จี้นายกฯปูเปลี่ยนแผนระบายน้ำ

จี้นายกฯปูเปลี่ยนแผนระบายน้ำ


“เจ๊หน่อย”จี้ นายกฯปู เปลี่ยนแผนระบายน้ำด่วน หากช้าน้ำทะลักกรุงถึงอนุสาวรีย์ชัยฯ ด้าน ทักษิณ ผิดหวัง การทำงานรัฐบาล 
 
วันนี้ ( 19 ต.ค.)  ที่ศปภ. ดอนเมือง  น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และพล.ต.อ.ประชา พรหมนอก ผอ.ศปภ. พร้อมด้วยคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ในฐานะที่ปรึกษาผอ.ศปภ. ได้มีการประชุมด่วนภายหลังจากที่ พล.ต.อ.ประชา และคณะ กลับจากการบินสำรวจสถานการณ์น้ำบริเวณคลองรพีพัฒน์ คลอง 1-12 คลองรังสิตประยูรศักดิ์ และคลองหกวาสายล่าง โดยจากการบินสำรวจพบว่าสภาพน้ำแต่ละคลองมีน้ำเกือบล้นคันคลอง โดยมีแนวคันคลองเหลืออยู่ประมาณ 1 ฟุต และคันคลองรพีพัฒน์มีรอยรั่วแตกเป็นระยะๆ จุดละ 30-70 เมตร ซึ่งได้มีหน่วยทหารเข้าไปซ่อมแซม แต่ก็มีชาวบ้านที่อยู่ริมคลองดังกล่าวมาขัดขวาง เพราะต้องการให้ระบายน้ำออกจากพื้นที่ของตัวเองที่สูงเกือบ 4 เมตร บ้านบางหลังถูกน้ำท่วมจมมิดถึงหลังคา 

ขณะที่ชาวบ้านในพื้นที่คลอง 1-12 รังสิตใต้ ได้ออกมาปักหลักรวมกลุ่มต่อต้านการเปิดประตูระบายน้ำของกรมชลประทาน ซึ่งกรมชลประทานสามารถทำได้เพียงเปิดประตูระบายน้ำคลอง 3, 4 และ 8 เท่านั้น ส่งผลให้ปริมาณน้ำยิ่งเอ่อสูงมากขึ้น ทำให้จุดที่คลอง 6 มีน้ำสูงเลยคันคลองรพีพัฒน์ไปแล้ว น้ำจึงไหลบ่าเข้าท่วมพื้นที่รังสิต-องครักษ์ ทำให้น้ำในคลองรังสิตประยูรศักดิ์อยู่ในขั้นวิกฤต จนน้ำเอ่อล้นเข้าไปท่วมโรงเรียนฤทธิยะวรรณาลัย 2 ที่เป็นจุดที่อันตรายที่สุด เพราะเป็นจุดที่น้ำจะไหลเข้าสู่คลองหกวาสายล่าง ซึ่งทางกทม.ได้ระดมเจ้าหน้าที่จำนวนหลายคนและเชิญชวนประชาชนให้มาร่วมทำกระสอบทรายเสริมคันกั้นน้ำ เนื่องจากเป็นปราการด่านสุดท้ายที่จะป้องกันน้ำเข้าสู่พื้นที่กทม. แต่ถ้ารักษาจุดนี้ไว้ไม่ได้ จะทำให้น้ำเข้าสู่พื้นที่กทม.ชั้นในทันที เช่น เขตดอนเมือง สายไหม บางเขน 
                
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า การเรียกประชุมด่วนดังกล่าวนั้นเป็นเพราะสถานการณ์น้ำเข้าขั้นวิกฤตแล้วที่จะต้องให้นายกรัฐมนตรีตัดสินใจปรับเปลี่ยนมาตรการระบายน้ำอย่างทันที เพราะถ้าไม่ทำในวันนี้(19 ต.ค.) ก็จะป้องกันกทม.ชั้นในไว้ไม่ได้ เนื่องจากปริมาณน้ำที่ค้างอยู่ในทุ่งรังสิต ทุ่งบางปะอิน พื้นที่รอยต่ออยุธยา-ปทุมธานี-กรุงเทพฯ มีมากกว่า 8,000 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งแนวคันกั้นน้ำตามคลองต่างๆก็ไม่สามารถรับแรงน้ำจำนวนมหาศาลขนาดนี้ และคันกั้นน้ำจะพังลงเกือบทุกจุด เพราะการระบายน้ำเป็นไปได้ช้า เนื่องจากแม่น้ำเจ้าพระยาสามารถระบายได้เพียงไม่ถึง 200 ล้านลูกบาศก์เมตร ขณะที่ฝั่งตะวันออกที่รัฐบาลพยายามให้ผันน้ำลงไปนั้นและได้ขุดลอกคูคลองอีก 6-7 คลอง ก็สามารถระบายได้แค่ 26 ล้านลูกบาศก์เมตร ส่วนการระบายไปฝั่งตะวันตกทำได้ 60 ล้านลูกบาศก์เมตร 
                
