ชัย เตรียมหารือสภาฯ ขอขยายเวลาสมัยประชุมถกทางแก้วิกฤติ


ประธานรัฐสภาเตรียมหารือสภาฯ ขยายเวลาสมัยประชุมรัฐสภาเพื่อให้ที่ประชุมรัฐสภาหารือหาทางออกให้ประเทศ ย้ำปัญหาจะยุติได้ต้องมีการเจรจา โดยทุกคนต้องยอมเสียสละ เผยมีคนกลางในใจที่เป็นที่ยอมรับของคน 80% มาทำหน้าที่เจรจาแล้ว แต่ไม่ขอเปิดเผย


นายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภา กล่าวถึงข้อเสนอของ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก ที่ให้นายกรัฐมนตรียุบสภา และจัดการเลือกตั้งใหม่เพื่อแก้วิกฤติของประเทศในขณะนี้ ว่า

รู้สึกเห็นใจผู้บัญชาการทหารบก เพราะทางนี้ก็พี่ ทางนั้นก็น้อง และเมื่อได้รับมอบหมายจากนายกรัฐมนตรีให้เป็นคนติดตามสถานการณ์ และเป็นผู้ดำเนินการแก้ไขปัญหาบ้านเมืองระหว่างที่นายกรัฐมนตรีไม่อยู่ จึงได้ระดมคนที่มีความรู้และไม่มีความรู้มาหารือ จึงได้คำตอบดังกล่าว แต่ความจริงแล้ว


ผู้บัญชาการทหารบกควรที่จะมาปรึกษาหารือกับ ส.ส.และ ส.ว.เพราะเป็นศูนย์รวมจิตใจของประชาชน และเป็นตัวแทนของประชาชน ไม่ใช่หารือกับนักวิชาการ 1-2 คน คนที่ไม่เคยรับเลือกตั้ง คนที่ไม่เคยเป็นตัวแทนของประชาชนและได้รับอำนาจจากบารมีของผู้ที่ปฏิวัติรัฐประหารมา ซึ่งบุคคลเหล่านี้ไม่เคยเสียสละ เอาแต่ประโยชน์ส่วนตัว 
  

นายชัย กล่าวว่า ในวันนี้ (27 พ.ย.) สภาผู้แทนราษฎรจะหารือกันว่าจะแก้ไขปัญหาบ้านเมืองอย่างไร โดยตนจะเสนอให้ขยายเวลาสมัยประชุมออกไปจากวันที่ 28 พ.ย. แม้มีพระราชกฤษฎีกาปิดสมัยประชุมออกมาแล้ว ดังนั้นหากสภาฯ มีมติกันในวันนี้ ตนพร้อมที่จะดำเนินการ



“เมื่อฝ่ายบริหารทำงานไม่ได้ สภาฯ ก็จำเป็นที่จะต้องกระโดดมาช่วยกันเต็มที่ ทั้งวุฒิสมาชิก ผู้นำฝ่ายค้านฯ  ทั้งรัฐบาล ที่เป็น ส.ส.ต้องมาร่วมมือร่วมแรงใจกันว่า เราจะแก้ไขปัญหาบ้านเมืองอย่างไร ถ้าสภาฯ นี้มีมติให้ประธานรัฐสภาเข้ากราบบังคมทูลฯ ผมจะเข้าไปกราบบังคมทูลฯ เพื่อขยายเวลาประชุม เพื่อจะได้ปรึกษาหารือ


เพราะมันไม่มีช่องทางอื่นแล้ว เราจะทะเลาะวิวาทกันไปทำไม คนไทยในชาติเป็นพี่น้องกัน ก็ต้องช่วยเหลือซึ่งกันและกัน แต่ละท่านอาจจะมีทัศนะแตกต่างกัน แต่ถ้าเราพูดกันก็จะเข้าใจกัน จำเป็นต้องทำอย่างนั้น ยังมีเวลา วันนี้ 27 พ.ย. เราอาจจะเรียกประชุมด่วนพรุ่งนี้ (28 พ.ย.) เลยก็ได้ ถ้ามีมติก็ไปเดี๋ยวเดียว” นายชัย กล่าว
  

ประธานรัฐสภา กล่าวอีกว่า ส่วนตัวเชื่อว่าปัญหาต่าง ๆ จะสามารถลงเอยกันได้ หากได้พูดจากัน แต่จะต้องมีผู้เสียสละ โดยนำทุกฝ่ายเข้ามา และแต่ละฝ่ายจะต้องไม่หยิบยกประเด็นปัญหาของตัวเองเป็นหลัก และต้องมีคนกลางที่เป็นกลางจริง ๆ มาประสาน และต่างฝ่ายต่างเสนอแนะแนวความคิดซึ่งกันและกัน โดยจะถอยกันได้หรือไม่


ส่วนที่เคยมีการเรียกประชุมรัฐสภาเพื่อหาทางออก แต่ปัญหายังไม่ยุตินั้น นายชัย กล่าวว่า เป็นเพราะครั้งนั้นไม่มีคนกลางที่แท้จริง ดังนั้นต้องมีคนกลางที่แท้จริง ซึ่งตนมีบุคคลที่จะเป็นคนกลางอยู่ในใจแล้ว แต่ยังไม่กล้าเปิดเผย ซึ่งคนกลางที่ว่าต้องเป็นบุคคลที่ทุกคนยอมรับไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของประเทศ


และหากสภาฯ อนุมัติให้มีการขยายเวลาและสามารถเปิดให้มีการพูดคุยกันได้ เชื่อว่าเมื่อตนไปเชิญมา ทุกอย่างน่าจะเรียบร้อย แต่จะต้องรอฟังการประชุมคณะรัฐมนตรีก่อนแล้วจะปรึกษาหารือกันอีกครั้ง โดยจะทำให้เร็วที่สุด เพราะขณะนี้ศาลสั่งก็ยังทำอะไรไม่ได้ กฎหมายไม่มีประโยชน์แล้ว



เมื่อถามว่าคนกลางดังกล่าว คือ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษหรือไม่ นายชัย กล่าวว่า ไม่ใช่ แต่คนกลางที่ว่ายังอยู่ในใจเป็นบุคคลที่มีความเชื่อถือของสังคม
  
ส่วนที่มีการมองว่าหากหาทางออกของปัญหาไม่ได้คงต้องมีการรัฐประหารนั้น นายชัย กล่าวว่า ถ้ารัฐประหารเลยตนก็จะดีใจ
  

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การพูดเรื่องรัฐประหารดังกล่าวเป็นการพูดหลังจากสื่อได้ถอน ไมโครโฟนออกแล้ว แต่เมื่อมีการถามซ้ำ นายชัย จึงบ่ายเบี่ยง และบอกว่าพูดอะไรไม่ออก


เครดิต :

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์