ชท.ตอก ทักษิณ เดินสายสร้างแบ่งแยกประชาชนโทษถึงตัดหัว!

ชท.ตอก ทักษิณ เดินสายสร้างแบ่งแยกประชาชนโทษถึงตัดหัว!

โดย ผู้จัดการออนไลน์ 12 มีนาคม 2549 15:05 น.

ชท.ยันไม่ได้อยู่เบื้องหลังม็อบ พร้อมร่วมหารือทั้ง 3 ฝ่ายต่อหน้าประชาชน เพื่อจับโกหกว่าใครตระบัดสัตย์ บรรหาร ฝากถาม น้องแม้ว ใครกันแน่แบ่งแยกดินแดน ด้าน สมศักดิ์ จวกผู้นำขาดหิริโอตตัปปะ-สร้างความร้าวฉาน แฉจ้างคนอ่างทองหัวละ 200 ชนม็อบ 13-14 มี.ค.ขณะที่ฝ่าย กม.ระบุกล่าวหาแบ่งแยกดินแดนโทษประหารชีวิต

วันนี้ (12 มี.ค.) ที่พรรคชาติไทย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล รองหัวหน้าพรรคชาติไทย กล่าวว่า ขณะนี้ความห่วงใยของผู้คนในสังคมที่ต้องการอยากจะเห็นสังคมไทยกลับคืนสู่สภาวะปกติโดยเร็ว ไม่อยากเห็นการแบ่งแยกประชาชนออกเป็นฝักเป็นฝ่าย เอาทักษิณ ไม่เอาทักษิณ ล้วนแต่ไม่ส่งผลดีกับประเทศ แม้กระทั่งกลุ่มพีเน็ต และอาจารย์มหาวิทยาลัยก็อยากเห็นทุกฝ่ายหันหน้าเข้าหากัน คุยกันด้วยเหตุด้วยผล เพื่อคลี่คลายปัญหาของประเทศ ซึ่งพรรคชาติไทย และพรรคฝ่ายค้านเห็นตรงกันว่า เราไม่ปฏิเสธแนวทางนี้ แต่อยากให้ทุกฝ่ายมานั่งคุยกันด้วยเหตุด้วยผล แต่การคุยกันนั้นอยากเห็นทุกฝ่ายละวางฐานะ ตำแหน่งหน้าที่ของตัวเอง ท่านนายกฯ ก็ควรจะถอดหมวกนายกฯ และหัวหน้าพรรคไทยรักไทยออก แล้วสวมหมวกประชาชนเต็มขั้น รวมทั้งกลุ่มขององค์กรพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และ 3 พรรคฝ่ายค้านใส่หมวก และหัวใจของประชาชนที่รักและห่วงใยประเทศมาพูดคุยกัน แต่การพูดคุยถ้าจะให้ดีที่สุด ควรให้ประชาชนทั้งประเทศได้มีโอกาสรับรู้การพูดคุยกันของทั้ง 3 ฝ่าย เพราะขณะนี้ความเชื่อถือได้กลายเป็นเรื่องสำคัญ ถ้าหากพูดให้ทุกคนได้ฟังหมด เป็นประจักษ์พยานรับรู้ว่า ใครตระบัดสัตย์ ใครมีสัตย์ ซึ่งเชื่อว่าปัญหาก็จะยุติ ซึ่งพรรคชาติไทยพร้อมสนับสนุนแนวทางนี้