ทั้งนี้ คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวก่อนการประชุมว่า เท่าที่ดูสถานการณ์น้ำแล้ว เห็นว่าการระบายน้ำทำได้ยากลำบาก และเห็นว่าอาจจะให้ผลักดันออกทะเลตามแนวทางเดิม ซึ่งจะทำให้น้ำทะลักเข้าท่วมพื้นที่ใจกลาง กทม.ก่อน เพราะการทำคันกั้นน้ำไว้เป็นบล็อกๆนั้นจะยิ่งเพิ่มแรงดันน้ำมากขึ้น ส่งผลให้น้ำทะลุตรงกลาง อาจท่วมเข้าถึงบริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิได้ในเวลาไม่นาน ตนจึงเห็นว่าเป็นสถานการณ์วิกฤตที่จะต้องเข้ามาช่วย ซึ่งตนได้เสนอให้ผันน้ำออกไปทางพื้นที่ จ.นครนายก และฉะเชิงเทรา รวมถึงกรุงเทพฯต้องรับน้ำบางส่วน เพื่อแบ่งเบาภาระและเฉลี่ยปริมาณน้ำ ทำให้พื้นที่ที่มีน้ำท่วม จะมีน้ำท่วมไม่สูงถึง 3-4 เมตร ซึ่งพล.ต.อ.ประชา เห็นด้วยกับแนวทางของตน และจะนำไปหารือกับนายกรัฐมนตรีอีกครั้งว่าจะตัดสินใจอย่างไร
                
ดิฉันมาวันนี้ ก็มาช่วย ไม่ได้รับคำสั่งจากใครมา แต่ก็ยอมรับว่ามีคำแนะนำมาจากหลายที่ ซึ่งต้องนำดำเนินการช่วยกันระดมสมองให้ระบายน้ำออกไปให้เพราะน้ำจำนวนเป็นหมื่นกว่าล้านลูกบาศ์กเมตรจะต้องหาทางระบายออกทะเลให้เร็วที่สุดจะให้มากองไว้พร้อมจะโจมตีเข้ากรุงเทพฯได้อย่างไร”คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เริ่มไม่พอใจการทำงานของรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่ไม่สามารถบริหารจัดการปัญหาอุทกภัยได้และไม่มีความชัดเจนในการทำงานของรัฐมนตรีแต่กระทรวง โดย พ.ต.ท.ทักษิณ ยังได้กล่าวกับคนใกล้ชิดอีกว่าในการบริหารงานแก้ไขปัญหาน้ำครั้งนี้ให้ นายปลอดประสพ สุรัสวดี รมว.วิทย์ เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 1 พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.คมนาคม เป็นนายกฯคนที่ 2 และ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รมว.ยุติธรรม และผอ.ศูนย์ ศปภ.เป็นนายกฯคนที่ 3 และยังกล่าวอีกว่าค่อนข้างผิดหวังกับการทำงานของรัฐบาลน้องสาวซึ่งไม่เหมือนกับการทำงานของรัฐมนตรีชุด บ้านเลขที่ 111 จึงได้สั่งให้สมาชิกบ้าน 111 เข้ามาร่วมกันไขปัญหาครั้งนี้ด่วน

พล.ร.อเกาะหลัก เจริญรุกข์ รองประธานคณะกรรมการระบบเตือนภัยแห่งชาติ กล่าวว่า วันนี้รัฐบาลต้องตัดสินใจว่าจะระบายน้ำจำนวนมหาศาลที่กองอยู่เหนือกรุงเทพฯ ต้องระบายลงทะเลทันทีเพราะธรรมชาติของน้ำต้องไหลลงทะเล จะเห็นว่าที่กั้นมาพังทุกจุดไม่กั้นอย่างไรน้ำก็โจมตีได้หมดเพราะนโยบายรัฐบาลไปเพิ่มแรงน้ำให้อาละวาดได้มากขึ้น และยิ่งเมื่อกั้นมากๆจะกลายเป็นสินามิ ที่พุ่งเข้าโจมตีกรุงเทพฯ ขณะนี้นายกรัฐมนตรี ต้องตัดสินได้เลยว่าให้ปล่อยน้ำระบานผ่านกรุงเทพฯออกไปลงทะเลเพราะความจริงแล้วกรุงเทพฯคือทางผ่านน้ำเหนือที่จะต้องไหลลงทะเลทุกปี



เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์