังบอกด้วยว่า   ตอนนี้พรรคพลังประชาชนและแกนนำคนสำคัญของพรรคได้พยายามหาวิธีเพื่อตลบหลัง   ผบ.เหล่าทัพ โดยมีแนวคิดที่จะมีการปลด ผบ.เหล่าทัพออกจากตำแหน่ง และพยายามหาคนของตัวเองเข้าไปอยู่ในตำแหน่งแทน  โดยเฉพาะตำแหน่ง ผบ.ทบ. ที่ตลอดทั้งวันมีกระแสข่าวว่านายสมชายได้มีการเซ็นลงนามในคำสั่งให้  พล.อ.อนุพงษ์มาช่วยราชการที่สำนักนายกรัฐมนตรี และมีการผลักดันให้เพื่อนร่วมรุ่น  ตท.10 พล.อ.พรชัย กรานเลิศ อดีตผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบกที่ได้รับการผลักดันจาก พ.ต.ท.ทักษิณมาหลายครั้ง
แหล่งข่าวเผยว่า วิธีการดังกล่าวถูกยกเลิกกะทันหัน  เนื่องจากเกรงว่าจะเกิดปัญหารุนแรง  โดยเฉพาะขุมกำลังของ  พล.อ.อนุพงษ์  ที่ได้จัดวางไว้เรียบร้อยหมดแล้ว  โดยเฉพาะขุมกำลังที่อยู่ในพื้นที่ กทม. อีกทั้งขณะนี้ พล.อ.อนุพงษ์ได้มีคำสั่งให้หน่วยขึ้นตรงของกองทัพบก   และเหล่าทัพอื่นๆ เตรียมความพร้อม  100 เปอร์เซ็นต์ ตลอด 24 ชั่วโมง ภายหลังเกิดเหตุการณ์ทหารไทยปะทะทหารกัมพูชาบริเวณแนวชายแดน รวมถึงสถานการณ์ทางการเมืองที่อาจจะเกิดความรุนแรงขึ้นในวันที่  20 ตุลาคมนี้ ที่กลุ่ม นปช.ระบุว่าจะมีการชุมนุมใหญ่ ซึ่งอาจทำให้เกิดเหตุการณ์รุนแรงขึ้นได้
ทั้งนี้ มีรายงานข่าวว่า  วันที่  18 ตุลาคมนี้ พล.อ.อนุพงษ์และ ผบ.เหล่าทัพจะเดินทางไปร่วมงานทอดกฐินที่ จ.บุรีรัมย์   ซึ่งคาดว่าน่าจะมีการคุยนอกรอบระหว่าง ผบ.เหล่าทัพ   เพื่อหารือสถานการณ์การเมือง ภายหลังที่นายสมชายประกาศจะไม่ลาออกและไม่ยุบสภาตามที่ พล.อ.อนุพงษ์ได้เสนอแนะไปก่อนหน้านี้
แหล่งข่าวใกล้ชิดนายทหารระดับสูงเผยว่า  ขณะนี้ทางกองทัพได้เตรียมความพร้อมในการแก้ไขปัญหาบ้านเมืองไว้แล้ว  เนื่องจากเหตุการณ์การสลายการชุมนุมที่หน้ารัฐสภา เมื่อวันที่  7 ตุลาคม จนเป็นเหตุทำให้มีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ  ซึ่งทางกองทัพไม่เห็นด้วยกับวิธีการดังกล่าว  และเกรงว่ารัฐบาลจะใช้วิธีการเช่นเดิมในการสลายผู้ชุมนุมอีกครั้ง   ทางกองทัพจึงได้มีการหารือกันในทางลับ 
หากมีเหตุปะทะกันในลักษณะดังกล่าวอีก   ทางกองทัพคงจะต้องเข้ามาระงับเหตุ  โดยภายใต้ชื่อคณะต่อต้านการใช้อำนาจของรัฐโดยมิชอบ ซึ่งมี พล.อ.ทรงกิตติ จักกาบาตร์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เป็นหัวหน้าคณะ   โดยจะไม่เรียกว่าเป็นการปฏิวัติ  เนื่องจากไม่ต้องการให้มีการปฏิวัติในระยะเวลาที่ใกล้เคียงกัน
