จับตา ทักษิณ ทำบิ๊กเซอร์ไพรส์!

จับตา ทักษิณ ทำบิ๊กเซอร์ไพรส์!

โดย ผู้จัดการรายสัปดาห์ 17 มีนาคม 2549 10:55 น.

หากไม่เกิดอุบัติเหตุทางการเมือง ต้องใช้มาตรา 7 เข้ามากอบกู้สถานการณ์ไปเสียก่อน สังคมไทยจะได้เห็น พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร สร้างปรากฏการณ์การเมืองยุคใหม่ ด้วยการทำ บิ๊กเซอร์ไพรส์ ให้ได้เห็นว่า ข้าคือนักประชาธิปไตยตัวยง แผนการดังกล่าวนี้จะเป็นจริงหรือไม่ และใครคือทายาทตัวจริง? ... คนใกล้ตัว ทักษิณ หลายคนสะท้อนความคิดและความเป็นไปได้อย่างน่าติดตาม

สิ่งที่ค้างคาใจและกำลังเป็นคำถามที่หลายคนอยากรู้มากที่สุดเวลานี้ คงไม่พ้นว่า ทำไมคนอารมณ์ร้อนอย่าง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จึงยังสามารถอดทนกับเสียงขับไล่ที่ดังกระหึ่มชนิดรายวันอย่างนี้ เพราะหากเป็นเมื่อก่อนแล้วคนที่รู้จักนายกฯ ย่อมไม่มีทางกล้ำกลืนความรู้สึกได้ขนาดนี้ หากเพราะไม่ใช่เหตุผลที่ต้องการให้การเลือกตั้งเกิดขึ้นจริงในวันที่ 2 เม.ย. วันที่พรรคไทยรักไทย และพ.ต.ท.ทักษิณ จะมีหนทางได้กลับมาประกาศจุดยืนแห่งชัยชนะ และต้องการแสดงให้สาธารณชนได้รู้ว่า นักธุรกิจแสนล้านอย่างเขาก็เป็นคนหนึ่งที่เข้าใจ

ระบอบ ประชาธิปไตย ไม่น้อยไปกว่าคนอื่น
ขณะเดียวกัน หากแผนการกลับสู่อำนาจในรอบ 3 ไม่เป็นผล


เกิด อุบัติเหตุ ทางการเมืองขึ้นเสียก่อน จนอาจมีความจำเป็นที่แต่ละฝ่ายจะนำมาตรา 7 มาบังคับใช้ ก็จะส่งผลให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่สามารถสร้าง บิ๊กเซอร์ไพรส์ ประกาศเว้นวรรคทางการเมืองแล้วส่ง ร่างทรง ขึ้นมาทำหน้าที่นายกฯ คนที่ 24 แทนหลังคว้าชัยชนะ เพราะสถานการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นได้แปรเปลี่ยนชนิดนาทีต่อนาที...

ในวันที่ 2 เม.ย.ที่จะถึงนี้ แม้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จะถูกเย้ยหยันจากทั่วสารทิศว่าเป็นการต่อสู้ที่ ไม่สมศักดิ์ศรี หรือเป็นเรื่องน่าขบขันก็ตาม เพราะปราศจากคู่แข่งตัวจริงจาก 3 พรรคฝ่ายค้าน แต่สำหรับนายกฯทักษิณ แล้วเขาอาจจำใจต้องมองข้ามสถานการณ์ดังกล่าว เพราะไม่อย่างนั้นหนทางคืนสู่อำนาจและช่องทาง ฟอกตัว อาจจะถูก ปิดตาย ไปต่อหน้าต่อตา...

ความหวังของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่จะได้รับคะแนนเสียงเกินกว่าครึ่งเมื่อเทียบกับคะแนนไม่ใช้สิทธิจากการเลือกตั้งในวันที่ 2 เม.ย.นี้ ดูเหมือนจะเป็นที่รู้กันว่า ไม่ใช่เพื่อต้องการกลับมาปฏิรูปการเมือง แก้ไขกฎหมายรัฐธรรมนูญตามข้อเรียกร้องจากสังคมเพียงเท่านั้น แต่นัยที่แท้จริงกลับไปอยู่ที่ความต้องการประกาศให้กลุ่มมวลชนที่กำลังเดินหน้าขับไล่ทั่วประเทศได้รับรู้คนอย่าง ทักษิณ ไม่ได้ถูกโดดเดี่ยว โดยเฉพาะต้องการที่จะ ตบหน้า บรรดาแกนนำกลุ่มพันธมิตรกู้ชาติทั้งหลาย หลังจากนั้นหากจะคิดเว้นวรรคทางการเมืองแล้วส่งคนขึ้นมาเป็นร่างทรงแทนหรือไม่ ก็จะอยู่ในขั้นตอนต่อไป...