นายสมศักดิ์ กล่าวว่า สังคมกำลังเฝ้ามองพฤติกรรมของนายกฯด้วยความหวาดวิตก ว่า ท่านกำลังขาดจริยธรรม และหิริโอตตัปปะ จะเห็นได้ว่า ท่านได้ใช้เวลาราชการส่วนใหญ่ พร้อมด้วยรัฐมนตรีออกไปพบประชาชนหลายจังหวัด ได้ละทิ้งการแก้ไขปัญหาของประเทศที่มีหลายเรื่องรุมเร้าอยู่ คิดเพียงอย่างเดียวว่าทำอย่างไรจะกลับเข้ามาสู่อำนาจ และตำแหน่งได้อีก ซึ่งเป็นสิ่งที่สังคมเป็นห่วง นอกจากนี้ ท่านยังใช้ตำแหน่งหน้าที่เชิญข้าราชการระดับสูงให้มาพบที่ตึกไทยคู่ฟ้า ถ้าไปพบในข้อราชการถือว่าเป็นเรื่องปกติ แต่กลับเรียกมาพูดในเรื่องประเด็นทางการเมือง และเรียกร้องขอความเห็นใจจากข้าราชการระดับสูงของประเทศ ซึ่งเป็นการกระทำที่ไม่ควรเป็นอย่างยิ่ง ยังใช้งบประมาณของรัฐออกไปกระตุ้นประชาสัมพันธ์ผลงานของรัฐบาล เพื่อหวังผลการเลือกตั้งในการผลักดันให้รัฐบาลกลับมาอีก โดยเฉพาะโครงการของรัฐบาลที่ประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อ ไม่ว่าจะเป็นโครงการกองทุนหมู่บ้าน หรือกองทุนให้กู้ยืมเพื่อการศึกษาที่ผูกพันรายได้ในอนาคต หรือ กรอ.รวมทั้งการโฆษณาเรื่องการปราบปรามยาเสพติด สิ่งเหล่านี้ได้หวนกลับมาสู่สิ่งต่างๆ มากมายผิดสังเกต ตนอยากฝากเรื่องนี้ให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ช่วยกันพิจารณาดูด้วยว่าสิ่งที่รัฐบาลทำอยู่ในขณะนี้ถูกต้องหรือไม่ และเอารัดเอาเปรียบพรรคการเมืองเล็กๆ หรือไม่ แล้วจะนำไปสู่การเลือกตั้งที่บริสุทธิ์ยุติธรรมได้

รองหัวหน้าพรรคชาติไทย กล่าวต่อว่า การที่นายกฯ ไปปราศรัยที่จังหวัดนครปฐม ที่พูดจาถากถางเสียดสีกล่าวหา 3 พรรคที่ไม่ส่งผู้สมัครว่า เป็นพรรคที่อยู่ฝ่ายตรงข้าม เป็นผู้ให้การสนับสนุนการชุมนุมของประชาชนที่กำลังเรียกร้องให้นายกฯลาออก เพื่อแก้ไขปัญหาของประเทศ พรรคชาติไทยขอปฏิเสธโดยสิ้นเชิง พรรคชาติไทยไม่มีส่วนที่จะไปสนับสนุนกลุ่มประชาชน เพราะเราตระหนักถึงการควรและไม่ควร หรือพรรคชาติไทย มีหิริโอตตัปปะ และจริยธรรมพอ เรารู้ฐานะ และบทบาทของพรรคการเมือง แม้ไม่ได้ส่งผู้สมัครว่าเราควรจะปฏิบัติตัวอย่างไร เราไม่เคยปรารถนาให้ไปโค่นล้มใครเพื่อสวมอำนาจนั้นไม่ใช่อุดมการณ์ของพรรคชาติไทย

นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า การที่นายกฯไปกล่าวหา นายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยว่า กำลังแบ่งแยกดินแดนว่าท่านไม่พอใจ และไม่ปรารถนาที่จะให้นายกฯไปที่จังหวัดสุพรรณบุรี ซึ่งตรงนี้อยากเรียนว่าเป็นการเข้าใจคลาดเคลื่อน และผิดจากข้อเท็จจริงอย่างสิ้นเชิง เพราะท่านหัวหน้าพรรคพูดเสมอว่าดีใจที่ได้เห็นผู้ใหญ่ของบ้านเมือง ไม่ว่าจะเป็นนายกฯหรือรัฐมนตรีไปเยี่ยมในจังหวัดสุพรรณบุรี แต่การไปในครั้งนี้ต้องบอกก่อนท่านไม่ได้ปฏิเสธการไปเยี่ยมหรือห้าม แต่ท่านปฏิเสธและไม่เห็นด้วยที่นายกฯได้โอกาสตรงนี้ไปสร้างความเคลือบแคลง ร้าวฉานให้เกิดขึ้นในระหว่างพรรคการเมือง และสมาชิกของพรรค เราไม่ปฏิเสธความเป็นเพื่อนระหว่างนายกฯ กับเลขาธิการพรรค แต่มีคำถามว่าหากไปทานข้าวที่บ้านเลขาธิการพรรคชาติไทยหลังวันที่ 8 มี.ค.ไปแล้วความเป็นเพื่อนมันที่คบกันมา 30 ปีจะขาดสะบั้นไปเลยหรือไม่ เราเข้าใจว่าสิ่งที่ไปนั้นเป็นเจตนาที่ต้องการเห็นผลทางการเมืองเกิดขึ้น อย่างหนึ่งอย่างใด หลังจากเพียรพยายามที่จะไปที่สนามกอล์ฟ บ้าน พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ หัวหน้าพรรคมหาชน