นอกจากนี้รายงานข่าวแจ้งว่า   หลังจากที่คณะต่อต้านการใช้อำนาจรัฐปฏิบัติการเสร็จสิ้น ได้มีการวางตัวนายกรัฐมนตรีคือ พล.อ.อนุพงษ์   และหากให้เป็นนายกฯ ที่มาจากพลเรือน  ได้มีการวางตัวนายอานันท์ ปันยารชุน อดีตนายกรัฐมนตรีเอาไว้
ทั้งนี้ หลังจาก พล.อ.อนุพงษ์นำผู้นำกองทัพแสดงจุดยืนของกองทัพผ่านทางโทรทัศน์   จี้รัฐบาลแสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออกหรือยุบสภานั้น   ทางรัฐบาลได้มีการติดต่อภายในไปยังคนใกล้ชิดนายทหาร  โดยรัฐบาลได้เตรียมไว้ 3 แผน 1.เจรจาขอให้เหล่าทัพสงบ 2.หากแผน 1 ทำไม่สำเร็จ รัฐบาลจะสร้างกระแสต่อต้านการปฏิวัติเยื้อเวลาไปเรื่อยๆ  เพื่อจัดสรรงบประมาณต่างๆ  และแผนที่ 3 ยุบสภาและลาออก   เป็นทางสุดท้ายหลังการสอบสวนของคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเหตุการณ์ความรุนแรง 7 ตุลาคม
"สุวิทย์" จี้ "สมชาย" ลาออก
เสียงเรียกร้องให้นายสมชายแสดงความรับผิดชอบขยายวงกว้าง   แม้ในพรรคร่วมรัฐบาลเอง นายสุวิทย์  คุณกิตติ  หัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน กล่าวว่า นายสมชายต้องแสดงความรับผิดชอบโดยการลาออก    โดยไม่ต้องรอผลสอบของคณะกรรมการ   เพราะคณะรัฐมนตรีสามารถลงมติแต่งตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงได้เอง รวมทั้งจะทำให้คณะกรรมการทำงานและตัดสินใจได้ง่ายขึ้น
ที่พรรคประชาธิปัตย์   นายอภิสิทธิ์  เวชชาชีวะ  หัวหน้าพรรค กล่าวว่า การแสดงความรับผิดชอบทางการเมืองเป็นเรื่องที่จำเป็น   และที่บ้านเมืองมีความขัดแย้งกันสูงในทางการเมือง  และมีการประท้วงลุกลามบานปลาย   เพราะว่าเราไม่แสดงความรับผิดชอบทางการเมือง  ไปเข้าใจผิดว่าการได้รับการเลือกตั้งเข้ามา  4  ปี หมายถึงจะทำอะไรก็ได้  ซึ่งไม่มีที่ไหนในโลกที่เป็นประชาธิปไตยแล้วใช้หลักการนี้   ดังนั้น  สิ่งที่มีการเรียกร้องในการรับผิดชอบคิดว่าเป็นเสียงสะท้อนที่ไม่ต่างจากหลายๆ  ฝ่ายที่เรียกร้องมา
หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ยืนยันว่า การยุบสภาน่าจะเป็นทางออกที่เหมาะสมกว่าสำหรับบ้านเมือง เหตุผลเพราะว่าหากมีการลาออกก็มีอยู่  3 ทาง คือ 1.รัฐบาลเดิม แต่หาคนใหม่มาเป็นนายกฯ ถ้าเหมือนกับการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลนายสมัคร  สุนทรเวช มาเป็นนายสมชาย ไม่คิดว่าจะสร้างความเชื่อมั่นอะไรให้กับประชาชนได้เลย  2.มีการเปลี่ยนขั้ว สมมติว่าเกิดขึ้นจริง และหากเปลี่ยนขั้วพรรคประชาธิปัตย์ก็ได้ประโยชน์เป็นรัฐบาลแน่นอน 
