จับตาขิงแก่ติดเทอร์โบ คาดโทษ รมต.-ไล่บี้ทักษิณ

หากจะให้พิจารณาอากัปกิริยาของ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์


นับจากประกาศว่าจะเปลี่ยนวิธีการทำงานรูปแบบใหม่ ในเวทีนายกฯ พบสื่อทำเนียบ ครั้งที่ 6 เป็นแนวในการถอดรหัสสองประเด็นร้อน

จะเห็นได้ชัดเจนเลยว่า หัวหน้าคณะขิงแก่กำลังเร่งปรับวิธีการทำงานใหม่ทั้งกระบวนทัพให้มีความกระชับขึ้น

ตั้งแต่เชิญ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ประธาน คมช.มาร่วมประชุม ครม.ในช่วงก่อนเข้าสู่วาระการประชุม เรื่องนี้ก็มีนัยว่า สิ่งใดที่ คมช.ข้องใจก็สอบถามรัฐมนตรีเจ้าของเรื่องได้ทันที


ประเด็นแรกคือ นายกฯ ได้บอกว่า


ผลจากการหารือร่วมกับ โฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ และ ไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม รองนายกฯ นั้น ทุกกระทรวงต้องขันนอตฟิตเครื่องให้เดินหน้าเต็มสูบ

สมมติว่าถ้าสถานการณ์เป็นอย่างนี้ไปเรื่อยๆ โดยไม่มีอุปสรรคใดๆ นั้น นายกฯ คงไม่ถอดใจและน่าจะสู้ไปจนถึงยกสุดท้ายคือเลือกตั้ง

แว่วมาว่า ตารางการเดินสายของนายกฯ และ รมต.เพื่อพบปะมวลชนในจังหวัดต่างๆ นั้น กำลังจะปรากฏให้เห็นในเร็วๆ นี้

เพื่อให้สังคมรับรู้ว่า รัฐบาลเอาจริงแล้ว !!!

และการเพิ่มตัวช่วยคือ 3 รมช.ใหม่นั้น "พล.อ.สุรยุทธ์" ก็ยอมรับว่า ส่งบางคนเข้าไปเพื่อ "เช็คบิล" บางเรื่องราวของรัฐบาลชุดที่แล้ว และแบ่งเบาภาระหน้าที่ให้ทุกอย่างขับเคลื่อนได้อย่างคล่องตัว

ยังมีประเด็นที่น่าเจาะลึกคือ ในอนาคตก็อาจเป็นไปได้ที่นายกฯ จะปรับ ครม.ยกใหญ่ หากอะไรๆ มันไม่ดีขึ้น

ต้นสายปลายเหตุของกรณีนี้มันมาจากคำว่า "จดหมายน้อย" รวมทั้งอายุขัยและสภาพร่างกายของขิงแก่บางคนที่ไม่สามารถทำงานได้เต็มสูบ


"ถ้าให้ตอบ ก็คงไม่คิดว่าจะมีปัญหาอะไรขึ้นมา


ถ้ามีปัญหาที่เราเคยคุยกันในส่วนของเราก็คือว่ามีปัญหาจริงๆ เราก็คงบอกผู้ที่เกี่ยวข้อง ผู้ที่ต้องรับผิดชอบว่า ช่วยส่งจดหมายให้ผมที ก็คุยกันอยู่แล้ว

แม้กระทั่งท่านไพบูลย์ ท่านก็คุยกับผมอยู่ว่า ท่านนายกฯ จะให้ผมส่งจดหมายเมื่อไรก็บอกมา ผมบอกว่ายังๆ อาจารย์ไพบูลย์ อย่าเพิ่งส่งมาเลย นั่นก็เป็นวิธีการ

ผมก็พูดมานานแล้วว่า ผมใช้วิธีการแก้ไขปัญหาทางการเมืองเป็นหลัก ก็คงพูดจากันและขอร้องว่าขอให้เสียสละ เป็นลักษณะอย่างนั้น ถ้ามีปัญหาจริงๆ แต่ผมคิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอย่างนั้น

ถ้าผมเสียสละก็หมายถึงทุกๆ คนไปด้วยกัน พร้อมกันหมด ไม่ต้องมาบอกเลย ผมไปคนเดียว ทุกคนก็ไปหมด ในหลักการเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว ผมได้พูดกับอาจารย์ไพบูลย์ ว่าถ้าผมไปคนเดียว ทุกคนไม่ต้องส่งจดหมายน้อย"

เชื่อได้ว่าบรรดา "ขมิ้นอ่อนและขิงแก่" ที่นั่งประชุม ครม.ร่วมกันนั้น คงได้ยินได้ฟังกันแล้ว และน่าจะมีอาการหนาวๆ ร้อนๆ กันบ้างเป็นแน่แท้

เพราะเมื่อรู้ว่าจากนี้ไปใครทำอะไรไม่เข้าตา และเชื่องช้าเป็นเต่าไม่ติดเทอร์โบ

"ฤาษี" ก็ขอสงวนสิทธิด้วยการตัดสิทธิทันทีโดยไม่มีการให้โอกาสแก้ตัว


ประเด็นหลักอีกเรื่องหนึ่งที่น่าสนใจคือ


การเคลื่อนไหวของ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่ส่งสัญญาณอย่างต่อเนื่องให้หน่วยงานในสังกัดออกมาเริ่มขยับและขย่มรัฐบาล-คมช.ในรูปแบบต่างกัน

