จับตาแถลงนโยบาย ห้วง4ปีรัฐบาลสมัคร

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (18 ก.พ.) นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จะนำคณะรัฐมนตรี (ครม.) แถลงนโยบายต่อรัฐสภา

ซึ่งจะเริ่มขึ้นในเวลา 09.30 น. ที่อาคารรัฐสภา กำหนดใช้ระยะเวลาอภิปรายรวม 36 ชั่วโมง โดยมีสัดส่วนของฝ่ายพรรคร่วมรัฐบาล 10 ชั่วโมง ฝ่ายค้าน 13 ชั่วโมง สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) 9 ชั่วโมง และคณะรัฐมนตรี 4 ชั่วโมง ทั้งนี้ จะไม่รวมกับเวลาของนายกรัฐมนตรี ผู้นำฝ่ายค้าน และหัวหน้าพรรค
 

ซึ่งหลังจากเปิดประชุมแล้ว นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี จะเป็นผู้อ่านคำแถลงนโยบายต่อรัฐสภา

โดยยก 19 นโยบายเร่งด่วนที่จะดำเนินการในปีแรก และนโยบายระยะยาวช่วง 4 ปี ชี้แจงสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) และสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) พร้อมเปิดโอกาสอภิปรายเต็มที่ รัฐบาลกำหนดหลักการที่จะบริหารประเทศในช่วง 4 ปีที่สำคัญไว้ 2 ประการ คือ การสร้างความสมานฉันท์ในชาติ และ การสร้างความสมดุลและภูมิคุ้มกันให้แก่เศรษฐกิจของประเทศ โดยประเด็นหลักคือการเตรียมความพร้อมเพื่อเผชิญผลกระทบจากปัจจัยภายนอก 2 ประการ คือ ปัญหาซับไพร์มและปัญหาราคาน้ำมันแพง
 

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า สำหรับการแถลงนโยบายรัฐบาลวันนี้ ทั้งรัฐบาลและพรรคฝ่ายค้านได้กำชับสมาชิกพรรคให้อภิปรายโดยให้เน้นสาระเป็นหลัก การแถลงนโยบายของรัฐบาลต่อรัฐสภา และการอภิปรายนโยบายครั้งนี้ มีกำหนดประชุมร่วมกัน 3 วัน ระหว่างวันที่ 18-20 ก.พ.นี้


สำหรับนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลแบ่งออกเป็น 4 กลุ่มด้วยกัน

กลุ่มที่เป็นเรื่องนโยบายสมานฉันท์ การแก้ไขปัญหายาเสพติดและปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน กลุ่มที่ 2 นโยบายการเพิ่มรายได้และลดรายจ่ายของประชาชน กลุ่มที่ 3 นโยบายเศรษฐกิจการลงทุน กลุ่มที่ 4 จะเป็นนโยบายอื่นๆ ทั้งนี้ เนื้อหาโดยรวมเน้นไปที่การสร้างความปรองดองสมานฉันท์ของคนในชาติ การแก้ไขปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ เร่งรัดปราบปรามผู้มีอิทธิพลและยาเสพติด โดยใช้กระบวนการมีส่วนร่วมของชุมชนควบคู่กับมาตรการปราบปรามและบังคับใช้กฎหมายอย่างเป็นธรรม 
 

เรื่องปากท้องของประชาชนก็เป็นเรื่องเร่งด่วนที่รัฐบาลให้ความสำคัญที่จะเข้ามาดำเนินการโดยเร็ว


ไม่ว่าจะเป็นมาตรการในการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนและผู้ประกอบการ ดูแลเสถียรภาพของค่าเงินบาท ตลอดจนระดับราคาสินค้าอุปโภคบริโภคและราคาพลังงาน ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมและเป็นธรรมแก่ผู้บริโภคและผู้ผลิต รวมทั้งการเพิ่มศักยภาพของกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง ให้เป็นแหล่งเงินหมุนเวียน สามารถยกระดับเป็นธนาคารหมู่บ้านและชุมชน การสร้างงบประมาณตามขนาดประชากร
SML ให้ครบทุกหมู่บ้านและชุมชน

การสร้างโอกาสให้ประชาชนได้มีที่อยู่อาศัยอย่างทั่วถึง

เช่น โครงการ " บ้านเอื้ออาทร " " บ้านรัฐสวัสดิการ " และ " บ้านหลังแรก " การขยายศูนย์ซ่อมสร้างเพื่อชุมชน (
Fix-it Center) และสถาบันอาชีวศึกษา ในการให้คำแนะนำและถ่ายทอดความรู้การใช้ การดูแลรักษาและซ่อมบำรุงเครื่องมืออุปกรณ์การประกอบอาชีพ เครื่องใช้ในครัวเรือน การเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการโครงการหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ ปรับโครงสร้างหนี้ของเกษตรกรรายย่อยและยากจน การพัฒนาระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล 9 สาย
 


นอกจากเรื่องปากท้องและการสร้างรายได้ให้กับประชาชนแล้ว ยังมีนโยบายเร่งด่วนที่เกี่ยวเนื่องกับภาวะปัจจุบัน


คือ การเร่งรัดมาตรการและโครงการเพื่อบรรเทาผลกระทบจากวิกฤติโลกร้อน โดยส่งเสริมและสนับสนุนการมีส่วนร่วมของประชาชน ธุรกิจเอกชน และชุมชน ให้มีจิตสำนึกในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ โดยเฉพาะการปลูกและฟื้นฟูทรัพยากรป่า ได้รวมทั้งสนับสนุนการใช้พลังงานทางเลือกจากวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรในระดับครัวเรือน เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์