จับตาพรก.โอนหนี้กองทุนฟื้นฟูฯให้ธปท.

จับตาพรก.โอนหนี้กองทุนฟื้นฟูฯให้ธปท.


"อภิสิทธิ์" จับตา “พรก.โอนหนี้กองทุนฟื้นฟูฯ” ให้ “ธปท.” ติง “รบ.” ไม่ทบททวนแผนการใช้เงินแต่กลับระดมเงินมาอยู่ในมือมาก ๆ และใช้จ่ายโดยไม่ต้องมีการตรวจสอบ แนะ “ยิ่งลักษณ์” ดูแลแนวทางการบริหารให้เป็นเอกภาพ ประธานสภาฯระบุพิจารณางบฯปี55เรียบร้อย วันที่ 2 เริ่มในมาตรา ที่ 4 งบกลาง

ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ วันที่ 5 ม.ค.  นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีมีรายงานระบุมีการพิจารณาร่างพระราชกำหนดปรับปรุงการบริหารหนี้เงินกู้ที่กระทรวงการคลังกู้ เพื่อช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน พ.ศ..... ซึ่งจะเป็นการโอนหนี้ให้ธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ธปท. ในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี แต่สุดท้ายมีมติให้ทบทวนว่า ตนเองยังไม่แน่ใจว่ารูปแบบกฎหมายที่ออกมาเป็นอย่างไร จะต้องตรวจสอบดูรายละเอียดก่อนว่าเข้าเงื่อนไขการเป็นพระราชกำหนดหรือไม่


และคงต้องเข้าไปดูรายละเอียดของกฎหมายแต่ละฉบับที่จะเสนอ โดยรัฐบาลไม่มีการทบทวนแผนการใช้จ่ายงบประมาณเลย แต่พยายามที่จะระดมเงินมา โดยที่ไปกระทบกับธนาคารแห่งประเทศไทยหรือหน่วยงานอื่นก็จะไม่เป็นผลดี และจะเป็นตัวที่ทำให้รัฐบาลไม่ตระหนักถึงภาระที่รัฐบาลก่อเอาไว้
    
นายอภิสิทธิ์ กล่าวด้วยว่า วันนี้คำตอบที่ทุกฝ่ายอยากจะได้คือรัฐบาลจะเอาเงินไปทำอะไร ไม่ใช่ในแง่การเงินการคลังเพียงอย่างเดียว แต่อยากเห็นรายละเอียด ซึ่งจนถึงขณะนี้ยังไม่มี และที่อ้างว่าจะต้องรอให้คณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อวางระบบการบริหารจัดการน้ำ หรือ กยน. และคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อการฟื้นฟูและสร้างอนาคตประเทศ หรือ กยอ. พิจารณาโครงการ ก็จะต้องตอบให้ได้ว่า เหตุใดต้องรีบกู้เงินเข้ามา เพราะหลายโครงการยังไม่ใช้จ่ายเงิน เหตุใดจึงไม่สามารถผลักเข้าสู่ระบบงบประมาณปกติได้ ขณะเดียวกัน ตัวโครงการควรจะต้องมีการเชื่อมโยงและได้รับความเห็นจากประชาชนในพื้นที่ด้วย ไม่เช่นนั้น การทำโครงการต่างๆ จะไม่ราบรื่นซึ่งเรื่องที่ตนเองเห็นด้วยคือกองทุนประกันภัย ที่จะต้องเร่งทำ
    
เมื่อถามว่านโยบายของรัฐบาลที่บีบคั้นแนวทางการทำงานของผู้ว่าการ ธปท.จะมีผลกระทบอย่างไรนายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า คงต้องประเมินผลกระทบในแง่ของปริมาณเงินที่จะเข้าสู่ระบบส่วนหนึ่ง เพราะไม่มีอะไรที่ได้มา โดยไม่มีภาระเกิดขึ้นในภายหลัง ดังนั้น จะต้องจับตาเรื่องเงินเฟ้อ และภาระที่เมื่อสถาบันการเงินแบกรับมากแล้ว จะส่งต่อไปยังประชาชนด้วยดอกเบี้ยที่สูงขึ้นหรือไม่ อย่างไรก็ตามเชื่อว่า ผู้ว่า ธปท. คงอยู่ในตำแหน่งและทำหน้าที่ต่อไป
    
สำหรับความขัดแย้งในการทำงานระหว่าง นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กับนายธีรชัย ภูวนารถนรานุบาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ความเห็นที่ไม่ตรงกัน ไม่ใช่เรื่องแปลก แต่จะต้องมีข้อยุติ และต้องให้นโยบายสม่ำเสมอ ซึ่งจุดนี้เป็นเรื่องที่หัวหน้ารัฐบาลจะต้องช่วยดูแลแนวทางการบริหาร เพื่อให้เกิดความเป็นเอกภาพ และทิศทางในการทำงาน



เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์คมชัดลึก

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์