นั่นคือ...เล่นเกมทั้ง "บนดิน" และ "ใต้ดิน"

แถมยังอาศัยบริษัทล็อบบี้ยิสต์และสื่อต่างประเทศมาร่วมทุบกันอย่างไม่ยั้งมือ

จนเป็นที่มาที่ทำให้ "บิ๊กแอ้ด" สั่งการให้กระทรวงการต่างประเทศจ้างบริษัทประชาสัมพันธ์ต่างชาติมาช่วยเป็นกระบอกเสียง เพื่อแก้ข่าวที่ขั้วอำนาจเก่าต่อท่อไว้รังควานเนืองๆ

"ผมคิดว่าประชาชนไทยเข้าใจดีมากกว่าผม ว่าปัญหาที่ผ่านมา 3-4 ปีมีอะไรบ้าง ผมถึงไม่ค่อยได้ชี้แจงในประเทศไทย ผมทำความเข้าใจกับคนในต่างประเทศ เพราะว่าเขาไม่มีโอกาสที่มาประสบปัญหาเหมือนเรา เขาเพียงแต่ได้ยิน ได้เห็น"

น่าสนใจว่าเหตุใด "พล.อ.สุรยุทธ์" จึงมั่นใจว่าคนไทยไม่ไว้วางใจทักษิณแล้ว ???

และทำไมจึงต้องไปอธิบายให้ต่างชาติเข้าใจ ???

เพราะต้องยอมรับว่ายามนี้ปัญหาต่างๆ ที่กำลังเคลื่อนเข้าสู่ชีวิตจริงของประชาชนนั้น มันทำให้เกิดการเปรียบเทียบกันแล้ว


ระหว่างชีวิตในช่วงปลายๆ รัฐบาลไทยรักไทย กับรัฐนาวาสีเขียวนั้น


แบบไหนมันดีกว่ากัน ???

อย่ามองข้ามปรากฏการณ์ต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นในช่วงเดือนนี้ ที่มีการประเมินว่าอาจมีความรุนแรงเกิดขึ้น

เพราะอีกฝ่ายไม่ยอมรับกติกาบ้านเมืองในขณะนี้

และต้องการการเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นโดยทันทีเพื่อเปิดทางและโอกาสในการกลับบ้าน

ฉะนั้น สาเหตุที่ "บิ๊กแอ้ด" ยังเย็นใจอยู่นั้น ก็เป็นไปได้มากทีเดียวว่า คงจะได้รับรายงานคดีการทุจริตต่างๆ ที่เกิดขึ้นในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาว่าคืบหน้าและมีน้ำหนักเพียงพอที่จะเช็คบิลอดีตผู้นำหน้าเหลี่ยมได้หรือไม่

หากเป็นแบบนี้ เป็นไปได้หรือไม่ว่า "บิ๊กแอ้ด" ซึ่งรู้จัก "ทักษิณ" ดีระดับหนึ่ง น่ามองเห็นชะตากรรมของอดีตนายกฯ แล้วว่าจะจบอย่างไร

และก็น่าจะอ่านใจ "ทักษิณ" ออกว่า จะใช้ยุทธวิธีใดตอบโต้

มันจึงเป็นเหตุผลว่าทำไม "บิ๊กแอ้ด" ไม่เชื่อคำพูดของ "ทักษิณ" ที่ประกาศไปทั่วโลกว่า วางมือทางการเมืองและขออยู่นิ่งๆ

เพราะเห็นได้ชัดว่า "อัศวินควายดำ" ยังคงขยับร่างกายไปปรากฏโฉมหน้าในเวทีต่างๆ อย่างต่อเนื่อง


รวมทั้งยังมีข้อมูลจาก


ล็อบบี้ยิสต์และเอ็นจีโอมะกันเผยแพร่ผ่านสื่อออกมาถล่มรัฐบาลและ คมช. ซึ่งรู้ๆ กันดีว่าใครจ้างให้ทำ

เพียงเท่านี้ก็น่าจะมองกันออกแล้วว่า "ทักษิณ" กำลังสร้างและรักษาคะแนนนิยมจากขาประจำไม่ให้แปรเปลี่ยน

ส่วนการเคลื่อนไหวต่างๆ ในช่วงนี้นั้น ก็เป็นเพียงการทำตัวให้เป็นข่าว กันไม่ให้สังคมลืม

"ทักษิณ" มีภาษิตประจำใจว่า "ตายเสียดีกว่าอยู่อย่างผู้แพ้"

และพร้อมจะกลับมาเอาคืนกับฝ่ายที่โค่น "ระบอบทักษิณ" ชนิดที่เรียกว่าถึงลูกถึงคนอย่างแน่นอน

ฉะนั้นวิธีเดียวที่จะหยุด "ทักษิณ" ให้ได้นั้นคือ ตีตราคาดโทษให้เด็ดขาด

ปราศจากอุทธรณ์และฎีกา !!!

ขณะที่ในมุมกลับนั้น "บิ๊กแอ้ด" ก็ต้องสุขุมรอบคอบ เด็ดขาดในการทำงานที่รับผิดชอบด้วย


ไม่เช่นนั้นกระแสอาจตีกลับได้ง่ายๆ ดั่งพลิกฝ่ามือ



ขอขอบคุณ : ข้อมูลข่าวที่มีคุณภาพ จาก หนังสือพิมพ์คมชัดลึก


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์