จับกระแสฝ่ายเป็นกลาง จากกลุ่มริบบิ้นขาว ถึงฮิวแมนไรต์วอตช์ ติรัฐบาล-ติงพันธมิตร



ท่ามกลางกระแส"สุดขั้ว"ทางการเมือง ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย หรือแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ที่สร้างบรรยากาศตึงเครียดในเมืองไทยยามนี้

ที่ผ่านมายังมีอีกขั้วหนึ่ง ที่ยืนหยัดในหลักความเป็นกลาง ออกมาติติงและแสดงความคิดเห็นอย่างน่าสนใจ

แม้หลายครั้งที่ออกมาจักกลายเป็นเป้าหมายใหม่ให้ถูกโจมตี โดยเฉพาะจากกลุ่มพันธมิตรฯ ทำให้หลายองค์กรแม้มีเจตนาดีที่ไม่ต้องการเห็นเหตุวุ่นวายหรือบานปลายมากขึ้น แต่ก็พากันเบื่อหน่ายรำคาญ

ถูกคุกคามจนต้องเล่นบทนิ่งเฉย!??

กลุ่มแรกสุดที่ออกมาแม้จะมีเสียงขานรับอย่างยินดีจากสังคมส่วนใหญ่

นั่นคือกลุ่ม"เครือข่ายประชาธิปไตยเห็นต่างกันได้ แต่อย่าใช้ความรุนแรง" ที่ออกมาเคลื่อนไหวช่วงต้นเดือนมิถุนายน ที่ผ่านมา

เครือข่ายนี้ ประกอบด้วย ตัวแทนจากเครือข่ายเอเชียเพื่อการเลือกตั้งเสรี เครือข่ายพุทธิกา เครือข่ายศาสนิกชนแห่งประเทศไทย คณะพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อม สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กลุ่มเมล็ดพันธุ์เพื่อสันติภาพ กลุ่มพี่น้องมหิดล มูลนิธิโกมลคีมทอง มูลนิธิสายใยแผ่นดิน มูลนิธิเมตตาธรรมรักษ์ สถาบันชุมชนท้องถิ่นพัฒนา และสโมสรนักศึกษามหาวิทยาลัยรังสิต

กระแสริบบิ้นขาว ต้านความรุนแรง ดูจะช่วยปลุกพลังเงียบที่ไม่ต้องการเห็นความรุนแรงขึ้นในประเทศไทย ให้ตื่นตัวได้อีกครั้ง

มีนายปริญญา เทวานฤมิตรกุล ปัจจุบันเป็นอาจารย์คณะนิติศาสตร์ และรองอธิการบดีฝ่ายกิจการนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ อดีตแกนนำนักศึกษาสมัยพฤษภาทมิฬ เป็นหัวหอก

เครือข่ายนี้ใช้"ริบบิ้นสีขาว"เป็นสัญลักษณ์

นัยว่าเพื่อให้ผู้ที่เห็นด้วยกับแนวทางนี้ผูกริบบิ้นขาว แสดงออกให้ทั้งฝ่าย"สีเหลือง" ของพันธมิตร และ"สีแดง" ของนปช. ได้สำเหนียกว่าอย่าใช้ความรุนแรงตอบโต้กัน

"เครือข่ายประชาธิปไตยเห็นต่างกันได้ แต่อย่าใช้ความรุนแรง" ตัดสินใจออกมาเคลื่อนไหวหลังนายสมัคร สุทรเวช นายกรัฐมนตรี(ในขณะนั้น) ออกอากาศทางทีวีประกาศขู่สลายม็อบพันธมิตรฯ ที่ขณะนั้นยังยึดสะพานมัฆวานเป็นที่มั่น อยู่พักใหญ่



"ผมไม่เห็นด้วยที่รัฐบาลจะสลายม็อบ เพราะต้องยอมรับว่าไม่สามารถชนะได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด และผลกระทบต่อประเทศที่ตามมาจะมีมาก"

นายปริญญา กล่าว

แต่ขณะเดียวกันก็แสดงความไม่เห็นด้วยกับท่าทีของพันธมิตรฯ ที่อยู่ในลักษณะ"ได้คืบจะเอาศอก" เพราะจากเงื่อนไขการชุมนุมต้องการขับไล่นายจักรภพ เพ็ญแข อดีตรมต.สำนักนายกฯ และนายนพดล ปัทมะ อดีตรมว.ต่างประเทศ จนทั้งคู่ลาออกจากตำแหน่ง

ก็ยกระดับเป็นการไล่นายสมัคร ก่อนสุดๆ ด้วยการขับไล่รัฐบาลพลังประชาชน

จนในภายหลังพยายามจุดประเด็นการเมืองใหม่ ให้มีการแต่งตั้งส.ส.ส่วนหนึ่งแทนการเลือกตั้ง แต่ปลุกไม่ขึ้นจึงต้องพับโครงการนี้ไป

นายปริญญา แสดงความเห็นอย่างน่าสนใจว่า

ม็อบพันธมิตรฯ ควรจะสลายตัวไปชั่วคราวก่อน เพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะนองเลือด เพราะข้อเรียกร้องได้มาแล้วทั้งเรื่องรัฐธรรมนูญ และนายจักรภพ เพ็ญแข สามารถสลายตัวไปแล้วเรียกชุมนุมใหม่ได้ตลอด!??

