จำลอง โต้ไม่เคยพาคนไปตาย

โดย ผู้จัดการออนไลน์ 12 มีนาคม 2549 23:53 น.

"จำลอง" โต้ เหตุการณ์เมื่อเดือนพฤษภาคม 2535 ทำให้โดนกล่าวหาเรื่อยมาว่า พาคนไปตาย ทั้งที่ความเป็นจริง ในช่วงที่รัฐบาลใช้กำลังสลายการชุมนุม พล.ต.จำลองโดนขังอยู่ในคุก ไม่รู้ข่าว และเหตุการณ์ภายนอกเลย อีกทั้งยังถูกใส่ความหลายเรื่องว่าปฏิบัติตัวไม่เหมาะสมในการเข้าเฝ้าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ขึ้นกล่าวบนเวที ท้องสนามหลวง เมื่อเวลาประมาณ 20.55 น. ให้ข้อมูลอย่างย่อกับประชาชนถึงเหตุการณ์ก่อนหน้าการเข้าเฝ้าฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพร้อมกับพล.อ.สุจินดา คราประยูร เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2535 ว่าช่วงที่รัฐบาลใช้กำลังสลายการชุมนุม พล.ต.จำลองถูกขังอยู่ในคุกและไม่ได้รู้ข่าว รู้เหตุการณ์ภายนอกเลย

พล.ต.จำลอง เล่าให้ฟังว่า ถูกจับกุมไปคุมขังที่โรงเรียนนายสิบตำรวจที่บางเขน ในวันที่ 18 พ.ค. 2535 จากนั้นถูกย้ายสถานที่คุมขังอย่างเร่งร้อน โดยถูกควบคุมตัวไปขังที่กองพันสารวัตรทหารอากาศในวันรุ่งขึ้น จนกระทั่งค่ำวันที่ 20 จึงได้รับแจ้งว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระราชกระแสรับสั่งให้เข้าเฝ้าฯ

"วันที่ 10 พ.ค. 35 เรามีการประชุมกันตอนอยู่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เราบอกว่านายกฯ-รัฐบาลตอนนั้นบอกว่าจะทำตามที่เราขอร้อง เสียงส่วนใหญ่เลยตกลงกันว่าหยุด ... แต่พอถึงวันที่ 17 พ.ค. รัฐบาลเพิ่มความกดดันมากเข้าคล้ายกับตอนนี้ จนประชาชนไม่สบายใจ ปิดการสื่อสาร โทรทัศน์วิทยุไม่ออกข่าว ประชาชนเลยแห่มาเต็มสนามหลวง แล้วปรากฎรัฐบาลเบี้ยว ไม่ทำอะไรสักอย่าง เราเลยตกลงกันว่าเดินไปทำเนียบ"

จนช่วงบ่ายวันที่ 18 พ.ค. พล.ต.จำลองถูกจับกุม "เขามาจับผม แล้วจะจับเมียผมด้วย เขาจะจับคุณศิริลักษณ์ แต่จับผิด ไปจับคุณอัญชลีแม่ค้าผ้า ที่ใส่เสื้อสีขาวเหมือนกัน ... จับผมเป็นเชลยแล้วเอาผมไปขังที่โรงเรียนนายสิบตำรวจบางเขน กวาดประชาชนไปด้วยอีกเป็นพันๆ ผมก็คิดว่าเหตุการณ์สงบเรียบร้อยแล้ว พล.ต.ท.ธนู หอมหวล ไปพบผมด้วยหน้าตาหม่นหมอง บอกว่าพี่จัดห้องสำหรับจำลองโดยเฉพาะแล้ว ผมบอกไม่ได้ เขาก็เอาผมไปขังตารางตรงกลาง ใหญ่กว่ากรงหมาหน่อย

ตอนเช้ามีจดหมายน้อยๆ ปาเข้ามากรงผม ´หนูดีใจค่ะที่ติดตาราง ... ติดตารางรุ่นเดียวกับท่านค่ะ´ แล้วเขาก็เอาผมไปแยกขังเดี่ยวอีก พรากจากประชาชนไปเลย การขังเดี่ยวอย่างนี้เขาจะต้องขนไปตอนกลางคืน เพื่อไม่ให้มีการชิงผู้ต้องหา ในกรณีสำคัญๆ นี้ แต่ตอนนั้นเขาเร่งร้อนมาก เอากลางวันแสก ไปขังที่กองพันสารวัตรทหารอากาศ"

จากนั้นจึงได้รับแจ้งในช่วงค่ำวันที่ 20 พ.ค. ว่าจะต้องเข้าเฝ้าฯ แต่ก็ไม่ได้รับอนุญาตให้กลับบ้านแถวราชวัตรซึ่งอยู่ไม่ไกลกันเพื่อเปลี่ยนเครื่องแต่งกายให้เหมาะสม