"ผมก็มองว่าแรงต่อต้านในสังคมและความขัดแย้งยังมีอยู่    เพราะต้องยอมรับว่ามีผู้สนับสนุนรัฐบาลจำนวนไม่น้อยที่มองว่าหากมีการเปลี่ยนแปลงในลักษณะที่เปลี่ยนขั้วอย่างนี้ก็เหมือนกับเป็นการจำนน แต่แรงกดดันที่เกิดขึ้นจากคนกลุ่มหนึ่ง  สุดท้ายผมยังเชื่อว่าความขัดแย้งก็ยังดำรงอยู่"
สำหรับข้อ  3  นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า  คือ  การมีรัฐบาลแห่งชาติ รัฐบาลพิเศษ ซึ่งเราเคยเสนอเรื่องนี้มาแล้วในช่วงที่นายสมัครพ้นจากตำแหน่ง   แต่ข้อเท็จจริงพรรคการเมืองต่างๆ   โดยเฉพาะพรรคร่วมรัฐบาลไม่พร้อมและไม่ยอมรับความจริง เพราะว่าจะกระทบสัดส่วนตำแหน่งต่างๆ
ถามว่า หากพรรคร่วมรัฐบาลถอนตัว  แล้วมาจับขั้วกับพรรคประชาธิปัตย์จะรับหรือไม่  นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า  ต้องมาประเมินกันว่าความยอมรับและการทำให้บ้านเมืองเดินไปข้างหน้าได้จริงๆ  เป็นไปได้มากน้อยแค่ไหน  
นายสาทิตย์   วงศ์หนองเตย  ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคฝ่ายค้าน  (วิปฝ่ายค้าน) กล่าวถึงการตั้ง ส.ส.ร.3  ว่าแนวทาง ส.ส.ร.3  ได้ถูกเปลี่ยนแปลงกลายเป็นเครื่องมือในการทำให้รัฐบาลอยู่ในอำนาจต่อไปได้  จะเห็นได้ชัดว่าล่าสุด นายชัย ชิดชอบ  ประธานรัฐสภา ได้มีแถลงการณ์ออกมา แต่แถลงการณ์ดังกล่าวของนายชัยนั้นไม่ได้แสดงความรับผิดชอบต่อการบาดเจ็บล้มตายของประชาชนที่ชุมนุม  ทั้งที่ประธานสภาฯ มีส่วนรับผิดชอบอย่างเต็มที่
พันธมิตรฯ ซัดอยู่เพื่อพี่เมีย
ขณะที่แกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ   โดยนายสมศักดิ์   โกศัยสุข   แกนนำพันธมิตรฯ   ให้สัมภาษณ์ว่า  นายสมชายคงจะทำงานเพื่อพี่ภรรยา ไม่ใช่เพื่อประเทศชาติ โดยพยายามให้ตัวเองอยู่เหนืออำนาจให้ได้นานที่สุด  คงไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะพรรคร่วมรัฐบาลเองก็ต้องการอยู่ในอำนาจเช่นกัน  ถือเป็นการแสดงให้เห็นว่ารัฐบาลไม่ได้บริหารบ้านเมืองเพื่อประเทศชาติ
"วันนี้ถือเป็นการประจักษ์ชัดเจนแล้วว่านายสมชายหมดความชอบธรรม   และสิ่งที่นายสมชายทำไปถือเป็นการช่วยเหลือพี่เมีย   เชื่อพี่เมีย  อาจจะตายเพราะเมีย และอาจจะติดคุกตลอดชีวิตเพราะเมียก็ได้   เพราะนายสมชายมีความเชื่อมั่นและศรัทธาในตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ฉะนั้นก็ขอให้ทำต่อไป และเราก็จะทำหน้าที่ของเราต่อไปเช่นกัน" นายสมศักดิ์กล่าว
ที่นายสมชายอ้างว่าจะต้องอยู่เพื่อทำงานต่อไป เพราะมีภารกิจสำคัญที่จะต้องปฏิบัติ   อาทิ   พระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ  และการประชุมอาเซียนซัมมิตนั้น  นายสมศักดิ์กล่าวว่า เมื่อรัฐบาลหมดความชอบธรรมก็ไม่สมควรจะต้องจัดงานที่เป็นสิริมงคล ควรให้รัฐบาลที่มีความจงรักภักดีเข้ามาทำจะดีกว่า
