ณัฐวุฒิ อ้าง มีชัย อาจอยู่เบื้องหลังแนวคิดรัฏฐาธิปัตย์ของ สุเทพ

 

นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รักษาการรมช.พาณิชย์ และเลขาธิการ นปช.กล่าวว่าแนวคิดรัฏฐาธิปัตย์โดยนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส.

คือการปล้นอำนาจอธิปไตยฉีกรัฐธรรมนูญ แล้วสถาปนาตนเองขึ้นเป็นผู้มีอำนาจสูงสุดในรัฐ แต่พรรคประชาธิปัตย์และมวลชน กปปส. กลับมั่นใจและตะแบงว่ารัฏฐาธิปัตย์โดยสุเทพ นั้นไม่ขัดรัฐธรรมนูญ ให้เดินหน้าต่อไป ให้สุเทพตั้งนายกรัฐมนตรีแล้วก็กลับบ้าน

"ถ้าในหัวคนไทยมีแต่นกหวีด ไม่มีเนื้อสมอง ก็จะเชื่อที่นายสุเทพพูด แต่เผอิญหัวคนไทยส่วนใหญ่มีเนื้อที่สมองและเต็มไปด้วยรอยหยักที่เกิดขึ้นจากการเรียนรู้ประชาธิปไตยในตลอด 7-8 ปีที่ผ่านมา แต่ถ้าจะหาความหมายใหม่ของคำว่ารัฏฐาธิปัตย์ ก็คงจะมีความเดียว นั่นคือ รัฏฐาธิปัตย์ น่าจะเป็นการรัฐประหารโดยประชาธิปัตย์มากกว่า เพราะนายสุเทพเป็นเลขาฯ พรรคประชาธิปัตย์ มีทั้งบารมีและอิทธิพลอยู่ในสถานะที่จะกุมความคิดของคนในพรรคได้ แม้แต่หัวหน้าพรรคอย่างนายอภิสิทธิ์ก็หามีบารมีเทียบเคียงได้ไม่ ซึ่งความสัมพันธ์ทั้งสองก็เห็นต่างฝ่ายต่างเป็นเครื่องมือของกันและกัน" นายณัฐวุฒิกล่าว

ณัฐวุฒิ อ้าง มีชัย อาจอยู่เบื้องหลังแนวคิดรัฏฐาธิปัตย์ของ สุเทพ

นายณัฐวุฒิกล่าวว่า ถ้านายสุเทพที่เหิมเกริม ตั้งตนเป็นองค์รัฏฐาธิปัตย์และทำการได้สำเร็จ ประเทศจะเกิดรัฐประหาร
 
และการรัฐประหารในครั้งนี้จะพิเศษกว่าครั้งใดๆ เพราะจะเป็นการรัฐประหารโดยพรรคการเมืองที่มีอายุเก่าแก่ที่สุดในประเทศไทย แม้จะกล่าวอ้างว่าไม่เกี่ยวข้องและนายสุเทพจะลาออกจากพรรคประชาธิปัตย์แล้ว แต่คนที่เหลือยังมีส่วนเกี่ยวข้องกันอยู่ ถ้าสุเทพเป็นคนตั้งนายกรัฐมนตรี ก็เท่ากับประชาธิปัตย์เป็นคนตั้งนายกฯ เถื่อน คณะรัฐมนตรีเถื่อน และสภาเถื่อน ซึ่งเป็นวิธีการทางการเมืองที่อัปยศที่สุดในประวัติศาสตร์การเมืองไทย ตั้งแต่ปี 2475 ว่าพรรคการเมืองหนึ่งที่แพ้การเลือกตั้งติดต่อกัน 20 กว่าปี กระทำการสมคบคิดกับอำนาจนอกระบบยึดอำนาจไว้เป็นของตัวเอง

นายณัฐวุฒิยังฝากคำถามไปถึงพรรคประชาธิปัตย์ว่าการที่สุเทพ เทือกสุบรรณ ประกาศตนเป็นรัฏฐาธิปัตย์นั้น พรรคประชาธิปัตย์เห็นด้วยหรือไม่

