จับจังหวะก้าวขย่มประเทศ บังเอิญ หรือจงใจ?

ดูเหมือนนาทีนี้ ทักษิณ ชินวัตร จะหนีไม่รอดจากการตกเป็นเป้าของคนในสังคมว่า


มีส่วนรู้เห็นและชักใยอยู่เบื้องหลังการโจมตีรัฐบาลและคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) รวมถึงให้ร้ายประเทศจากต่างแดน

จากเพียงการตั้งข้อสังเกต เพียงการสงสัย เริ่มกลายมาเป็นการ "ปักใจเชื่อ" มากขึ้นทุกขณะ

นับตั้งแต่ "ทักษิณ" ได้ว่าจ้างบริษัทล็อบบี้ยิสต์ชื่อดังเมื่อปลายปีที่ 2549 ต่อเนื่องต้นปี 2550 อันได้แก่ บริษัทเบเกอร์ บ็อท และบริษัทบาร์เบอร์ กริฟฟิธ แอนด์ โรเจอร์ส รวมถึงบริษัทประชาสัมพันธ์ชื่อดังอย่าง "บริษัทเอเด็ลแมน"

ผลงานก็ปรากฏออกมาให้เห็นเป็นระยะๆ


นับตั้งแต่การเดินสายจ้อผ่านสื่อต่างประเทศอย่างเสรี ของ "ทักษิณ" ช่วงก่อนหน้านี้


สอดรับกับการเคลื่อนไหวในประเทศ ที่สะท้อนมาจากผลงานของ "คลื่นใต้น้ำ" ที่ขย่มขวัญรัฐบาล และ คมช. พร้อมกับปลุกผี "ระบอบทักษิณ"

ไม่นับรวมการเดินเกมให้เป็น "บุคคลในข่าว" เพื่อไม่ให้ตกไปจากกระแสความสนใจของสื่อมวลชนและประชาชนไทย

อย่างกรณีล่าสุดที่มีการปล่อยข่าวอย่างเป็นระบบ นับตั้งแต่การทุ่มเงินซื้อทีมฟุตบอลระดับรองของอังกฤษ อย่าง "แมนเชสเตอร์ ซิตี้"

กระบวนการล็อบบี้โดยฝีมือของลูกน้องคนสนิท อย่าง พงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล จนได้เป็น "นายกสมาคมกอล์ฟอาชีพแห่งประเทศไทย"

รวมถึงข้อเสนอล่าสุดของลิ่วล้อพรรคไทยรักไทย ที่ชื่อ ธีระชัย แสนแก้ว อดีต ส.ส.อุดรธานี กับการเอ่ยปากส่งเทียบเชิญนั่งเก้าอี้ "นายกสมาคมชาวไร่อ้อย" ให้อีก 1 เก้าอี้

ล้วนถูกมองว่า เป็นการตั้งใจ "เกาะสถานการณ์" เพื่อรักษาเรตติ้ง ชิงพื้นที่ข่าวให้คงอยู่อย่างต่อเนื่อง

และก็นับว่า ได้ผลเสียด้วย!!!


ว่ากันว่า...นี่คือ การเดินเกมที่เหนือชั้น


อย่างเป็นระบบผ่านกระบวนการของบริษัทล็อบบี้ยิสต์และบริษัทประชาสัมพันธ์ ที่ "ทักษิณ" ได้ลงทุนว่าจ้างด้วยสนนราคาที่แพงหูฉี่

ผสานกับกระบวนการจัดการภายในประเทศอย่างมืออาชีพ

ล่าสุดนั้น ดูเหมือนว่า ผลงานจากที่ได้ว่าจ้างบริษัทชื่อดังจะโจมตีได้ตรงเป้ายังไงยังงั้น

หลังจากเกิดปัญหาในเรื่องสิทธิบัตรยา ที่ส่งผลให้ไทยถูกจัดอันดับให้เป็นประเทศที่ถูก "จับตามองเป็นพิเศษ" เกี่ยวกับการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา

เพราะหากจำกันได้ จากเอกสารว่าจ้าง "บริษัทเบเกอร์ บ็อท" นั้น ได้ระบุภารกิจหลักไว้ 2 ข้อ

1."วางแผนและปฏิบัติการให้เกิดผลสำเร็จตามกลยุทธ์ที่ได้วางไว้ สำหรับประเด็นเกี่ยวข้องกับกฎหมายระหว่างประเทศ และประเด็นการเมือง ที่ ดร.ทักษิณ กำลังเผชิญอยู่หลังการยึดอำนาจเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549"

2."บริษัทจะเฝ้าดูการปรับเปลี่ยนนโยบายของสหรัฐที่มีต่อรัฐบาลชั่วคราวของประเทศไทย หรือจุดยืนของฝ่ายบริหาร (สหรัฐ) ที่มีต่อความพยายามของ ดร.ทักษิณ ที่จะกลับประเทศไทย และอาจใช้เส้นสายตามความจำเป็นเพื่อให้เกิดความมั่นใจว่า นโยบายจะไม่มีการเปลี่ยนไปจากที่มีอยู่ในปัจจุบัน"


แม้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อกรณีสิทธิบัตรยา


จะไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่า เป็นฝีมือการล็อบบี้จาก "ล็อบบี้ยิสต์" ที่ถูกว่าจ้างมา

