“ชายหมู” รับทราบข้อหาหักเงินบริจาคเข้า ปชป.

“สุขุมพันธุ์” เข้ารับทราบข้อหาหักเงินบริจาคเข้า "ปชป." ผิดกฎหมาย ยัน "ปชป." ส่งบัญชีการเงินให้ "กกต." ตรวจทุกปี ไม่เคยมีปัญหา ตั้งข้อสังเกตดีเอสไอใช้อำนาจไม่ชัดเจน

“ชายหมู” รับทราบข้อหาหักเงินบริจาคเข้า ปชป.


ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ว่าที่ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) พร้อมทีมกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ เดินทางเข้ารับทราบข้อกล่าวหาความผิดตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง มาตรา 57 วรรคสอง กรณีจ่ายเงินค่าบำรุงพรรคการเมืองให้กับพรรคประชาธิปัตย์ โดยวิธีการหักเงินเดือนเข้าบัญชีพรรค

โดยยืนยันว่าที่ผ่านมาสมัยที่ตนเป็นผู้ว่าฯ กทม. ได้หักเงินเดือนเข้าพรรคจริง แต่ไม่ถึง 20,000บาท ส่วนการเรียกรับทราบข้อกล่าวหาครั้งนี้จะเป็นเรื่องทางการเมืองหรือไม่นั้น ตนตั้งข้อสังเกตอาจมองได้ว่าเป็นอีกครั้งหนึ่งที่ดีเอสไอมีอำนาจไม่ชัดเจน เพราะตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง ให้อำนาจคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)เป็นผู้มีอำนาจในการพิจารณาความผิดเกี่ยวกับการบริจาคเงิน โดยมีประธาน กกต. เป็นนายทะเบียนพรรคการเมือง และตั้งแต่ปี 2550

พรรคประชาธิปัตย์ได้ส่งบัญชีการเงินการรับบริจาคทั้งหมดให้ กกต.ตรวจสอบและไม่เคยมีปัญหา สำหรับการเดินทางมาดีเอสไอวันนี้เนื่องจากให้ความเคารพองค์กรอิสระที่ทำหน้าที่ตรวจสอบแต่องค์กรอิสระก็ต้องทำหน้าที่ด้วยความเป็นธรรมด้วย
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ เปิดเผยภายหลังใช้เวลารับทราบข้อกล่าวหานานกวา 1 ชั่วโมงว่า ส.ส.ทั้งระบบแบ่งเขตและบัญชีรายชื่อของพรรคที่ต้องการบริจาคเงินให้กับพรรคในปี 2551 พรรคได้ทำหนังสือถึงเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรขอให้สำนักเลขาธิการสภาหักเงินเดือนและรวบรวมเงินแล้วจ่ายเป็นเช็คฉบับเดียวกันให้พรรคประชาธิปัตย์ เป็นเช็คที่ถูกต้องขีดคร่อม แต่ดีเอสไอมองว่าเป็นการผิดกฎหมาย เพราะผู้บริจาคไม่ได้สั่งจ่ายเช็คขีดคร่อมในชื่อของตน

ซึ่งคดีดังกล่าวมีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และ ส.ส.อีก 46 คน ที่อยู่ในข่ายเดียวกับตน
ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ ปฏิเสธให้ความเห็นกรณี กกต. ยังไม่มีมติรับรองตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม. รวมถึงยังไม่มีความเห็นการแต่งตั้งรองผู้ว่าฯ และที่ปรึกษา โดยกล่าวว่า ไม่ต้องการก้าวล่วงอำนาจ กกต. เนื่องจากขณะนี้ตนยังไม่เป็นผู้ว่าฯ กทม.อย่างสมบูรณ์ ต้องรอให้ กกต. มีมติอย่างสมบูรณ์ก่อน อย่างไรก็ตาม ตนเองรู้สึกดีใจที่มีประชาชนผู้สนับสนุนมาให้กำลังใจ