เครือข่ายนี้ยังเดินรณรงค์ไปทั่วกรุง ยื่นหนังสือถึงนายกฯ เรียกร้องว่าอย่ามองผู้ชุมนุมเป็นฝ่ายตรงข้าม แต่ให้มองว่าเป็นประชาชนที่เรียกร้องประชาธิปไตย และอย่าใช้วิธีการสลายการชุมนุม

แม้ทางหนึ่งจะได้รับคำชื่นชม แต่กับพันธมิตรฯ ดูเหมือนจะไม่ใคร่พอใจมากนัก โดยเฉพาะเรื่องการขอร้องให้เลิกชุมนุมเพื่อหลีกเลี่ยงความรุนแรงที่อาจจะเกิดขึ้น

นายปริญญา กลายเป็นเหยื่อถูกสับแหลก จนต้องตัดรำคาญ

ถัดมาอีกหนึ่งที่ออกมาพยายามไกล่เกลี่ยปัญหาวุ่นวายที่เกิดขึ้นคือนายโคทม อารียา ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาและพัฒนาสันติวิธี มหาวิทยาลัยมหิดล ที่ใช้เครือข่ายเรียกร้องให้แก้ปัญหาอย่างสันติวิธี

โดยขอให้ต่างฝ่ายยอมรับความคิดเห็นที่แตกต่าง และถอยคนละก้าว

แต่สุดท้ายคนที่ต้องถอยคือนายโคทม เพราะโดนเล่นแบบเดียวกับนายปริญญา

เช่นเดียวกับพระพยอม กัลยาโณ เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว ที่เป็นหนึ่งซึ่งออกมาแสดงความคิดเห็นให้ทุกฝ่ายอดทน อดกลั้น

แต่สุดท้ายก็โดนแกนนำสำคัญของพันธมิตร

คือนายสนธิ ลิ้มทองกุล ขึ้นเวทีจวก เพราะไม่พอใจที่เทศน์แสดงความเป็นห่วงเรื่องการนำเด็กไปร่วมชุมนุมทางการเมือง เพราะการปราศรัยบนเวทีมักใช้คำหยาบคาย



เท่านั้นเอง ก็กลายเป็นอีกหนึ่งเหยื่อของม็อบ

ในกาลต่อมาเมื่อพันธมิตรฯบุกเข้ายึดทำเนียบ และเกิดปัญหาบานปลายกลายเป็นกลุ่มรัฐวิสาหกิจเข้าร่วมมีการหยุดรถไฟ ท่าเรือ และปิดสนามบินหลายแห่ง

ทำให้"กลุ่มพิราบขาว" ตัดสินใจออกมาเคลื่อนไหว ประท้วงที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยเรื่อง ให้กลุ่มพันธมิตร ย้ายออกจากทำเนียบรัฐบาล และให้ผู้เกี่ยวข้องหยุดสร้างความเดือดร้อนให้ประชาชน

กลุ่มนี้ให้ความเห็นคัดค้านการกระทำรุนแรงทุกรูปแบบ ขอให้สร้างความปรองดอง และเพื่อเห็นแก่ประโยชน์ของประเทศชาติ

กลุ่มและบุคคลต่างๆ ที่ออกมาแสดงความห่วงใย ถูกพันธมิตรฯ เหมารวมว่าเป็นพวก"รัฐบาล"

แต่สำหรับสังคมทั่วไปน่าจะทราบดีว่าเป็นเช่นนั้นหรือไม่!??

นายปริญญา เทวานฤมิตรกุล เป็นอดีตแกนนำนักศึกษาที่ต่อต้านรัฐบาลพล.อ.สุจินดา คราประยูร และแสดงความคิดเห็นตำหนิการทำงานของรัฐบาลที่ไม่เหมาะสมมาตั้งแต่ยุคพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร

หากมองว่าทั้งหมดที่ออกมาติติงเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติ เป็นฝ่ายรัฐบาลนายสมัคร หรือรัฐบาลพรรคพลังประชาชน ออกจะไม่ถูกต้องนัก

และความห่วงใยเรื่องความรุนแรงของหลายๆฝ่ายที่ออกมาก่อนหน้านี้ ก็เกิดขึ้นจริงๆ ในวันที่ 7 ตุลาคม ที่ผ่านมา!!!