แต่อย่างน้อย ข้อเขียนที่ตีพิมพ์ใน วอชิงตัน ไทม์ ล่าสุดเมื่อ 27 เมษายน ที่ผ่านมา โดยฝีมือของ เคน เอเด็ลแมน หรือชื่อเต็ม "เคนเน็ธ แอล. เอเด็ลแมน"

รวมถึงโฆษณาที่ให้ "ยูเอสเอ ฟอร์ อินโนเวชั่น" ตีพิมพ์ลงใน วอลสตรีท เจอร์นัล ก็ถูกตั้งข้อสังเกตถึงความเชื่อมโยงกันในระดับหนึ่งอย่างเลี่ยงไม่ได้

เหตุเพราะกระบวนการที่จะเดินเรื่อง กระทั่งส่งผลกระทบในระดับนโยบายระหว่างประเทศนั้น ผู้ดำเนินการย่อมต้องมีเส้นสายและทรงอิทธิพลไม่น้อย

และโดยตัวของ "เคน เอเด็ลแมน" เอง ก็เคยเป็นถึงผู้ช่วยรัฐมนตรีกลาโหม และทูตสหรัฐประจำยูเอ็น ในสมัยประธานาธิบดีโรนัล เรแกน มาแล้ว

มีการวิเคราะห์ว่า เป็นไปได้เหมือนกันที่ทั้งสามบริษัทที่รับจ้าง "ทักษิณ" นั้น อาจประสานเป็นเครือข่ายเดียวกัน

หากสังเกตบทความโฆษณาที่ลงตีพิมพ์ใน วอลสตรีท เจอร์นัล จะชัดเจนว่า ไม่เพียงเป็นข้อความที่เขียนวิพาษ์กรณีสิทธิบัตรยาเท่านั้น

หากจงใจก้าวล่วงถึงรัฐบาลและคณะรัฐประหาร รวมถึงให้ร้ายประเทศไทย!!!


ไม่ว่าจะเป็นการระบุว่า...


...ไทยกำลังจะเดินแนวทางเดียวกับประเทศพม่า

...การเพิ่มค่าตอบแทนให้แก่ทหาร 9 ล้านดอลลาร์ และเพิ่มงบประมาณทางทหาร 1,100 ล้านดอลลาร์

...การควบคุมฝ่ายต่อต้านอย่างเอาจริงเอาจัง

...การคาดการณ์ว่า กลุ่มทหารเกี่ยวข้องกับคนหาย 22 คน ในสามจังหวัดภาคใต้

...การกักตัวนักท่องเที่ยวชาวตะวันตก เพื่อต่อรองรับวัคซีนโรคไข้หวัด

...ผู้นำคณะปฏิวัติเร่งรัดให้มีการกำหนดมาตรการที่เข้มงวดกับบริษัทคนต่างชาติ

...และตบท้ายด้วยข้อกล่าวหาว่า รัฐบาลกำลังละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาของสหรัฐ เพื่อผลประโยชน์ทางการทหาร

รวมถึงย่อหน้าสุดท้ายของบทความ ยังได้เรียกร้องไปถึงประธานาธิบดีบุช และสมาชิกสภาคองเกรส ร่วมกันปกป้องผลประโยชน์ของสหรัฐ และประชาชนไทยทุกคนด้วย


ประเด็นร้อนที่เกิดขึ้นล่าสุดนี้แหละ ที่ทำให้ "ทักษิณ" ตกอยู่ในฐานะลำบาก


เพราะถูกมองว่า ให้ร้ายประเทศเต็มประตู

ที่สำคัญ เมื่อเชื่อมโยงความสัมพันธ์ของ "เอเด็ลแมน" และ "ยูเอสเอ ฟอร์ อินโนเวชั่น" แล้ว เห็นได้ชัดว่า แยกกันไม่ออก

เพราะ "เคน เอเด็ลแมน" นอกจากจะเป็นที่ปรึกษาอาวุโสของบริษัทประชาสัมพันธ์ชื่อดังที่ใหญ่ที่สุดในโลก อย่าง "เอเด็ลแมน" แล้ว

ยังมีสถานะเป็น กรรมการผู้อำนวยการของ "ยูเอสเอ ฟอร์ อินโนเวชั่น" อีกตำแหน่งหนึ่งด้วย

มิหนำซ้ำ "เคน เอเด็ลแมน" ยังเคยแถลงข่าวเมื่อต้นปีที่ผ่านมาว่า จะช่วยเหลือ "ทักษิณ" ให้ได้กลับบ้านเกิดเมืองนอน โดยการใช้กระบวนการทางสื่อ

ประเด็นที่เชื่อมโยงกันเหล่านี้แหละ ที่ดูจะทำให้ "ทักษิณ" หลุดจากข้อสงสัยถึงการเป็นผู้ชักใยเบื้องหลังบงการความวุ่นวาย และการให้ร้ายประเทศในเวทีโลกไปได้ยาก!!



ขอขอบคุณ : ข้อมูลข่าวที่มีคุณภาพ จาก หนังสือพิมพ์คมชัดลึก
โดย โต๊ะข่าวการเมือง




เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์