ดังนั้น เวลานี้ประเด็นที่สังคมค่อนข้างให้ความสนใจและเทน้ำหนักไม่น้อยไปกว่าความวิตกกังวลจากการเผชิญหน้าระหว่างมวลชนฝ่ายตรงกันข้าม ย่อมหนีไม่พ้นคำถามที่ว่า

ใครจะก้าวขึ้นมาทำหน้าที่นายกฯ คนต่อไป ? หากนายกฯทักษิณ เว้นวรรคทางการเมือง

ล่าสุดมีคำถามเกิดขึ้นว่า คนอย่าง ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯและรมว.พาณิชย์ โภคิน พลกุล ประธานรัฐสภา หรือ พล.ต.อ.ชิดชัย วรรณสถิตย์ รองนายกฯ และรมว.ยุติธรรม ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย รองนายกฯ แม้แต่ สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ รมว.เกษตรและสหกรณ์ จะสามารถก้าวขึ้นมาทำหน้าที่สำคัญได้หรือไม่

สมคิด ทั้งเก่ง-ดี แต่ไม่มีเสียงเชียร์

หลายปีที่ผ่านมา มักมีกระแสข่าวเล็ดรอดออกมาอยู่บ่อยครั้งว่า ขุนคลังคู่ใจของนายกฯทักษิณ อย่าง ดร.สมคิด รู้สึกเหนื่อยล้า ความกระตือรือร้นในการรับหน้าที่ผู้กำกับบทเศรษฐกิจของประเทศ ได้กลายเป็นภารกิจที่หนักหนาสาหัสสำหรับเขาอยู่ไม่น้อย อาจเป็นเพราะส่วนหนึ่งมาจากความเป็นตัวตนของ ดร.สมคิด เองที่มาจากนักวิชาการ นักเศรษฐศาสตร์ ผสมผสานกับนักการตลาดนั้นแตกต่างไปจากสังคมที่แวดล้อมไปด้วยเรื่องราวของการเมืองอย่างสิ้นเชิง ท้ายที่สุด กระแสข่าวลือดังกล่าวเหล่านั้นก็ต้องตกไปในที่สุดเมื่อทุกครั้งของการปรับ ครม. ชื่อของ ดร.สมคิด ไม่เคยหลุดไปจากขบวนเลยสักครั้ง

แม้ความรู้ที่ ฟิลิปส์ คอตเลอร์ และไมเคิล พอร์เตอร์ กูรูแห่งเศรษฐศาสตร์และศาสตร์ทางด้านการตลาด จะไม่ได้สอนวิธีการอยู่ร่วมกับ นักการเมือง ไว้เลยก็ตาม แต่ปรากฏว่าคนอย่าง ดร.สมคิด กลับสามารถอยู่มาได้โดยตลอดรอดฝั่งท่ามกลางเสือสิงห์กระทิงการเมือง ที่ผ่านมา ดร.สมคิด อยู่ในฐานะคนทำงาน เป็นฟันเฟืองหนึ่งที่ พ.ต.ท.ทักษิณ คอยควบคุม แต่ทั้งนี้เมื่อใดก็ตามที่ ดร.สมคิด แปรสถานะไปสู่เก้าอี้ตัวสำคัญ จำเป็นอย่างยิ่งที่จะได้รับความเห็นชอบจาก ส.ส.ในพรรค

คุณสมคิดเป็นที่ยอมรับว่าทำงานดี มีความรู้ความสามารถ แต่ไม่มี ส.ส.ในมือ และไม่มีคุณสมบัติในการเป็นเจ้านายได้ ดีที่สุดคือการเป็นลูกน้อง คาดว่าถ้าหวยมาออกที่ ดร.สมคิด จริงคงมีคนในพรรคไม่เห็นด้วย แต่คงทำอะไรไม่ได้

หญิงหน่อย กองหนุนแรง แต่ติดภาพลบ

นอกจากชื่อของขุนคลังประจำรัฐบาลไทยรักไทย จะติดโผว่าที่นายกฯคนใหม่ แล้วยังปรากฏชื่อ คุณหญิงหน่อย คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ รองหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ผุดขึ้นมาแพร่สะพัดไม่แพ้กัน จึงส่งผลให้สายตาหลายคู่เริ่มหันมาจับจ้องว่าถึงเวลาที่จะมีนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกแล้วหรือยัง ?