"ผมบอกพี่ (พล.อ.อิสระพงศ์ หนุนภักดี) ผมขอไปเปลี่ยนเสื้อผ้าได้ไหม บ้านผมอยู่แค่นี้ บ้านราชวัตร ท่านว่า อย่าเลย ในหลวงท่านมีรับสั่งให้เข้าเฝ้าด่วน ผมก็ต้องใส่ชุดนั้นไป พอเข้าไปถึงในวังในหลวงเสด็จประทับเสร็จแล้ว แต่คนที่ถือไมโครโฟนสำหรับอัดเสียง เนื่องจากเป็นเหตุการณ์คับขันเหลือเกินเขาก็กลัว ไม่เอาไมโครโฟนเข้าใกล้พระพักตร์ ไปซะไกลเชียว ผมก็ว่าแล้ว ถ้าเอาวิดีโอไปออกโดยไม่ปรับปรุงอะไรคนก็ไม่เข้าใจ แต่หนังสือพิมพ์บางฉบับเขาก็เอามาออกคำต่อคำ ในหลวงท่านก็ตรัสเหมือนที่โทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจ สั้นๆ ย่อๆ คือ ขอให้ทั้งสองฝ่าย คือ สุจินดา กับจำลอง หันหน้าเข้าหากัน อย่าเผชิญกัน แล้วทำให้บ้านเมืองสงบ"

"ก่อนที่พระองค์ท่านจะตรัส ผมรู้แล้วว่าผมแต่งตัวอย่างนี้ จะต้องมีคนกล่าวหาผม ผมเลยก้มลงกราบ ขอพระราชทานอภัยที่ข้าพระพุทธเจ้าแต่งกายไม่เหมาะสมในการเข้าเฝ้า ทรงตรัสสั้นๆ ว่า ไม่เป็นไร และเนื่องจากผมเป็นนักปฏิบัติธรรม นั่งพับเพียบพุงไม่มี เวลานั่งเลยนั่งตัวตรง"

"ออกมาโดนสองข้อกล่าวหา ข้อแรก หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ แต่งกายไม่เหมาะสม เอาเสื้อมาให้เลือกหกชุดยังไม่เอา สอง หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ นั่งขัดสมาธิ เข้าเฝ้าในหลวง"

"พอออกจากวังผมก็กลัวลูกน้องพี่ๆ จะไปส่งกลางทาง ผมเลยบอกว่า พี่ ขอติดตารางต่ออีกคืนหนึ่ง แถมให้ด้วย แท้ที่จริงคือ ขังเขาต้องมีผู้คุม เป็นอะไรไปต้องมีคนรับผิดชอบ รุ่งขึ้นผมถึงกลับบ้าน ถึงได้รู้ว่ามีการฆ่ากันตาย และฆ่ากันตายนอกพื้นที่ด้วย ตามไปฆ่ากัน"

ผมกลัวคนเข้าใจผิดว่า ผมพาคนไปตะลุยกับทหารตำรวจแล้วพวกเราถูกฆ่าตายเลยมีรับสั่งให้เข้าเฝ้าฯ ไม่ใช่นะครับ ... ในคราวนั้นพี่น้องก็ทราบ ในหลวงท่านไม่ได้ตรัสตำหนิเลยว่าฝ่ายนี้ทำให้คนตาย เพราะทรงทราบดีว่า เราไม่ได้เดินไปเหยียบกันตาย ที่ตายตายเพราะทหารตำรวจต่างหาก และเกิดขึ้นตอนที่ผมติดคุกอยู่

ทั้งนี้ นายจำลองถึงการที่พ.ต.ท.ทักษิณ ชักชวนให้เกษตรกรเดินทางด้วยรถอีแต๋นเข้ากรุงเทพฯ ในวันที่ 14 พ.ค. ด้วยว่า ไม่เพียงสร้างความแตกแยก แต่ยังเป็นการข่มขู่ผู้ชุมนุมที่ท้องสนามหลวง แต่ผู้ชุมนุมไม่ต้องกลัว เพราะเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารยุคนี้คิดใหม่ทำใหม่ และได้เตรียมการป้องกันเหตุอันตรายหรือการปะทะกันไว้เรียบร้อยแล้ว

"พี่น้องคิดดีๆ นายกรู้แล้วว่าวันที่ 14 จะเป็นการชุมนุมครั้งใหญ่สุด แต่เขาต้องการให้เยอะกว่านั้นอีก เลยไปเชิญคนต่างจังหวัดมา เชิญคนกรุงเทพมา เอาตำรวจมาด้วย สนุกแน่นอน แล้วปลอดภัยแน่ มีคนบอกว่าเราจะทำสำเร็จหรือ ในฐานะที่ผ่านมาแล้วหลายเหตุการณ์ ยืนยันว่า สำเร็จแน่ครับ"