จุดอ่อนในจุดแข็งคมช.ตกที่นั่งลำบาก

"จุดอ่อนในจุดแข็ง"คมช.ตกที่นั่งลำบาก


ยิ่งมีระเบิดหลายลูกถล่ม พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร ผู้ช่วย ผบ.ทบ.และผู้ช่วยเลขาธิการ คมช.ติดกันในระยะหลังๆ มานี้ ยิ่งแสดงให้เห็นเป้าหมายของฝ่าย "อำนาจเก่า" ได้อย่างชัดเจน

เป็นเป้าหมายที่ต้องการโจมตีไปยัง "จุดเปราะบาง" ที่สุดของ คมช.

เหตุเพราะตัวตนของ "พล.อ.สพรั่ง" เองนั่นแหละ


แม้ภาพที่แสดงออกต่อสาธารณะ


รวมถึงบุคลิกลักษณะท่าทางจะเคยถูกมองว่าเป็น "จุดแข็ง" ที่สุดใน คมช.

เพราะถ้าไม่มีคน "ใจกล้า" และ "บ้าบิ่น" อย่าง "พล.อ.สพรั่ง" เหตุการณ์ประวัติศาสตร์ 19 กันยา ก็อาจไม่เกิด

แต่ว่า...ในความกล้าและบ้าบิ่น บวกกับบุคลิกที่ดูเป็นคนเลือดร้อน ดุดัน แข็งกร้าว และพร้อมลุยทุกรูปแบบนั้น กลับกลายเป็นจุดอ่อนที่ฝ่ายตรงข้ามเล็งเห็น และนำมาใช้เป็นเครื่องมือในการหักโค่นพวกเดียวกันเอง

เพราะฝ่ายตรงข้ามคาดหมายได้ว่า ถ้ายั่วให้ถึงจุดเมื่อไร คนที่จะนำหายนะมาสู่ คมช.และรัฐบาลก็คือตัว "พล.อ.สพรั่ง" ผู้ซึ่งมีทั้งจุดอ่อนและจุดแข็งในคนคนเดียว

ยุทธการของฝ่ายตรงกันข้าม จึงเลือกที่จะโจมตี "จุดอ่อนในจุดแข็ง" ของ คมช.เป็นสำคัญ

แผนการ "ยั่วโทสะ" จึงตามมาเป็นพรวน

ทั้งโดยการยั่วยุผ่านสถานการณ์รุนแรงต่างๆ และโดยการโจมตีในเรื่องส่วนบุคคล


เริ่มจากการตีประเด็นใช้งบหลวงดูงานต่างประเทศพร้อมด้วยคนในครอบครัว


ตามมาด้วยประเด็นทุจริตรีดไถในสุวรรณภูมิ ซึ่งแม้ไม่เอ่ยชื่อใคร แต่เป้าหมายก็เพื่อต้องการดิสเครดิต "พล.อ.สพรั่ง" เต็มๆ ในฐานะประธานบอร์ดการท่าอากาศยาน

และผลงานล่าสุด ว่าด้วยการเปิดเอกสารลับว่าจ้าง "คนนามสกุลเดียวกัน" ทำแผนประชาสัมพันธ์เชิงรุกเล่นงาน ทักษิณ ชินวัตร ด้วยงบหลวง 12 ล้านบาท

แผนการที่ได้ตระเตรียมไว้อย่างเป็นระบบนี้ น่าแปลกตรงที่ฝ่ายตรงกันข้าม แม้จะพยายามปฏิเสธความ "ไม่เกี่ยวข้อง" กันระหว่างกลุ่มต่างๆ ที่ออกมาต่อต้านรัฐบาลและ คมช.

แต่จังหวะก้าวของทุกกลุ่ม กระทั่งความเคลื่อนไหวผ่านเวบไซต์ www.hi-thaksin.org ก็ล้วนเป็นไปในทิศทางเดียวกัน

ไม่เว้นกระทั่งกลุ่ม "ขงเบ้ง" และพวกอันประกอบไปด้วย แกนนำพรรคพลังแผ่นดินไทย รวมถึง "ลูกกระเดือกขงเบ้ง" อย่าง "ผู้กว้างขวางย่านฝั่งธน" และลิ่วล้อหญิงเหล็กอย่าง "ผู้มีอิทธิพลย่านคลองเตย" ที่โคจรไปอยู่วังวนเดียวกัน

ความเคลื่อนไหวของทุกกลุ่มแม้ดูเหมือนจะต่างคนต่างอยู่ แต่ก็เป็นลักษณะ "แยกกันเดิน รวมกันตี"

เพราะมียุทธศาสตร์ในการมองเกมที่ดูละม้ายและเชื่อมโยงกันกับ "นายใหญ่" อย่างแยกไม่ออก


"ขงเบ้ง" เคยเรียกระดมสมองผู้เกี่ยวข้องทั้งหลาย


พร้อมกับประเมินสถานการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นว่า จะเกิดปฏิวัติซ้ำในไม่ช้า

และคนที่จะทำก็คือ "น้องพรั่ง" .

