จําคุกอีกคนละ2ปี 3อดีตกกต. ทักษิณเว้นฯเริ่มชัด

"ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ"


สืบเนื่องจากกรณีที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ได้เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง พล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภ อดีตประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายปริญญา นาคฉัตรีย์ และนายวีระชัย แนวบุญเนียร อดีต กกต. ในความผิดฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และ พ.ร.บ.คณะกรรมการการเลือกตั้ง พ.ศ.2541 มาตรา 24 และ 42 กรณีที่ไม่เร่งสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริง ข้อร้องเรียนพรรคใหญ่จ้างพรรคเล็กลงรับสมัครเลือกตั้งนั้น

ศาลอ่านคำพิพากษาคดี 3 อดีต กกต.

ที่ห้องพิจารณา 704 ศาลอาญา วานนี้ (15 ก.ย.) เวลา 10.30 น. ศาลออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษาในคดีที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง พล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภ อดีตประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายปริญญา นาคฉัตรีย์ และนายวีระชัย แนวบุญเนียร อดีต กกต. ในความผิดฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และ พ.ร.บ.คณะกรรมการการเลือกตั้ง พ.ศ. 2541 มาตรา 24 และ 42

ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานทั้งสองฝ่ายแล้วเห็นว่า เมื่อจำเลยได้รับข้อร้องเรียนจากโจทก์เมื่อวันที่ 20 มี.ค. 2549 แล้ว ได้มีคำสั่งแต่งตั้งให้นายนาม ยิ้มแย้ม เป็นประธาน คณะอนุกรรมการสืบสวนสอบสวน จากการสอบสวนพบว่า เจ้าหน้าที่ของ กกต.กระทำผิดฐานปลอมข้อมูลคุณสมบัติ การเป็นสมาชิกพรรคการเมืองของสำนักงาน กกต. นอกจากนี้ยังมีผู้บริหารระดับสูงของไทยรักไทยว่าจ้างพรรคแผ่นดินไทย และพรรคพัฒนาชาติไทยให้ส่งผู้สมัครลงเลือกตั้ง ส.ส. โดยคณะอนุกรรมการมีความเห็นให้แจ้งข้อกล่าวหากับผู้ที่เกี่ยวข้อง จากนั้นจำเลยได้สั่งให้คณะอนุกรรมการฯ สืบสวนเพิ่มเติมโดยให้ระบุความผิดให้ชัดเจน แต่หลังการสอบสวน คณะอนุกรรมการยังมีมติ เช่นเดิม ต่อมาเมื่อวันที่ 21 เม.ย.2549 จำเลยทั้ง 3 ได้มีมติ ให้ยุบพรรคเล็กทั้งสองพรรค และให้สอบสวนพรรคไทยรักไทยเพิ่มเติม โดยคณะอนุกรรมการฯได้สรุปผลสอบว่า ให้แจ้งข้อกล่าวหากับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร หัวหน้าพรรคไทยรักไทย แต่ต่อมาจำเลยยังให้สอบสวนเพิ่มเติมอีก


พิพากษาชี้ขาดปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ


เมื่อพิจารณาจากผลการสืบสวน ที่รายงานว่าเจ้าหน้าที่ กกต.ร่วมกระทำผิดกับนายบุญทวีศักดิ์ อมรสินธุ หัวหน้าพรรคพัฒนาชาติไทย โดยรับเงินตอบแทน 30,000 บาท เพื่อแก้ไขข้อมูลผู้ลงสมัครเลือกตั้งและเรื่องนี้ยังปรากฏจากคำเบิกความของจำเลยที่ 1 ที่รับว่า จำเลยที่ 1 ดำเนินการสืบสวนทางลับด้วยตัวเองจนพบผู้กระทำผิดและยึดเงิน 30,000 บาท พร้อมส่งเรื่องให้คณะอนุกรรมการสืบสวนต่อ แสดงว่าข้อร้องเรียนของโจทก์มีมูลความจริงและเป็นความผิดชัดแจ้ง ซึ่งจำเลยทั้ง 3 ทราบดี จึงต้องดำเนินการสืบสวนสอบสวนและต้องวินิจฉัยชี้ขาดอย่างรวดเร็ว ซึ่งไม่ปรากฏว่าจำเลยทั้ง 3 ได้ดำเนินการอย่างใด อย่างหนึ่งกับผู้สมัครและพรรคการเมืองที่เกี่ยวข้องทั้งที่ปรากฏพฤติกรรมชัดแจ้ง

