จาตุรนต์เชียร์แก้ รธน. 50 ย้ำที่มาจากรัฐประหาร

นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตหัวหน้าพรรคไทยรักไทย (ทรท.) กล่าววานนี้ (5 เม.ย.)

ถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ว่า ประเทศไทยเสียหายจากรัฐประหารเมื่อวันที่
19 ก.ย. 2549 และจนถึงปัจจุบันผ่านการเลือกตั้งได้ประชาธิปไตยคืนมาเพียงบางส่วน แต่ประเทศยังไม่เป็นประชาธิปไตยจริง เพราะกติกาสำคัญสูงสุดของประเทศถูกกำหนดและเป็นผลผลิตมาจากการรัฐประหาร ดังนั้น จึงมีความจำเป็นต้องต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยกันต่อไป ซึ่งปัญหาใหญ่ที่สุดของรัฐธรรมนูญ คือ ความไม่เป็นประชาธิปไตย  

อดีตหัวหน้าพรรคไทยรักไทย กล่าวถึงข้อเสนอการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า


1.ให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญแบบยกเครื่อง หรือจะเรียกว่า ทั้งฉบับ แต่เนื้อหาบางหมวดไม่จำเป็นต้องแก้ให้แก้เรื่องสำคัญทุกเรื่องที่เป็นปัญหา อย่างไรก็ตาม เพื่อให้ง่ายให้คงบางหมวดที่ไม่ต้องแก้ไว้และที่เหลือให้ใช้รัฐธรรมนูญปี 2540 เป็นหลัก 2. ควรมีการแก้รัฐธรรมนูญให้แล้วเสร็จทั้งหมด ภายในเวลาไม่เกิน 180 วัน และ 3. เปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วม โดยพรรคการเมืองหารือกับองค์กรประชาธิปไตยรับฟังความเห็นจากฝ่ายต่างๆส่วนจะมีสภาร่างรัฐธรรมนูญ(ส.ส.ร.)แบบปี2540หรือไม่นั้นเป็นเรื่องที่พรรคการเมืองจะหารือกับองค์กรประชาธิปไตยที่มีความมุ่งมั่นจะแก้รัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตย
 


สำหรับถึงกรณีที่มีการวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลว่า แก้รัฐธรรมนูญเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง นายจาตุรนต์ กล่าวว่า


เรื่องใดที่เกี่ยวกับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร(ส.ส.)เท่ากับเป็นการแก้เพื่อตัวเองนั้นเป็นการให้เหตุผลที่ไม่ตรงกับหลักการประชาธิปไตย ที่หลักการประชาธิปไตยทั่วโลก ผู้ที่มีอำนาจในการแก้รัฐธรรมนูญ เป็นอำนาจหน้าที่ของรัฐสภา ไม่ได้ให้คนอื่นมาแก้ได้
 เพราะอำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชน ดังนั้น ส.ส. สมาชิกรัฐสภา เป็นผู้มีหน้าที่โดยตรง และมีอำนาจในการแก้รัฐธรรมนูญ 
 

อดีตหัวหน้าพรรคไทยรักไทยกล่าวถึงกระแสต่อต้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือปกป้องรัฐธรรมนูญ ว่า


ต้องมีแน่นอนแต่ถ้าการต่อต้านอยู่ในกรอบของกฎหมายก็ไม่มีปัญหาอะไรสามารถชี้แจงแสดงเหตุผลกันได้ ส่วนกรณีที่อาจารย์คณะนิติศาสตร์ ไม่เห็นด้วยกับการแก้รัฐธรรมนูญมาตรา
237 เรื่องยุบพรรค เพราะขัดกับหลักนิติรัฐนั้น มองว่า รัฐธรรมนูญ ปี 2540 เรื่องยุบพรรคปัญหาไม่ร้ายแรงเท่ารัฐธรรมนูญ ปี 2550 ที่เหตุผลในการยุบพรรคขัดกับหลักนิติธรรมอย่างร้ายแรง  

คนเดียวทำผิดในเขตเลือกตั้งเขตเดียว อาจนำไปสู่การเปลี่ยนรัฐบาล เปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีทั้งคณะเพิกถอนสิทธินักการเมือง เกิดการเปลี่ยนขั้วรัฐบาล บังคับให้ ส.ส. จำนวนครึ่งสภาฯ ต้องเปลี่ยนพรรคการเมือง ทั้งหมดนี้จะเกิดขึ้นได้จากการกระทำของคนๆ เดียว และโดยการตัดสินของคนเพียง 14 คน ที่ไม่เป็นประชาธิปไตยและไม่สอดคล้องกับหลักนิติธรรม ทั้งนี้ เชื่อว่า ปัญหามาจากการขาดความเข้าใจเรื่องกฎหมายมหาชน
นายจาตุรนต์ กล่าว

เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์