จุดยืนแน่วแน่มาตลอด

ตามจับผิดกันได้ไม่ยาก เพราะ ไม่วันใด ก็วันหนึ่ง ความจริงที่อำพรางไว้ต้องฟ้องออกมาด้วยคำพูดหรือ พฤติกรรมการกระทำ

ฟ้องธาตุแท้ตัวตนที่แท้จริง

นับจากเหตุรัฐประหารวันที่ 19 กันยายน 2549 มาถึงตอนนี้ "ทีมข่าวการเมืองไทยรัฐ" ค่อนข้างจะเชื่อในหัวจิตหัวใจ

วิญญาณนักประชาธิปไตยคนสองคน

กับท่าทีล่าสุดของ นายจาตุรนต์ ฉายแสง รักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ออกมาเบรกเกมอดีต ส.ส.ลูกพรรค ขู่จะเกณฑ์ประชาชนผู้สนับสนุนบุกยึดศาลากลางจังหวัดประท้วง

"แกนนำพรรคได้หารือและมีมติเป็นเอกฉันท์ว่า จากนี้เป็นต้นไปจนถึงวันที่ 30 พฤษภาคม จะไม่มีการกดดันใดๆต่อตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และหลังการตัดสินคดี ไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไร พรรคมั่นใจว่ามีทางออกและมีแนวทางที่จะสามารถ รวบรวม ผู้สนับสนุนพรรค เพื่อร่วมกันต่อสู้ทางการเมืองในระบบรัฐสภา แบบสันติวิธี

สำหรับความคิดที่จะรวบรวมประชาชนไปยึดศาลากลางจังหวัด มันไม่เกิด ประโยชน์ สุดท้ายก็โดนตำรวจจับ ซึ่งพรรคจะเสนอทางเลือกใหม่คือ ให้ยึดทำเนียบรัฐบาล โดยผ่านกระบวนการเลือกตั้ง ให้พรรคได้เสียง ข้างมากในสภาฯ เพื่อเข้าไปบริหารบ้านเมืองและแก้ปัญหาให้ประชาชน"

แม้จะอยู่ในสถานการณ์ล่อแหลม แนวโน้มเป็นตายทางการเมืองเท่ากัน

"จาตุรนต์" ก็ยังยืนหยัดจะสู้ในกติกา

ไม่เร้าไปตามบรรยากาศดุเดือดของคนรอบตัว ไม่เคยเล่นบทยั่วให้เกิดความรุนแรง

และที่โชว์สปิริตแรงกล้าเลย รักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทยพูดถึงกรณี ที่มีการแสดง ความเห็นว่า หากยุบพรรคไทยรักไทยหรือประชาธิปัตย์ พรรคใดพรรคหนึ่งก็ต้องยุบ อีกพรรคหนึ่งด้วยนั้น พรรคไทยรักไทยไม่เห็นด้วยกับความคิดนี้

ประกาศพร้อมตายเดี่ยว

แต่ขอให้เป็นไปตามหลักนิติธรรม เพื่อเป็นบรรทัดฐานกรณีศึกษาในอนาคต

จากคิวของ "จาตุรนต์" ก็มาถึงรายของ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี นายทหารใหญ่ผู้ท่องคาถาประชาธิปไตย

พูดถึงการเลือกตั้งวันละ 3 เวลาหลังอาหาร

ล่าสุดให้สัมภาษณ์กรณีที่ พล.อ.บุญรอด สมทัศน์ รมว.หลาโหม ออกมาปูดปริศนาเป็นทำนอง จะเกิดการปฏิวัติซ้ำ ขู่พวกที่เคลื่อนไหวต้านรัฐบาลและ คมช. ระวังจะกลับไปย้อนรอยเหตุ รัฐประหารในวันที่ 19 กันยายน 2549

นายกฯสุรยุทธ์ไม่รับมุกเพื่อนซี้

ปฏิเสธเต็มปากเต็มคำเมื่อวันที่ 20 พฤษภาคมที่ผ่านมา พล.อ.บุญรอดก็มาคุยด้วย ไม่เห็นพูดว่าอะไร คิดว่าคงไม่มีปัญหา เรื่องนี้ต้องไปถาม พล.อ.บุญรอด

"ความตั้งใจของผมคือ ทำงานอย่างเต็มที่เพื่อให้บรรลุตามที่ได้รับมอบหมาย เอาไว้คือ ให้มีการเลือกตั้งที่เป็นที่ยอมรับได้ และเปลี่ยนแปลงไปสู่ระบอบ การปกครอง ตามวิถีทางของประชาธิปไตย ตามที่กำหนดไว้"

"จาตุรนต์-สุรยุทธ์" โดยสถานะที่แตกต่างกันโดยที่มา อยู่กันคนละขั้วทางการเมือง แต่เหมือนกันที่จิตวิญญาณของนักประชาธิปไตย

หลักการแน่นทั้งคู่

แต่ในอารมณ์ที่สวนทางกัน หลักการแน่วแน่แต่ไหนแต่ไร

"บุรุษคาบไปป์" น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ ประธานคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ผู้มองนักการเมืองเป็นตะกวด บนจุดยืนประชาธิปไตยของประเทศไทยยังปล่อยมือไม่ได้

ล่าสุดออกลีลาพลิ้ว บอกปัดมติของคณะอนุกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญกรอบที่ 2 ว่าด้วยสถาบันพรรคการเมือง ที่เสนอให้ตัดมาตรา 68 วรรค 2 ออก

เพราะมีการคัดค้าน และศาลไม่ต้องการเข้าร่วมเป็นองค์กรแก้วิกฤติประเทศ

"ประสงค์" อ้างเป็นแค่ความเห็นในชั้นทำงานของคณะอนุกรรมาธิการ แต่ทั้งหมดต้องขึ้น อยู่กับความเห็นของเสียงส่วนใหญ่ของคณะกรรมาธิการ ยกร่างรัฐธรรมนูญ

ยื้อเปิดทางลัดเข้าทำเนียบรัฐบาลให้ได้.

ขอขอบคุณ : ข้อมูลข่าวที่มีคุณภาพจาก หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