แต่กลับปล่อยเวลาให้ล่วงพ้นจนถึงวันเลือกตั้งในวันที่ 2 เม.ย.2549 นอกจากนี้จำเลยยังไม่ได้วินิจฉัยในส่วนของพรรคไทยรักไทย ที่ได้ปรากฏหลักฐานว่ามีส่วนเกี่ยวข้องในการจ้างพรรคเล็กทั้งสองลงเลือกตั้ง ทั้งที่จำเลยทั้ง 3 สามารถพิจารณาข้อเท็จจริงและพฤติการณ์ความผิดได้ทันที แต่กลับมีคำสั่งให้ สอบสวนเพิ่มเติมอีกโดยให้เวลา 10 วัน อันเป็นการทำให้ล่วงพ้นระยะเวลาวันเลือกตั้งใหม่วันที่ 23 และ 29 เม.ย. 2549 อีก นอกจากพฤติการณ์ดังกล่าวแล้วยังพบว่าจำเลยทั้ง 3 มีพฤติการณ์อื่นที่ส่อแสดงให้เห็นถึงการประวิงเวลาวินิจฉัยชี้ขาดข้อร้องเรียนของโจทก์อีก 4 ประการด้วยกัน

จำคุก 3 ปีและตัดสิทธิการเมือง 10 ปี

ศาลพิพากษาว่า จำเลยทั้ง 3 มีความผิดตาม พ.ร.บ. กกต. ม.24 และ 42 และประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83 ให้จำคุกคนละ 3 ปี โดยข้อเท็จจริงจากพยานหลักฐานที่จำเลยทั้ง 3 ได้นำสืบเป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษเห็นควรลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุกจำเลยคนละ 2 ปี พร้อมกับเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งจำเลยที่กำหนดคนละ 10 ปี ส่วนความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ม.157 ให้ยกฟ้องเนื่องจากโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องในความผิดนี้

ภายหลังศาลมีคำพิพากษาแล้ว ญาติของจำเลยทั้ง 3 ได้ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์เป็นเงินสดคนละจำนวน 1.2 แสนบาทเพื่อยื่นประกันตัว ศาลพิจารณาแล้วอนุญาตให้จำเลยทั้ง 3 ประกันตัวไป โดยตีราคาประกันคนละ 1.2 แสนบาท


ปชป.รุกศาลรัฐธรรมนูญกรณียุบพรรค


นายสุเทพกล่าวว่า ตามที่ศาลมีคำพิพากษานี้ถือว่ามีความสมบูรณ์แล้ว โดยศาลได้พิเคราะห์ด้วยว่ารายงานการสืบสวนสอบสวน ชุดนายนาม ยิ้มแย้ม เป็นประธานอนุกรรมการฯ มีความน่าเชื่อถือ รับฟังได้ จะมอบหมายให้ทีมกฎหมายติดตามการวินิจฉัยกรณียุบพรรคไทยรักไทย พรรคแผ่นดินไทยและพรรคพัฒนาชาติไทย ที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ ต่อไปโดยจะนำคำพิพากษาของศาลคดีนี้ ไปยื่นประกอบการพิจารณาวินิจฉัยชี้ขาดการยุบพรรคด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริเวณหน้าศาลอาญามีการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด มีเจ้าหน้าที่ตำรวจคอมมานโด กองปราบปราม จำนวนมาก มาคอยดูแลรักษาความปลอดภัย และตรวจรถเข้า-ออก ทุกคัน

ทรท.ปัดไม่มีเอี่ยวอดีต กกต.โดนจำคุก

นายจตุพร พรหมพันธุ์ รองโฆษกพรรคไทยรักไทย กล่าวว่า กรณีที่ศาลตัดสินจำคุกอดีต 3 กกต. ในคดีละเว้นการปฏิบัติหน้าที่กรณีจ้างวานพรรคเล็ก และมีการพุ่งเป้ามาที่ไทยรักไทยว่า คนละกรณีกัน เราไม่หวั่นไหว เพราะเป็นข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ไม่ใช่เนื้อหาโดยรายละเอียดของคดี เป็นการกล่าวหาพฤติกรรมของ กกต.ไม่เกี่ยวกับพรรคไทยรักไทย แม้ว่าจะมีการพาดพิง และคดียังไม่ถึงที่สุด ต้องพิสูจน์อีกนาน เมื่อถามว่า มีการตั้งข้อสังเกตว่าการตัดสินของ 3 ศาล ต้องสอดคล้องกัน นายจตุพรตอบว่า เราไม่กังวล เพราะประเด็นที่นายสุเทพฟ้องเป็นประเด็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ การเชื่อมโยงกับพรรคไทยรักไทยนั้น ไม่ใช่รายละเอียดของคดี อย่างไรก็ตาม คณะทำงานฝ่ายกฎหมายของพรรคกำลังติดตามดูอยู่