ถ้าบอกว่ายึดมั่นในระบบรัฐสภา มีจุดยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตยเมื่อมีการประกาศฉีกรัฐธรรมนูญล่วงหน้ามาจับตาดูว่าพรรคประชาธิปัตย์จะมีท่าทีอย่างไรและถ้าทำได้ขอให้พรรคประชาธิปัตย์ยุติบทบาททางการเมือง และเปลี่ยนชื่อพรรคจากประชาธิปัตย์เป็นรัฏฐาธิปัตย์เสียตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

นายณัฐวุฒิกล่าวต่อว่าให้คนเสื้อแดงจับตามองตัวเต็งที่จะมานั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีทั้ง 3 คน คือ นายพลากร สุวรรณรัฐ พล.อ.ประวิทย์ วงษ์สุวรรณ และนายอานันท์ ปันยารชุน เท่านั้น และอีกคนหนึ่งระวังจะมีคนแบกม้าไปยัดให้ ก็คือพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
   
เลขาธิการนปช.กล่าวว่า ประวัติศาสตร์ในประเทศไทย มีตัวละครอยู่ครบถ้วน หากย้อนไปในอดีตการยึดอำนาจ 2 ครั้งล่าสุด คือ 19 กันยายน ปี 2549
 
และยึดอำนาจ รสช. ปี 2534 บทบาทการเคลื่อนไหวของคนบางกลุ่มเวลานี้ แสงสปอตไลท์ทางการเมืองต้องส่งไปยังคนๆ หนึ่ง เพื่อให้ประชาชนจับตาความเคลื่อนไหวของคนๆ นี้อย่างใกล้ชิด คือผู้เชี่ยวชาญด้านกฏหมายคนสำคัญ และมักมีบทบาทความสำคัญในช่วงที่เกิดรัฐประหาร นั่นก็คือ นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ซึ่งย้อนไปในประวัติศาสตร์ นายมีชัยมีบทบาทสำคัญในการวางเกมด้านกฏหมาย เพื่อใช้อำนาจจากคณะรัฐประหารในการวางระบบให้กับฝ่ายเผด็จการ เพื่อที่จะใช้อำนาจที่ปล้นจากประชาชนให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่พวกผองตนเอง ในการรัฐประหาร 19 กันยา นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ก็มีความสำคัญในการก่อรัฐประหาร
   
นายณัฐวุฒิระบุว่า ตลอดการชุมนุมเคลื่อนไหวของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ตั้งแต่วันที่ 31 ตุลาคม 2556
 
นายมีชัย มีบทบาทความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจ เช่น เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2556 ได้เสนอให้รัฐบาลยุติร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรม 26 พฤศจิกายน 2556 ได้ตอบคำถามในเว็บไซต์มีชัยไทยแลนด์ บอกว่าถ้าไม่รับอำนาจศาลนนั่นคือกลียุค วันที่ 28 มกราคม 2527 เขียนจดหมายเปิดผนึกถึงนายสุเทพ เทือกสุบรรณ โดยสนุบสนุนแนวทางการปฎิรูปประเทศ และวันที่ 30 มกราคม 2557 นายมีชัยเขียนบทความแสดงความมั่นใจว่าการเลือกตั้ง 2 กุมภาพันธ์จะโมฆะแน่ และชี้ว่าในที่สุดก็ตัองถึงภาวะสุญญากาศทางการเมือง 
   
ปฏิบัติหน้าที่รมช.พาณิชย์ กล่าวอีกว่า ในการเคลื่อนไหวทางด้านกฏหมายของ กปปส.จะมีภูมิความรู้ทางด้านกฎหมายจากนายมีชัย คอยให้คำแนะนำ ควบคุมกฏเกณฑ์
 
วางยุทธศาสตร์ เพื่อชี้ช่องทางกฎหมายให้นายสุเทพได้อ้างบนเวที เอามาอธิบายว่าคือหลักการที่ถูกต้องในการใช้ต่อสู้กับรัฐบาล และยังมีการเคลื่อนไหวในการพบปะพูดคุยกับบุคคลอีกหลายคน สะท้อนแนวคิดที่พร้อมเข้ามาทำงานสำคัญ
    