อย่างไรก็ตาม ด้านพ.ต.อ.นิรันดร์ อดุลยาศักดิ์ ผบ.สำนักคดีอาญาพิเศษ 1 กล่าวว่า คดีดังกล่าวกฎหมายกำหนดชัดว่า กกต. ไม่มีอำนาจในการสอบสวน ดังนั้น จึงเสนอให้ดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษ โดยกฎหมายมาตราดังกล่าวระบุชัดว่าหากเป็นการบริจาคเงินที่เกิน 20,000 บาท ต้องเขียนเป็นเช็คสั่งจ่ายเงินให้พรรค เนื่องจากกฎหมายต้องการให้เปิดเผยว่าบุคคลใดเป็นผู้บริจาค ดังนั้นเมื่อพรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้ทำตามที่กฎหมายกำหนดก็ถือเป็นความผิดซึ่งเรื่องดังกล่าวถือเป็นความผิดทางเทคนิค

หากต้องการจะบริจาคเงินให้พรรคจริงก็ควรทำให้ถูกต้องด้วยการซื้อตั๋วแลกเงิน ส่วนโทษของความผิดตาม พ.ร.บ.พรรคการเมือง ระบุโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่น้อยกว่า 3 เท่าของจำนวนเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดอันอาจคำนวณเป็นเงินได้ที่ให้แก่พรรคการเมืองหรือทั้งจำทั้งปรับ และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งมีกำหนด 5 ปี ทั้งนี้ จากการตรวจสอบผู้เข้าข่ายถูกแจ้งข้อกล่าวหาทั้งสิ้น 48 คน ในจำนวนนี้ 46 เป็นส.ส.ที่หักจากบัญชีเงินเดือน ส่วนอีก 2 รายที่ไม่ได้เป็น ส.ส. คือ นายอภิสิทธิ์ และ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ หักจากบัญชีเงินฝาก


เมื่อถามว่าหากมีการรับรองตำแหน่งผู้ว่ากทม.แล้วจะกระทบกับตำแหน่งหรือไม่ พ.ต.อ.นิรันดร์ ยืนยันการเรียกเข้าแจ้งข้อกล่าวหาของดีเอสไอครั้งนี้ไม่เกี่ยวกับการเลือกตั้ง เพราะเป็นการดำเนินคดีอาญาตามขั้นตอนปกติ ซึ่งก่อนหน้านี้ได้ชะลอการแจ้งข้อกล่าวหาจนพ้นการเลือกตั้งมาแล้ว ส่วนกรณีที่มีการอ้างว่าพรรคประชาธิปัตย์รายงานบัญชีการเงินกับกกต.อย่างต่อเนื่องแต่ไม่มีปัญหานั้น ในส่วนของดีเอสไอเพิ่งได้รับการร้องทุกข์เมื่อ 4 ก.ย. ปี 2555 และเสนอเป็นคดีพิเศษเมื่อวันที่ 10 ต.ค. ปีเดียวกัน จึงเพิ่งเข้าไปสอบสวน ก่อนหน้านี้ที่ไม่ดำเนินการเพราะไม่มีผู้ร้องเรียน ทั้งนี้หลังปิดประชุมสภาในวันที่ 20 เม.ย.แล้วจะทยอยเรียกส.ส.อีก 46 คนเข้ารับทราบข้อกล่าวหาทันที


บรรยากาศบริเวณด้านหน้าดีเอสไอมีประชาชนที่ให้การสนับสนุน ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ เดินทางมารวมตัวกันให้กำลังใจกว่า200คน โดยมีการเปิดเวทีปราศรัยระบุว่าหาก ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ถูกกลั่นแกล้งให้ไม่สามารถได้รับการรับรองตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม. ผู้ลงคะแนนเสียงเลือกตั้งกว่า 1,250,000 คนจะออกมารวมตัวกันต่อต้าน ทั้งนี้การปราศรัยมีการทวงถามไปถึงนายกรัฐมนตรีที่ประกาศชัดเจนว่าจะทำงานอย่างไร้รอยต่อ ขอให้พิสูจน์ว่าจะเป็นไปตามนั้นจริง


เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์