ทักษิณ อาจเว้นวรรคเทียบชั้น ป๋า


ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในการเดินทางไปร่วมประชุมกลุ่มประเทศไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด (NAM) ที่ประเทศคิวบา ระหว่างวันที่ 15-16 ก.ย.ว่า พ.ต.ท.ทักษิณได้ให้สัมภาษณ์ ผู้สื่อข่าวบนเครื่องบิน ระหว่างบินจากกรุงลอนดอนไปประเทศคิวบาว่า ที่ผ่านมาได้พักผ่อน นอนวันละหลายชั่วโมง และมีเวลาอ่านหนังสืออีกมาก ทำให้มีความคิดใหม่หลายเรื่องที่จะนำมาใช้เพื่อให้เป็นประโยชน์กับประเทศชาติ กลับมาคราวนี้ก็จะมีเรื่องใหม่ๆ ทำอีกมาก แต่คงไม่ถึงฮือฮา แต่กำลังคิดว่าจะทำด้วยตัวเอง หรือทำผ่านกระบวนการพรรคการเมือง

พ.ต.ท.ทักษิณกล่าวว่า อาจจะเว้นวรรคทางการเมือง เพราะสังคมไทยและสื่อมวลชนไทยขี้เบื่อ อยู่นานไปก็เบื่อ อย่าง พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ที่วันนี้สื่อฯ ยกย่องว่าเป็นคนดี แต่เมื่อย้อนกลับ

ไปดูเมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกฯ จะเห็นว่าในช่วงที่เบื่อ พล.อ.เปรม หนังสือพิมพ์ทุกฉบับต่างโจมตี พล.อ.เปรมเช่นกัน ย้อนไปดูเรื่องเก่าๆ แล้ว ว่าโดนหนักแล้ว แต่พอไปดูสมัย พล.อ.เปรมแล้วโดนหนักกว่า ค่อยมีกำลังใจ รู้สึกสูสีกัน

ต้องชัดเจนก่อนยื่นใบสมัครเลือกตั้ง

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าการตัดสินใจเว้นวรรคทางการเมืองจะทำก่อนการเลือกตั้งหรือไม่ พ.ต.ท.ทักษิณตอบว่า อย่างน้อยที่สุดวันยื่นใบสมัครรับเลือกตั้งก็ต้องมีความชัดเจน เมื่อถามว่าพรรคประชาธิปัตย์เรียกร้องให้แสดงความชัดเจนก่อนที่จะมีการยื่นใบสมัคร พ.ต.ท.ทักษิณตอบว่า ขอให้พรรคประชาธิปัตย์ไปหาเสียงอย่างอื่น ให้มีอะไรดีขึ้นมาบ้าง เห็นแล้วสงสาร ยิ่งได้อ่านหนังสือชื่อ Why so stupid? ของ เอ็ดเวิร์ด เดอ โบโน จะเห็นว่าความคิดของคนเป็นเรื่องใหญ่ คนเราต่างกันที่วิธีคิด เราจะต้องพยายามคิดอย่างสร้างสรรค์

เพราะบางคนบอกได้แต่ว่าอันนี้คืออะไร แต่ไม่สามารถอธิบายได้ว่าจะทำสิ่งนี้ให้มีประโยชน์ได้อย่างไร ในโอกาสที่ไปประชุมกับผู้นำต่างประเทศ หลายประเทศเป็นห่วงสถานการณ์ในเมืองไทย และสอบถามกันมาก แต่สามารถอธิบายได้ ระบอบประชาธิปไตยเป็นเช่นนี้ แต่ต่างกันที่ของเราทั้งคนปฏิบัติและคนรักษาระเบียบมีปัญหาทั้งคู่ ต่อข้อถามว่าเมื่อมีคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ชุดใหม่ การเลือกตั้ง ส.ส.จะเป็นอย่างไร พ.ต.ท.ทักษิณตอบว่า คนที่แพ้พรรคไทยรักไทยมากๆ ต่างไปหาเรื่องปลอบใจตัวเองว่ามีการซื้อเสียง มีการโกงเลือกตั้งหรือมี กกต.ช่วย แต่ความจริงเป็นเรื่องของศรัทธาประชาชน เป็นคนละเรื่องกัน