นายพิภพ  ธงไชย แกนนำพันธมิตรฯ กล่าวว่า ผู้นำเหล่าทัพน่าจะมีกระบวนการที่คิดไว้อยู่แล้ว ไม่กล้าก้าวล่วง แต่ก็ถือว่ากองทัพกล้าหาญ เป็นการกระทำที่น่ายกย่อง และขอเรียกร้องให้ข้าราชการระดับสูง  อาทิ  ปลัดกระทรวง  อธิบดี ให้ออกมาแสดงความกล้าหาญ  เพื่อให้การกระทำของ ผบ.เหล่าทัพ และ ผบ.ตร.มีน้ำหนักมากยิ่งขึ้น  นอกจากนี้ถ้าสังคมในทุกภาคส่วนแสดงความกล้าหาญด้วย รัฐบาลคงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องลาออก
เมื่อถามว่า พันธมิตรฯ เห็นด้วยกับการปฏิวัติรัฐประหารหรือไม่  นายพิภพกล่าวว่า ถ้าเป็นการปฏิวัติในแบบเดิมคงไม่เห็นด้วย แต่ถ้าเป็นการปฏิวัติสังคมเพื่อเปลี่ยนแปลงสังคมให้หลุดพ้นจากวิกฤติก็น่าจะเป็นเรื่องที่ดี
นายสุริยะใส   กตะศิลา  ผู้ประสานงานพันธมิตรฯ กล่าวว่า  สถานการณ์ในตอนนี้ถือว่าเป็นสถานการณ์   3   วันอันตราย โดยจะเป็นการลองเชิงระหว่าง ผบ.ทบ.กับนายกฯ โดยนายกฯ  มีสิทธิ์ที่จะปลด  ผบ.ทบ.ได้ และ  ผบ.ทบ.ก็มีสิทธิ์ที่จะปลดนายกฯ ได้เช่นกัน ซึ่งจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทุกนาที โดยเฉพาะโค้งสุดท้ายที่ศาลฎีกาจะมีการพิพากษาคดีที่ดินรัชดาฯ ของ พ.ต.ท.ทักษิณ
นายสุรชัย   ศิริไกร  อาจารย์คณะรัฐศาสตร์  ภาคความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ  มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์  กล่าวว่า แม้ว่าวันนี้นายสมชายจะยังไม่ลาออก แต่เชื่อว่าอีกไม่นานจะต้องลาออกแน่  พล.อ.อนุพงษ์คงจะไม่ปล่อยให้อยู่ไปอีก  8  เดือน เพื่อตั้ง ส.ส.ร.3  เสร็จก่อน  เชื่อว่า  พล.อ.อนุพงษ์คงมีมาตรการกดดันตามมาแน่นอน  แต่หากรัฐบาลนี้ยังดึงดันจะอยู่ต่อไป  มีความเป็นไปได้ว่าจะมีการยึดอำนาจแน่นอน
ที่รัฐสภา  กลุ่ม 40 ส.ว. และคณะกรรมาธิการ 3 คณะ ประกอบด้วยคณะกรรมาธิการสาธารณสุข คณะกรรมาธิการสิ่งแวดล้อม   และคณะกรรมาธิการการศึกษาตรวจสอบเรื่องการทุจริตและเสริมสร้างธรรมาภิบาล ได้มีการประชุมร่วมกัน โดยเรียกร้องให้นายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา ซึ่งเป็นตัวแทนวุฒิสภาไปประชุมร่วม 4 ฝ่าย เพื่อหารือแนวทางตั้ง ส.ส.ร.3 ถอนตัว เนื่องจากไม่เคยมีการเรียกประชุม ส.ว.เพื่อขอมติให้นายประสพสุขไปเป็นตัวแทนของวุฒิสภา.



ThaiPost.net : หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ อิสรภาพแห่งความคิด 


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์