แต่อย่างไรก็ตาม ถึงแม้คุณหญิงหน่อยจะมีขุมกำลังทั้งจาก ส.ส.กทม. และในฐานะสายตรงของนายกฯ ทักษิณ ก็อาจยังไม่มีน้ำหนักมากพอที่จะก้าวขึ้นมาสู่ตำแหน่งสำคัญได้ภายในเร็ววัน โดยเฉพาะในยามที่ยังมีกลุ่มคนปฏิเสธพรรคไทยรักไทย และจ้องตรวจสอบความผิดพลาดของรัฐบาลที่เกิดขึ้น

สำหรับคุณสุดารัตน์ แล้วจะอยากเป็นนายกฯหรือได้ตำแหน่ง หรือไม่นั้นคงยากที่จะคาดเดา แต่การที่ใครจะขึ้นมาทำหน้าที่นี้ต้องพิจารณาเรื่องความเหมาะสมและความเป็นไปได้ด้วยหรือไม่ ถึงในสายตาคนอื่นอาจจะมองว่าคุณสุดารัตน์ เป็นคนเก่งก็ตาม แต่ในความเป็นจริงแล้วหนทางสายนี้สำหรับคุณสุดารัตน์ ยังอีกยาวไกล และเป็นไปได้ยาก เพราะถ้าเป็นจริงเรื่องส่วนตัวของคุณสุดารัตน์ อาจจะถูกขุดคุ้ยขึ้นมาทันที รวมทั้งอาจจะยิ่งถูกโจมตีหนักไม่แพ้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ

นอกจากนี้ แม้ในเรื่องของฐานกำลัง ส.ส.ของคุณหญิงสุดารัตน์ จะอยู่ในฐานะที่ไม่เสียเปรียบแคนดิเดตรายอื่นก็ตาม แต่ยังมีการคาดการณ์ว่าหากชื่อของเธอถูกเสนอขึ้นรับตำแหน่งจริง ก็อาจจะถูกโจมตีจากกลุ่มอำนาจอื่นๆภายในพรรคเอง รวมทั้งในความเป็นจริงแล้วฐานกำลังใน กทม.ก็ไม่ได้ขึ้นตรงกับแม่ทัพ กทม.ทั้งหมด

ส.ส.กทม.อาจจะได้รับการสั่งการโดยตรงจากคุณหญิงสุดารัตน์ แต่จริงๆ แล้วก็อยู่ภายใต้การควบคุมของนายกฯทักษิณ อย่างเบ็ดเสร็จ กลุ่มอำนาจ กทม.คือส่วนหนึ่งของแผนโครงสร้างอำนาจของคุณทักษิณ เท่านั้น

ชิดชัย มีลุ้น ...เต็งหนึ่ง แต่ขาด เงิน !

คำสั่งแต่งตั้งให้ พล.ต.อ.ชิดชัย วรรณสถิตย์ กระโดดข้ามขั้นจากรักษาการรองนายกฯ อันดับ 3 ขึ้นไปสู่ลำดับที่ 1 จากที่ประชุม ครม.เมื่อวันที่ 14 มี.ค.ที่ผ่านมา ได้ส่งผลให้ทุกความสนใจพุ่งตรงไปยังรักษาการรองนายกฯ อันดับ 1 ทันทีว่า ความเป็นไปได้ที่ว่าที่นายกฯ ขัดตาทัพคนใหม่ จะใช่เขาผู้นี้หรือไม่

หากได้เคยติดตามผลงานของ พล.ต.อ.ชิดชัย มาก่อนหน้านี้จะพบความโดดเด่นทั้งในด้านการทำงานตั้งแต่ยังครองตำแหน่งยศ พล.ต.ท. ได้รับความไว้วางใจจากนายกฯทักษิณ ให้ปรับปรุงพัฒนาบุคลากร และวางโครงสร้างของ สตช.จนเคยมีชื่อเข้าชิง ผบ.ตร. ต่อจาก พล.ต.อ.สันต์ ศรุตานนท์ แต่ในที่สุดนายกฯ ทักษิณ ก็เลือกที่จะตบรางวัลด้วยเก้าอี้ รมว.มหาดไทยให้แทน แต่ ณ วันนี้หาก ส้ม ที่จะหล่นใส่เขาอีกครั้งในเร็วๆ นี้คงไม่ใช่เพียงเพราะความสัมพันธ์ความเป็นพี่น้องระหว่าง พล.ต.อ.ชิดชัย อดีตนักเรียนนายร้อยรุ่นที่ 23 กับรุ่นน้อง พ.ต.ท.ทักษิณ นรต.รุ่นที่ 26 เพียงเท่านั้น แต่น่าจะเป็นเพราะรุ่นพี่รายนี้อาจเป็น ตัวเลือก หนึ่งที่ช่วยลดแรงกดดันให้นายกฯ ทักษิณ ได้มากพอสมควร

