ดร.โสภณ โต้ บิ๊กตู่ ประเทศไทยกำลังทรุดหนัก

ดร.โสภณ โต้ บิ๊กตู่ ประเทศไทยกำลังทรุดหนัก

ดร.โสภณ โต้ บิ๊กตู่ ประเทศไทยกำลังทรุดหนัก ไม่ได้ทะยานเช่นที่ท่านนายกฯ เข้าใจ

บทความโดย ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธานกรรมการบริหาร ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย


ตามที่ท่าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เข้าใจว่าชาติอื่นถดถอย เปรียบไทยเสือรอทะยานสู่อนาคตนั้น อาจเป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน แต่ไทยควรปราบการทุจริตดังที่ท่านนายกฯ แนะนำ รวมทั้งการส่งเสริมการลงทุนจากต่างประเทศแทนนโยบาย "อัฐยายซื้อขนมยาย"


ผมได้ติดตามข่าวที่ท่านนายกรัฐมนตรีกล่าวข้างต้น ซึ่งคงเป็นความเข้าใจผิด จึงขออนุญาตเสนอข้อมูลที่แท้จริงจากเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติดังนี้:


ดร.โสภณ โต้ บิ๊กตู่ ประเทศไทยกำลังทรุดหนัก

ตามการคาดการณ์ของธนาคารโลก (http://data.worldbank.org/country) คาดว่าเศรษฐกิจของประเทศไทยในปี 2557 จะเติบโตประมาณ 2.5% และคาดว่าจะเติบโตเป็น 4.5% ในปี 2558 และ 2559  อย่างไรก็ตามโดยที่คาดว่าเศรษฐกิจของไทยจะเติบโตต่ำกว่า 2.5% ตามที่ธนาคารโลกคาดการณ์ คือเหลือเพียง 1-1.5% จึงอาจทำให้การคาดการณ์ในปี 2558 และ 2559 อาจจะต่ำกว่า 4.5% ตามการคาดการณ์ของธนาคารโลกลงไปอีก


ยิ่งเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศอื่นๆ ในอาเซียน ปรากฏว่าทุกประเทศเติบโตมากกว่าประเทศไทยทั้งสิ้น
 
ยกเว้นสิงคโปร์และบรูไนที่เจริญกว่าไทย 6 เท่าและธนาคารโลกไม่มีข้อมูลเปรียบเทียบให้  อย่างประเทศที่เติบโตช้าที่สุดคือมาเลเซีย ก็เติบโตสูงถึง 4.9% และ 5% ในช่วงปี 2557-2559 นอกนั้นล้วนเติบโตในอัตราที่สูงกว่าไทยอย่างชัดเจนทั้งสิ้น  ผลของความไม่ปกติทางการเมืองในประเทศไทยปัจจุบัน คงส่งผลให้เศรษฐกิจชะงักงันไป  ดังนั้นความจริงจึงกลายเป็นว่าประเทศเพื่อนบ้านต่างทะยานไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว เพียงแต่ยังไม่แซงไทยเท่านั้น ยกเว้น สิงคโปร์ บรูไน และมาเลเซีย

ข้อคิดสำคัญประการหนึ่งก็คือ การที่ท่านนายกรัฐมนตรีมีข้อมูลคลาดเคลื่อน อาจจำเป็นต้องทบทวนทีมเศรษฐกิจใหม่ เพื่อให้ได้ข้อมูลที่สอดคล้องกับความเป็นจริงกว่านี้ 


และอีกประการหนึ่ง นโยบายของท่านนายกรัฐมนตรีที่ต้องการปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบนั้น เป็นสิ่งที่จำเป็นเป็นอย่างยิ่ง  ประเทศอินโดนีเซียที่เคยล้าหลังกว่าไทย ก็มีคะแนนองค์กรปราบปรามการทุจริตสูงสุด  และปราบปรามการทุจริตอย่างได้ผล  โดยไม่มีการที่ข้าราชการการเมืองในรัฐบาลไปร่วมประมูลงาน ไม่มีข้อครหาการจัดซื้อแพง หรือการทุจริตอื่นซึ่งแม้ขณะนี้ไม่มีนักการเมืองตามระบอบพรรคการเมืองแล้ว แต่ก็ยังมีการทุจริตเป็นอย่างมาก  หากยังมีปรากฏการณ์ตบเท้าอวยพร รดน้ำดำหัวผู้หลักผู้ใหญ่ในวงราชการโอกาสต่าง ๆ ในระดับต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง การทุจริตย่อมไม่อาจแก้ไขได้


ยิ่งกว่านั้น สิ่งที่รัฐบาลควรพิจารณาก็คือการส่งเสริมการลงทุนจากต่างประเทศ มากกว่าการมุ่งเน้นการบริโภคภายในประเทศในทำนอง "อัฐยาย ซื้อขนมยาย"
 
ซึ่งไม่ก่อให้เกิดการผลิตและการพัฒนาประเทศโดยรวม  หากมีการเข้ามาลงทุนในประเทศไทยในด้านต่าง ๆ มากขึ้น ก็จะทำให้เศรษฐกิจไทยได้รับการอัดฉีดและเติบโตมากขึ้น  โดยโครงการที่พึงพิจารณาก็คือการพัฒนาสาธารณูปโภคและโครสร้างพื้นฐาน เช่น ถนนสัมปทาน รถไฟฟ้าสัมปทาน นิคมอุตสาหกรรมนานาชาติ เป็นต้น


เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์