ชวน ย้ำมีใบปลิวหมิ่นองคมนตรี

ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.มหาดไทย

ขอให้นำหลักฐานการโจมตีองคมนตรีมาเปิดเผย และแจ้งความดำเนินคดีว่า การกระทำดังกล่าวมีจริง โดยมีการออกหนังสือเวียนไปยังบุคคลต่างๆ มีเนื้อหาโจมตีคนพรรคประชาธิปัตย์ คนภาคใต้ และช่วงหลังโจมตีองคมนตรีด้วย แต่หนังสือเหล่านี้ไม่บอกว่าใครเป็นคนเขียน ดังนั้น การจะไปแจ้งความจึงเป็นเรื่องยาก เนื่องจากไม่รู้ว่าใครเขียน หากเรามีหลักฐานก็ดำเนินคดีเหมือนกรณีมีคนปราศรัยที่สนามหลวงโจมตีตนก็แจ้งความดำเนินคดี เพราะมีหลักฐานว่าใครเป็นคนพูด
 

“คนพวกนี้มันไม่กล้าใส่ชื่อ ผมว่าคนพวกนี้ทำเป็นกระบวนการ ถ้ามันใส่ชื่อ มันก็หมิ่นประมาท มันก็รู้อยู่แล้ว เพราะฉะนั้นที่ท้าไปแจ้งความ ถ้ามันใส่ชื่อ เราก็สามารถดำเนินคดีได้ ผมเคยนำเรื่องนี้หารือหัวหน้าพรรคว่าเราไม่มีวิธีการดำเนินการกับคนพวกนี้หรือ เพราะคนพวกนี้เวลามันเรียกร้องความสามัคคีก็เรียกได้ แต่วิธีปฏิบัติทำอีกอย่างหนึ่ง นี่คือสิ่งที่ปรากฏตลอดมา เราได้รับอยู่เป็นประจำ ไม่ใช่ปีละครั้ง แต่ปีหนึ่งหลายครั้ง แล้วเวียนมาเรื่อยๆ แต่ไม่ใส่ชื่อ จึงไม่สามารถแจ้งความได้ แต่เราก็คิดว่ามันน่าจะมาจากกลุ่มนั่นแหละ กลุ่มที่มีกำลังพอ มีกำลังคนเอาไว้โทรศัพท์เข้าไปในวิทยุ ส่งข้อความในโทรทัศน์ และเอาไว้ออกหนังสือเวียน หรือใบปลิวโจมตีคนอื่น” นายชวนกล่าว



นายชวนกล่าวว่า เอกสารโจมตีคนในพรรคประชาธิปัตย์เหล่านั้น ตนยังเก็บไว้

และจากการพูดคุยกับคนในพรรคหลายคนก็ได้รับเช่นกัน เช่นนายวิทูรย์ นามบุตร รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ หรือบางกรณีมีการส่งไปตามหน่วยราชการ ซึ่งมีคนในหน่วยราชการส่งมาให้สันนิษฐานว่า คนที่ทำเรื่องเหล่านี้น่าจะเป็นกลุ่มคนที่วางตัวเป็นปฏิปักษ์ต่อพรรคประชาธิปัตย์ตลอดเวลา และตอนที่พูดก็ไม่ได้บอกว่าใครทำ แต่มีบางคนมีอาการไม่พอใจ คนเหล่านั้นน่าจะติดตามสืบเสาะดูว่า สิ่งที่ตนพูดนั้นกระทบต่อใครบ้าง คนที่อยากให้บ้านเมืองสงบจริงๆ ไม่ควรทำเรื่องเหล่านี้มาเล่นใต้ดิน คิดว่าคนที่ออกมาพูดอาจจะมีความรู้สึกว่า เราพูดถึงเขาหรือไม่ แต่ความจริง เราไม่ได้พูดถึงใครเลย เพราะไม่รู้ว่าใครทำ ถ้ารู้ตัว

นอกจากจะแจ้งความหมิ่นประมาทแล้ว จะระบุชื่อให้คนรับรู้พฤติกรรมคนเหล่านั้นได้

เพราะฉะนั้นคนที่ออกมาท้าทายหรือออกมาพูด ตนไม่แน่ใจว่า คนเหล่านี้จะมีส่วนรู้เห็นหรือไม่ ส่วนกรณีที่พรรคพลังประชาชนจะยกร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยไม่ตั้งคณะกรรมาธิการขึ้นมาศึกษาก่อนนั้น เป็นสิทธิชอบธรรมที่จะทำได้ แต่พรรคประชาธิปัตย์ยืนยันว่าควรตั้งองค์กร หรือคณะบุคคลมาศึกษาว่า เรื่องอะไรควรปรับปรุงแก้ไขหรือคงไว้ ไม่ควรให้ฝ่ายใดเป็นผู้พิจารณาฝ่ายเดียว ควรมองภาพรวมของทั้งประเทศ

“ถ้าให้นักการเมืองแก้ อาจแก้เพื่อประโยชน์ของนักการเมือง เดี๋ยวก็ถูกครหาอีก ทำไมไม่ให้ผู้ไม่มีผลประโยชน์ได้เสีย หรือคนที่มีความรู้ ความสามารถเรื่องนั้นๆ เช่นผู้ที่มีความรู้ มีประสบการณ์ อย่างของปี 2550 ไม่ให้นักการเมืองเข้าไปมีส่วนเสนอความเห็น แต่ผมคิดว่าผู้ร่างคงไม่ได้มีเจตนากลั่นแกล้ง หรือเขียนกับดักเอาไว้ เพราะทุกพรรคต้องปฏิบัติเหมือนกันหมด เพียงแต่ว่าใครที่เคยชินกับระบบซื้อเสียงก็อันตรายหน่อย ถ้าใช้วิธีการไม่ถูกต้อง ก็อาจจะอันตรายได้ พรรคจึงระวังเรื่องนี้มาก ถ้าจำได้จะเห็นว่า ตอนเลือกตั้งมีการสาบานกัน เราต้องนึกออกว่าใครกล้าสาบานบ้าง"
 
"อันนี้คือที่มาของรัฐธรรมนูญที่มีความเข้มงวดกับระบบเลือกตั้ง ทำให้พรรคการเมืองถูกยุบง่าย ผมคิดว่า ถ้าจะคุยเรื่องนี้ ควรคุยทั้งระบบ และต้องดูต่อไปว่าจะมีมาตรการอื่นอีกหรือไม่ ที่จะทำให้การเลือกตั้งยุติธรรมมากขึ้น มิเช่นนั้นการเมืองจะเลวร้าย ต้องยอมรับความจริงว่า การเมืองที่เป็นแบบนี้ ส่วนหนึ่งเพราะการเมืองของเราอยู่ภายใต้การซื้อ การโกง จึงต้องหาทางหลุดพ้นให้ได้ ถ้าหวังดีจะแก้รัฐธรรมนูญให้มีความเหมาะสม ให้การเมืองดีขึ้น คิดว่าน่าจะสนับสนุนให้มีคณะบุคคลขึ้นมาศึกษาก่อน เพราะจะทำให้หลายฝ่ายได้มีส่วนร่วมในการพิจารณา”นายชวนกล่าว


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์