หากเปรียบเทียบตัวเลือกอื่นๆก็น่าจะถือว่า พล.ต.อ.ชิดชัย น่าจะเป็นตัวช่วยให้กับนายกฯทักษิณ ได้หากท่านคิดจะเว้นวรรคทางการเมืองจริง เพราะ พล.ต.อ.ชิดชัย จะโดนโจมตีน้อยกว่าเมื่อเทียบกับคุณสุดารัตน์ แต่ต้องไปถามลูกพรรคไทยรักไทยว่าเขาจะเอาด้วยหรือไม่ จะยอมรับคนไม่มีเงินมาช่วยดูแล ส.ส.กันหรือไม่

แนวโน้มที่ พล.ต.อ.ชิดชัย จะได้รับแรงเชียร์จากกลุ่มการเมืองภายในไทยรักไทยนั้น ย่อมไม่แตกต่างไปจากรัฐมนตรีที่สังกัดบ้านจันทร์ส่องหล้า เพราะแม้จะอยู่ท่ามกลางความพอใจหรือไม่ก็ตาม แต่ท้ายที่สุดแล้วทุกอย่างย่อมจะ ลงตัว ด้วยน้ำมือเจ้าของวังตัวจริงอยู่แล้ว

โภคิน พลกุล เมินแรงหนุน ส.ส.-ต่อสายตรง ทักษิณ

ถ้า ประภัตร โพธสุธน เลขาธิการพรรคชาติไทย ประกาศว่าเป็นเพื่อนรักกับนายกฯ ทักษิณ มายาวนานถึง 18 ปีแล้ว ก็คงต้องบอกว่า โภคิน พลกุล อดีตประธานรัฐสภา และนักกฎหมายมือโปรคนนี้ก็มีสัมพันธ์ที่ดีกับหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ไม่น้อยไปกว่ากัน แถมยังพ่วงดีกรีความรู้ความสามารถในทางกฎหมาย คอยดูแลรับผิดชอบงานใหญ่ๆ ให้กับพรรคมาแล้วไม่น้อย

จากความสัมพันธ์ส่วนตัวและรู้มือในฝีมือทางกฎหมายของโภคิน แล้ว ต้องนับรวมด้วยว่าโภคินยังจะสามารถประสานกับกลุ่มอำนาจศาลได้เป็นอย่างดี แต่ที่สำคัญหากผลักดันโภคิน ให้ขึ้นมารับเก้าอี้นายกฯ คนต่อไปได้จริง จากความรู้ความสามารถในด้านกฎหมายของเขาเอง น่าจะทำให้แผนการ ปฏิรูปการเมือง รอบใหม่ที่สังคมกำลังเรียกร้องบรรลุผลชัดเจนมากขึ้น

สำหรับคุณโภคินแล้วต้องถือว่ามีความสามารถทางกฎหมาย แต่ในเรื่องฐานกำลังส.ส.แล้วเขาไม่มีเลยด้วยซ้ำ แต่คงไม่ใช่ประเด็นสำคัญเพราะทุกอย่างขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของคุณทักษิณ เท่านั้น ที่ผ่านมาคุณโภคิน ก็ไม่ได้สนใจเรื่องนี้เพราะทำงานทุกอย่างตามที่หัวหน้าสั่งอยู่แล้ว หากวันหนึ่งเขาจะได้รับการสืบทอดจริง ส.ส.ก็คงหันไปหาเอง

สุรเกียรติ์ จ่อคิวนั่งขัดตาทัพก่อนชิงเลขาฯ ยูเอ็น

อย่างไรก็ตามหากการตัดสินใจ เว้นวรรคทางการเมือง ของ พ.ต.ท.ทักษิณ เกิดขึ้นจริงเพื่อหวังลดกระแสกดดันในทางการเมืองแล้ว ยังหวังที่จะฟื้นฟูภาพลักษณ์ของประเทศหลังสงครามแห่งความขัดแย้งในสังคมสงบลงแล้ว ก็คงไม่อาจมองข้าม ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย ที่ทำหน้าที่รักษาการณ์รองนายกฯ อยู่ ณ ขณะนี้ไปไม่ได้อย่างแน่นอน ถึงแม้เจ้าตัวจะต้องเดินหน้าไปสู่เป้าหมายหลักในตำแหน่ง เลขาธิการสหประชาชาติ ก็ตาม แต่เมื่อความจำเป็นเฉพาะหน้าเกิดขึ้นกะทันหัน ก็น่าจะมีน้ำหนักและเหตุผลมากพอที่จะทำให้ ดร.สุรเกียรติ์ ยอมรับเก้าอี้นายกฯ ทำหน้าที่ไปสักระยะหนึ่ง