"หากนายสุเทพ เทือกสุบรรณ กปปส.ยึดอำนาจ และหากสิ่งที่ณัฐวุฒิพูดไม่ใช่ความจริง ไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆ ก็ขอให้ปฎิเสธให้ชัดถ้อยชัดคำ แต่หากว่ามันเป็นเรื่องจริง มีความเกี่ยวข้อง ณัฐวุฒิไม่มีสิทธิ์ที่จะตัดสินทำอะไร เพราะต้องขึ้นอยู่กับกระบวนการยุติธรรม และประชาชน ซึ่งไม่ใช่เป็นการกล่าวหา ใส่ร้าย และถ้าหากให้นายสุเทพเดินทางไปถึงรัฐฐาธิปัตย์ วันนั้นนายสุเทพจะใช้อำนาจนั้นปราบปรามประชาชนผู้ต่อต้าน คนจะบาดเจ็บล้มตายมหาศาล" นายณัฐวุฒิกล่าว

นายณัฐวุฒิกล่าวต่อว่า ขณะที่นายมีชัย มีบทบาทสำคัญในการเคลื่อนไหวใน กปปส. ดังนั้นสูตรที่ใช้ในการจัดการบ้านเมืองหลังเกิดองค์รัฐฐาธิปัตย์แล้ว จึงเรียกว่า "มีชัย โมเดล"
 
ที่จะชี้ชัดๆ ว่านายสุเทพ จ้องทำลายประเทศ เมื่อนายสุเทพเป็นรัฏฐาธิปัตย์ สิ่งที่นายสุเทพจะทำ จะไม่ใช่แค่การเสนอชื่อนายกฯ ครม. และสภาประชาชนเท่านั้น แต่เมื่อนายสุเทพ ยึดอำนาจประชาชนได้สำเร็จ กลายเป็นองค์รัฏฐาธิปัตย์ ก็จะทำการฉีกรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ เพื่อเป็นหัวหน้าคณะยึดอำนาจ และใช้อำนาจจัดการทุกเรื่องให้อยู่ในอำนาจของตัวเอง  ดังนั้นภายใต้ "มีชัย โมเดล" นายสุเทพจะเริ่มจาก ประกาศกฎอัยการศึกเพื่อกดดันกลุ่มที่ต่อต้าน แล้วออกคำสั่งห้าม ซึ่งคำสั่งของรัฏฐาธิปัตย์ถือเป็นกฏหมาย โดยจะออกคำสั่งห้ามไม่ใช้ประชาชนชุมนุม ห้ามไม่ให้พรรคการเมืองทำกิจกรรม และออกคำสั่งอีกหลายๆ คำสั่ง ขณะที่สิ่งที่จะเกิดกับข้าราชการ คือข้าราชการจะต้องอยู่ใต้อำนาจของนายสุเทพคนเดียวเท่านั้น นอกจากนี้ จะมีการออกคำสั่งบังคับสื่อสารมวลชนทั้งหลาย ให้นำเสนอตามแต่ที่นายสุเทพต้องการเท่านั้น

เลขาธิการนปช. ชี้ว่า อย่างน้อยที่สุด ก่อนที่นายสุเทพจะแต่งตั้งนายกรัฐมนตรี สิ่งที่เลขาธิการกปปส.ต้องทำ
 
คือ 1.ประกาศกฏอัยการศึก 2.ห้ามประชาชนชุมนุมทางการเมือง 3.ห้ามพรรคการเมืองทำกิจกรรม 4.ให้ข้าราชการทั่วประเทศมารายงานตัว 5.โยกย้ายข้าราชการที่เข้าใจว่าเป็นปฏิปักษ์ 6.ประกาศจับกุมไล่ล่านักการเมืองพรรคเพื่อไทย 7.ประกาศยุบสภา อายัดทรัพย์ทั้งนักการเมืองและข้าราชการฝ่ายตรงขัาม แล้วก็จะออกกฎหมายนิรโทษกรรมตัวเอง และพรรคพวกอย่างแน่นอน

เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์