เพราะฉะนั้นเกมการเมืองที่วางหมากไว้ก็คือ การพุ่งเป้าไปที่การยั่วโทสะ "พล.อ.สพรั่ง"

พร้อมกับปั่นสถานการณ์ให้เกิดความรุนแรง

ยั่วยุให้ "คมช." ต้องใช้กำลังเข้าระงับเหตุการณ์ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง

ขณะเดียวกันก็จับจุดอ่อนใน คมช.โดยเฉพาะการตั้งประเด็น "เสี้ยม" ให้เกิดความแตกแยกและขัดแย้งกันใน คมช.

โดยอาศัยการปีนเกลียวกันระหว่าง "นายทหารอาชีพ" และ "นายทหารการเมือง" ใน คมช.

เหตุการณ์ดิสเครดิตล่าสุด ที่จนบัดนี้ยังไม่ได้รับคำชี้แจงจากปาก "พล.อ.สพรั่ง" จึงได้กลายเป็นประเด็นร้อนที่ฝ่ายตรงกันข้ามหยิบไปโจมตีไม่ยั้ง

และเป็นประเด็นที่ฝ่ายตรงข้ามบรรลุเป้าหมายในการ "เสี้ยม" ให้การปีนเกลียวกันใน คมช.และกองทัพนั้นชัดเจนยิ่งขึ้น

การจงใจอ้างถึงนายทหารยศ "พันเอก" นั้น มองเป็นอื่นไปไม่ได้ นอกจากความต้องการขยายแผลให้กว้างขึ้น


สะท้อนให้เห็นถึง "ความไม่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน" ในกองทัพและ คมช.


แสดงให้เห็นว่ามีกลุ่มผู้เสียประโยชน์ และไม่พอใจแกนนำ คมช.และผู้บัญชาการเหล่าทัพพร้อมที่จะเป็น "หนอนบ่อนไส้" ได้ทุกเมื่อ

แสดงให้เห็นว่ายังคงมี "คลื่นใต้น้ำ" ที่จงรักภักดีต่อขั้วอำนาจเก่าปะปนอยู่ในกองทัพชนิดหาตัวจับได้ยาก

จงใจให้เกิดความ "หวาดระแวง" พวกเดียวกันเอง

สังเกตได้จาก พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ถึงกับสั่งตั้งกรรมการสอบหามือดีที่ปล่อยเอกสารให้ฝ่ายตรงข้าม

เพราะการที่ "เอกสารลับ" หลุดรอดออกมานั้น โอกาสที่จะออกมาจากคนนอกเป็นไปได้น้อยมาก

แม้อาจจะประเมินได้ว่า เอกสารดังกล่าวอาจหลุดออกจากทีมงานของ ดร.เชียรช่วง กัลยาณมิตร โอกาสก็ยังเป็นไปได้น้อย

ขณะที่ประเด็นเรื่องการห้ำหั่นกันเองเพื่อหวังชิงตำแหน่ง "ผบ.ทบ." ของ 5 เสือในปลายปีนี้ ก็ถูกจับตามองไม่แพ้กัน


ไม่ว่าจะเป็น พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก


ที่อาจมีรายการพลิกผันแซงโค้งสุดท้าย

ขณะที่ พล.อ.มนตรี สังขทรัพย์ เสนาธิการทหารบก ก็เป็นคู่ท้าชิง ที่มีความสนิทสนมกับหลังบ้านของ "ประธาน คมช." ไม่น้อย

หรือแม้แต่ พล.อ.วินัย ภัททิยกุล เลขาธิการ คมช.ในฐานะเพื่อนร่วมรุ่น ก็ยังแอบลุ้น

ประเด็นนี้ก็อยู่ในข่ายที่เป็นไปได้ เพราะเมื่อเทียบฟอร์มกันแล้วผู้ที่ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบก็คือ "พล.อ.สพรั่ง" เพราะเจอข้อหาติดปลายนวมเพียบปานนี้

แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม สิ่งที่ชัดเจนที่สุดจากกรณีที่เกิดขึ้นก็คือ คมช.จะลำบากมากขึ้น

เพราะต้องเผชิญกับ "หนอนที่มองไม่เห็น"


ที่สำคัญคือต้องระแวดระวังอย่างหนักเพื่อไม่ให้ "จุดแข็งกลายเป็นจุดอ่อน"



ขอขอบคุณ : ข้อมูลข่าวที่มีคุณภาพ จาก หนังสือพิมพ์คมชัดลึก


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์