นอกจากนี้ต้องยอมรับว่า ดร.สุรเกียรติ์ อาจจะสามารถช่วยประสานหรือเชื่อมต่อกับบุคคลชั้นสูงในวงสังคมให้กลับมามองรัฐบาล และนายกฯทั กษิณ ในภาพที่เป็นบวกมากขึ้น เพราะจากกระแสไม่เอาทักษิณตลอดหลายเดือนที่ผ่านมาไม่เพียงแต่คนชั้นกลางเท่านั้นที่ลุกขึ้นแสดงท่าทีต่อต้านอย่างชัดเจน แต่ยังปรากฏกลุ่มราชนิกุล บุคคลชั้นสูงจำนวนไม่น้อยที่ไม่ยอมนิ่งเฉย แต่กลับออกมาร่วมเรียกร้องให้นายกฯ ทักษิณ ทบทวนแนวทางแก้ไขวิกฤตที่เกิดขึ้น

นายกฯ ทักษิณ ย่อมรู้ตัวดีอยู่แล้วว่า หากการเลือกตั้งวันที่ 2 เม.ย.มีขึ้นจริง และตัวเองสามารถชนะได้เสียงข้างมากอีก แต่การที่จะกลับเข้ามาแล้วเผชิญหน้ากับปัญหาใหญ่ที่รออยู่เวลานี้คุ้มค่าหรือไม่ ถ้ากลับมาแล้วจะทนได้อีกนานแค่ไหน เพราะฉะนั้น ทางที่ดีที่สุดคือ ทำอย่างไรให้ตัวเองสามารถคุมอำนาจไว้ได้ โดยผ่านบุคคลอื่นที่มีปัญหาน้อยที่สุด

ส่วนการที่จะมี ส.ส.ในพรรคให้การสนับสนุนให้ขึ้นมารับงานใหญ่หรือไม่นั้นก็ต้องขึ้นอยู่กับการจัดการของ พ.ต.ท.ทักษิณ ว่าจะสั่งลูกพรรคให้หันซ้าย-ขวาอย่างไร

หากเป็นก่อนหน้าที่จะเกิด วิกฤตทักษิณ รุนแรงอย่างหนัก ณ เวลานี้ การที่ใครสักคนหนึ่งจะสามารถได้รับความไว้วางใจจากนายกฯ ทักษิณ ให้มาทำงานสำคัญย่อมไม่ใช่เรื่องง่ายดาย เนื่องจากด่านสำคัญที่คนเหล่านั้นต้องฟันฝ่า คือการได้ไฟเขียวจากคนในพรรคไทยรักไทยด้วยกันเองว่ามีเงินทุน มีขุมกำลัง ส.ส.ในมือมากน้อยแค่ไหน แต่เมื่อสารพัดปัญหารุมเร้าถาโถมเข้าใส่นายกฯ ทักษิณ จนแทบตั้งรับไม่ทันเช่นนี้ ปัจจัยต่างๆ เหล่านั้นย่อมไม่ใช่เรื่องสำคัญอีกต่อไป

แต่นาทีนี้อยู่ที่ว่า คนที่จะมาแทนที่นายกฯ ทักษิณ นั้นจะสามารถทำให้คนทั้งภายในและต่างประเทศรู้สึกเชื่อมั่นและไว้วางใจได้มากน้อยแค่ไหน เพราะหากคนในประเทศไม่ให้การยอมรับบรรดาม็อบกู้ชาติคงจะต้องปักหลักเรียกร้องให้มีการเปลี่ยนแปลง...เพราะคนที่จะเข้ามานั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีคนใหม่นี้มีภารกิจที่สำคัญก็คือ การแก้ไขรัฐธรรมนูญที่มีความชอบธรรม โปร่งใส และมีความเป็นประชาธิปไตยเพื่อคนทั้งประเทศมากที่สุดแต่ไม่ใช่เพื่อคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง .....

ต้องไม่ลืมว่า บิ๊กเซอร์ไพรส์ ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องการพิสูจน์ด้วยการเลือกตั้งในครั้งนี้ต้องใช้งบประมาณประเทศกว่า 2,200 ล้านบาท ควรอย่างยิ่งที่จะก่อให้เกิดประโยชน์และคุ้มค่ามากที่สุด!!

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์