มั่นใจชนะไม่วางตัวนายกฯ นอมินี


ขอให้ดูว่าไม่ว่าจะมี กกต.ชุดใหม่ พรรคไทยรักไทยก็ยังคงชนะการเลือกตั้งอยู่ เรื่องการเลือกตั้งไม่ว่าจะเปลี่ยน กกต.ใหม่ แล้วมีการซ้ำช่วยกันรุมสหบาทาตนแบบนี้ คอยดูเถอะ คิดว่าประชาชนจะออกมาแสดงให้เห็นว่า ผมต้องการของผมแบบนี้ และพรรคไทยรักไทยก็คงต้องชนะอย่างแน่นอน พ.ต.ท.ทักษิณกล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่าแสดงว่า 16 ล้านเสียงที่เคยได้จะไม่ไปไหนใช่หรือไม่ พ.ต.ท.ทักษิณตอบว่า ไม่ได้พูดถึงขนาดนั้น แต่ยืนยันได้ว่าไม่น่าจะแพ้ เมื่อถามว่าแต่ ส.ส. พรรคไทยรักไทยกังวลว่า นายกฯ เว้นวรรคจะส่งผลกระทบต่อการเลือกตั้ง พ.ต.ท.ทักษิณตอบว่า ไม่ส่งผลกระทบ ได้มีการตรวจสอบแล้วกระทบก็นิดหน่อยเท่านั้น เมื่อถามว่ามองใครให้มาเป็นตัวแทนในการดำรงตำแหน่งนายกฯ หากตัดสินใจเว้นวรรค พ.ต.ท.ทักษิณตอบว่า มีหลายคน

เมื่อถามต่อว่า ตอนนี้มีรายชื่อออกมา 3 ชื่อ คือ นายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย พล.ต.อ.ชิดชัย วรรณสถิตย์ และนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ใช่หรือไม่ พ.ต.ท.ทักษิณตอบว่า แต่ละคนเดากันเองทั้งนั้น ยังไม่ได้ พูดกับตัวเองว่าจะเลือกใคร และจะหลุดออกมาได้อย่างไร ถ้าตนพูดกับตัวเองไว้บ้างแล้ว ก็อาจจะหลุดได้ แต่นี่ยังไม่ได้พูด รับรองว่าไม่มีทางหลุดออกมา เพราะการเมืองไทยพูดเร็วไม่ได้

ยงยุทธ จวกสื่อชี้นำให้สังคมแตกแยก

นายยงยุทธ ติยะไพรัช รักษาการ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติฯ กล่าวว่า วันนี้มีแต่ข่าวที่เป็นกระแส เป็นการสัมภาษณ์ที่รู้ดีกว่านายกฯพูด ท่านบอกว่าอะไรที่เป็นประโยชน์กับประเทศชาติ ท่านก็จะตัดสินใจเอง ที่บอกว่าท่านจะเว้นวรรคทางการเมือง ท่านไม่ได้พูด มีแต่คนเอาไปขยายความต่อเพิ่มเติม ต้องยอมรับว่าคนทั่วไปที่เลือกพรรคไทยรักไทย เพราะนายกฯทักษิณมีเกิน 70% พรรคตรงข้าม หรือคู่แข่งพยายามบีบบังคับให้นายกฯ พูดเสียทีว่าจะไม่ลงเลือกตั้ง จะไม่เป็นนายกฯ พยายามออกข่าว เป็นการได้เปรียบเสียเปรียบทางการเมือง

เป็นสิ่งที่ไม่ได้เกิดประโยชน์อะไรต่อประชาชน สิ่งที่เป็นประโยชน์มากสุดต้องถามว่ามีนโยบายอะไรบ้าง แล้วนำนโยบายมาสู้กัน ต่อข้อถามถึงคำแนะนำต่อประชาชนกับข่าวที่เกิดขึ้น นายยงยุทธกล่าวว่า สื่อต้องช่วยกัน ต้องรู้ว่าจะออกข่าวอย่างไรที่จะไม่ทำให้บ้านเมืองแตกแยก ทำอย่างไรที่จะไม่เป็นการชี้นำ ไม่ใช่ชี้เป้าว่านายกฯผิดอย่างนั้นผิดอย่างนี้ คนที่รักนายกฯก็ไม่พอใจ สื่อต้องกลับไปคิดว่าจะทำอย่างไรให้คนเข้าใจ แต่วันนี้เอาข่าวคนนั้นด่าทีคนนี้ด่าทีไม่มีสาระ


แหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์