หัวหน้าพรรคชาติไทย ฝากบอกกับสื่อมวลชนว่าไม่เคยคิดที่จะแบ่งแยกดินแดน ตรงกันข้ามอยากเห็นความสมานฉันท์ และท่านเห็นว่าสิ่งที่ท่านนายกฯพูดว่าท่านหัวหน้าบรรหารกำลังทำให้เกิดการแบ่งแยกดินแดนนั้นไปดูตัวเองก่อนว่าใครกันแน่ที่กำลังแบ่งแยกดินแดน โดยเฉพาะการที่นายกฯ ไปพูดที่จังหวัดนครสวรรค์ หลังการเลือกตั้งที่ผ่านมาแบ่งแยกประชาชน แบ่งแยกจังหวัดชัดเจน ว่าจังหวัดไหนสนับสนุนการเลือกตั้งพรรคไทยรักไทย ท่านพร้อมจะดูแลอย่างเต็มที่ สิ่งนั้นใช่เป็นการแบ่งแยกชัดเจนหรือไม่ และนอกจากนี้การให้ประชาชนส่งไปรษณียบัตรเพื่อแยกฝ่ายเอาทักษิณ และไม่เอาทักษิณ นี่ใช่เป็นการแบ่งแยกดินแดนหรือไม่ แทนที่จะนำภาวะของการเป็นผู้นำประเทศจะคลี่คลายแก้ไขปัญหาของสังคมขณะนี้ กลับใช้โมหะในการที่แบ่งแยกประชาชนให้เป็นเอาทักษิณ กับไม่เอาทักษิณ เป็นการตอกลิ่มความแตกแยกให้กับสังคมและประเทศ สิ่งนี้น่าไปห่วง หัวหน้าพรรคชาติไทยให้สอบถามไปยังนายกฯ ว่าใครกันแน่แบ่งแยก นายสมศักดิ์ กล่าว

รองหัวหน้าพรรคชาติ กล่าวต่อไปว่า ได้กลับไปในพื้นที่จังหวัดอ่างทองได้รับข้อมูลตรงกันหลายหมู่บ้าน หลายตำบลว่าในขณะนี้ได้มีการจ้างวานให้คนในจังหวัดอ่างทองเดินทางมาที่กรุงเทพฯในวันที่ 13 มี.ค.ต่อเนื่องในวันที่ 14 มี.ค.โดยได้รับค่าจ้างคนละ 200 บาท จัดรถและบริการ เรื่องนี้ตนเป็นห่วงว่าหากนำประชาชนมาเผชิญหน้ากันแล้วเกิดการปะทะกันคนที่เสียหาย คือ ประชาชนที่ไม่รู้เรื่องรู้ราว ตนจึงได้เรียนต่อผู้บังคับการตำรวจจังหวัดอ่างทองให้ช่วยดูแล หากเกิดอะไรขึ้นประชาชนที่ได้รับบาดเจ็บ หรือได้รับผลกระทบที่เผชิญหน้ากันจะหาคนที่รับผิดชอบไม่ได้ และร้องขออย่าใช้พฤติกรรมแบบนี้กับประชาชนแต่ละจังหวัด แต่ขอให้ประชาชนมาชุมนุมด้วยจิตวิญญาณจริงๆ ไม่ใช่เป็นการจ้างวานกัน

เมื่อถามว่า หัวหน้าพรรคชาติไทยโกรธนายกฯ มากหรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ไม่โกรธ เพราะท่านรู้จักนายกฯ ว่าเป็นคนอย่างไร เพียงแต่ว่าไม่เหมาะ ไม่ควร และท่านก็ไม่ละอายต่อบาปเลย ไปใส่ร้ายป้ายสีคนอื่นเพียงคึกคะนองปากเพียงอย่างเดียว ท่านหัวหน้าพรรคชาติไทยเป็นห่วงเด็กในอนาคตข้างหน้าว่าพฤติกรรมของผู้นำที่แสดงออกเด็กจะคิดว่าเป็นพฤติกรรมที่ถูกต้อง

ด้าน นายเกษม ศรศักดิ์เกษม รองเลขาธิการพรรคชาติไทย และฝ่ายกฎหมายของพรรค กล่าวว่า ถ้าการกล่าวหาจะเล่นจะจริง จะมีเจตนาอะไรก็แล้วแต่ กล่าวหาว่าแบ่งแยกดินแดนส่วนใด ส่วนหนึ่ง ข้อหากบฏ ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 113 โทษประหารชีวิต เพราะฉะนั้น ไม่ใช่เรื่องที่จะมาล้อเล่น เรื่องแบ่งแยกดินแดนเป็นเรื่องสาหัส

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์