หลังเกิดเหตุการณ์ขึ้น"กลุ่มคนผู้รักสันติ" นำโดยนายสุลักษณ์ ศิวรักษ์ หรือ ส.ศิวรักษ์ น.ส.นารี เจริญผลพิริยะ น.พ.ประวิทย์ ลี่สถาพร นายเดช พุ่มคชา นายพรหมพร สุดบรรทัด และนายขุนกลาง ขุขันทิน ถือโอกาสครบรอบ 35 ปี เหตุการณ์ 14 ตุลา 16 ออกมาเคลื่อนไหวร่วมกันออกแถลงการณ์ขอความร่วมมือจากทุกฝ่าย ขอสันติวิธีไม่ใช้ความรุนแรง

โดยรณรงค์คำขวัญ"ใช้สติแก้ปัญหา ใช้ปัญหาลดอคติ"

จัดทำเสื้อคลุมสวมศีรษะ สกรีนด้านหน้าและหลังเป็นตัวอักษรสีเขียวว่า "สติ" เพื่อนำไปแจกให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ กลุ่มผู้ชุมนุมพันธมิตรฯ และกลุ่ม นปช. ที่กำลังฮึ่มๆ กันอยู่

ส.ศิวรักษ์ มองว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหากรัฐบาลไม่ออกมารับผิดชอบอาจจะเกิดความรุนแรงขึ้นอีก จึงจำเป็นต้องรณรงค์ในการใช้สติแก้ปัญหา และใช้ปัญญาลดอคติ ผู้บริหารประเทศจำเป็นจะต้องใช้เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา และประชาชนทุกฝ่ายก็จำเป็นต้องใช้สติเพื่อไม่ให้เกิดความรุนแรงขึ้นอีก

ส่วนน.ส.นารี กล่าวว่า

ขณะนี้ต่างฝ่ายต่างมีอคติครอบงำ หากใช้อคติกับบ้านเมืองก็จะเกิดผลร้าย รัฐบาลที่ใช้ความรุนแรงในที่สุดจะได้รับผลแห่งความรุนแรงนั้น

พร้อมกับนำเสื้อไปแจกให้กับตำรวจและกลุ่มพันธมิตรรวมทั้งนปช. โดยหวังว่าจะไม่เกิดเหตุเช่นวันที่ 7 ตุลาคม ที่ผ่านมาอีก

นอกจากนี้ยังได้เข้าพบปะแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. ในประเด็นการใช้สันติและสติ ซึ่งผบ.ทบ.ก็เห็นด้วย เน้นย้ำว่าทหารจะไม่กระทำรัฐประหารเด็ดขาด

องค์กรล่าสุดที่ออกมาเคลื่อนไหวคือกลุ่มสิทธิมนุษยชนสากล "ฮิวแมนไรต์วอตช์" ที่มีสำนักงานใหญ่ในนครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา เป็นองค์กรล่าสุดที่แสดงความคิดเห็นในฐานะคนกลาง

เมื่อออกมาเรียกร้องให้ทั้งฝ่ายรัฐบาลและพันธมิตรฯ ยุติวิกฤตการณ์ความรุนแรงทางการเมืองที่เกิดขึ้นในกรุงเทพฯ เพราะเป็นภัยคุกคามชีวิตของประชาชนและประชาธิปไตยไทย

นายแบรด อดัมส์ ผู้อำนวยการฮิวแมนไรต์วอตช์ประจำภาคพื้นเอเชีย แถลงว่าแทนที่จะใช้กำลังทำร้ายกันบนท้องถนน รัฐบาลและกลุ่มพันธมิตรฯ ควรใช้ช่องทางทางกฎหมายและประชาธิปไตยยุติความขัดแย้ง

"ฝ่ายทางการควรใช้กำลังเมื่อจำเป็นเท่านั้นเพื่อปกป้องความปลอดภัยของประชาชน ขณะที่กลุ่มพันธมิตรฯควรยุติการใช้ความรุนแรง รวมทั้งยุติการยึดทำเนียบรัฐบาลและปลดอาวุธกลุ่มผู้สนับสนุนทั้งหมด"!!!

การออกมาแสดงความคิดเห็นของ"ฮิวแมนไรต์วอตช์" แม้จะกล่าวเตือนทั้ง 2 ฝ่าย แต่การพูดเรื่องให้ปลดอาวุธผู้สนับสนุนการชุมนุม ขณะฝ่ายพันธมิตรยืนยันมาตลอดว่าเป็นการชุมนุมโดยสันติและปราศจากอาวุธ

ในสถานการณ์เวลานี้ มีความสูญเสียเกิดขึ้นต่อประชาชนที่รักชาติบ้านเมืองแล้ว 2 ศพ บาดเจ็บอีกหลายร้อย

ไม่ควรจะต้องสูญเสียอะไรอีกแล้ว

ต้องเลิกใช้อคติความก้าวร้าวรุนแรง โดยหันมาใช้สติและปัญญาแทน

เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์ข่าวสด


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์