ดร.ปุ อัด ตร.! พวกศาลเตี้ย บ่มไฟใต้จนสุกงอม

โดย ผู้จัดการออนไลน์ 21 ธันวาคม 2549 17:03 น.

กมธ.ยุติธรรมฯ แนะตำรวจต้องยึดหลัก นิติธรรม อดทนดับไฟใต้ จี้เลิกทำตัวเป็นศาลเตี้ย เพราะภาพพจน์ตำรวจกับการละเมิดสิทธิมนุษยชน แยกกันไม่ออก ชี้ ปัญหาไฟใต้อยู่ที่เงื่อนเวลา หลังเชื้อร้ายถูกบ่มเพาะมาช้านาน

วันนี้ (21 ธ.ค.) ร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ ประธานคณะกรรมาธิการการยุติธรรม การตำรวจและสิทธิมนุษยชน สนช. แถลงภายหลังการประชุมร่วมกับตัวแทนสำนักงานตำรวจแห่งชาติหรือ สตช.มาให้ข้อมูลเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่ง สตช.ได้ส่ง พล.ต.ท.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจภูธร ภาค 9 มาชี้แจง โดย พล.ต.ท.อดุลย์ ชี้แจงปัญหาของตำรวจใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ว่าขาดแคลนวัสดุ อุปกรณ์ น้ำมันเชื้อเพลิง ยานพาหนะ ค่าเบี้ยเลี้ยง และอัตรากำลัง ทางกรรมาธิการฯ ได้ขอให้ สตช.สำรวจดูว่างบประมาณปี 2550 ได้รับอะไรบ้าง ขาดอะไรบ้าง ต่อไปในปี 2551 และปี 2552 กรรมาธิการฯ จะช่วยผลักดันให้ได้รับอาวุธยุทโธปกรณ์มากขึ้น นอกจากนี้ กรรมาธิการฯ เน้นด้านข่าวกรองที่วันนี้ยังต้องปรับปรุงอีกพอสมควร ไม่ว่าจะเป็นข่าวจากหน่วยงานใด ต้องมีการบูรณาการเข้าด้วยกันจากหลายหน่วยงาน

ทุกหน่วยต้องคิดว่าเป็นงานของประเทศ ทุกฝ่ายต้องช่วยกัน ไม่เฉพาะทหาร ตำรวจ แต่ประชาชนทั้ง 63 ล้านคนต้องช่วยกัน ส่วนกรรมาธิการฯ พร้อมที่จะสนับสนุนด้วยการทำเรื่องของบกลาง จากรัฐบาล หรือของบประมาณในปี 2551 เพื่อขวัญ กำลังใจให้กับเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ หัวใจของปัญหาภาคใต้คือเงื่อนเวลา เพราะบางเรื่องใช้เวลาบ่มเพาะปัญหามานาน ต้องให้เวลา ให้กำลังใจคนที่อยู่ในพื้นที่เป็นคนเสียสละ กรรมาธิการฯ เข้าใจดี อยากให้สื่อช่วยกันให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ และลดละการให้กำลังใจโจร หันมาให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ให้มากขึ้น ร.ต.อ.ปุระชัย กล่าว

ขณะนี้กำลังต้องการมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการหาหลักฐานจากการวางระเบิด การก่อการร้าย เพราะเป็นการเริ่มต้นขบวนการโจรก่อการร้ายในเมือง แต่การหาพยานบุคคลเป็นเรื่องยาก เพราะพยานตกอยู่ในความหวาดกลัว ดังนั้น พยานวัตถุและพยานเอกสารจึงมีความสำคัญยิ่งกว่าพยานบุคคล ซึ่งรัฐบาลต้องลงทุนในจุดนั้น แต่ยอมรับว่าเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลาในการสร้างผู้เชี่ยวชาญ

ขณะนี้ผู้เชี่ยวชาญยังมีน้อย และใช้เวลาในการผลิตยาวนาน พยานวัตถุเป็นที่ยอมรับในระดับสากล เปลี่ยนแปลงไม่ได้ ต่างกับพยานบุคคลที่เปลี่ยนใจได้ ขณะนี้แก้ปัญหาเฉพาะหน้าด้วยการระดมจากหน่วยที่มีหน้าที่เข้าไปช่วย แต่ระยะยาวต้องสร้างบุคลากรขึ้นมารองรับให้เพียงพอ ประธานคณะกรรมาธิการฯ กล่าว

เพราะเราอยู่ในประเทศที่เป็นนิติรัฐอยู่ภายใต้ระบอบนิติธรรม ซึ่งระบบนี้เป็นหัวใจของประเทศที่เป็นเสรีประชาธิปไตยทั้งหลาย ดังนั้น การกระทำที่ไม่ถูกต้องทั้งหลาย ผลร้ายไม่ได้เกิดเฉพาะเหยื่อแต่ตกกับผู้กระทำที่ต้องตกเป็นผู้ต้องหาและผลร้ายจะเกิดกับประเทศชาติด้วย ต้องเน้นพยานหลักฐาน อย่าใช้อำนาจเถื่อนหรือศาลเตี้ย ซึ่งเกิดผลร้ายในระยะยาว การเดินตามหลักนิติธรรม ถึงแม้จะช้าแต่ต้องอดทน

และทำอย่างไรที่จะให้ตำรวจตระหนักให้มาก หน้าที่ของตำรวจคือ ป้องกันและปราบปราม ตำรวจไม่ใช่เพชฌฆาต หน้าที่เพชฌฆาต เป็นหน้าที่ของราชทัณฑ์ แต่ราชทัณฑ์กว่าจะเป็นเพชฌฆาตได้ต้องผ่าน 3 ศาล และต้องทูลเกล้าฯ ถวายฎีกาด้วย เมื่อโปรดเกล้าฯ ลงมาแล้วราชทัณฑ์จึงสามารถเอานักโทษไปประหารได้ ใครจะไปทำอะไรในลักษณะละเมิดไม่ได้ เพราะมีกฎเกณฑ์กติกาที่ต้องเคารพ ประธานคณะกรรมาธิการฯ กล่าว