จักรภพยันไม่ออก ปัด-หมิ่นสถาบันฯ

จากกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์และกลุ่มพันธมิตรฯ ออกมากล่าวหานายจักรภพ เพ็ญแข รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี มีทัศนคติที่เป็นอันตรายต่อสถาบันเบื้องสูง จากการบรรยายให้กับสมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศนั้น หลายฝ่ายต่างจับตาดูว่ารัฐบาลและนายจักรภพจะดำเนินการต่อข้อกล่าวหาอย่างไร

เมื่อวันที่ 26 พ.ค. เวลา 14.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายจักรภพ เพ็ญแข รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรีแถลงข่าว

ชี้แจงกรณีการถูกกล่าวหาพูดหมิ่นสถาบันระหว่างการไปบรรยายที่สโมสรผู้สื่อข่าวต่างประเทศเมื่อเดือน ส.ค. 2550 โดยมีทีมที่ปรึกษาส่วนตัวตลอดจนทีม นปก. มาร่วมให้กำลังใจจำนวนมาก อาทิ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ขึ้นมายืนบนเวทีเพื่อเป็นกำลังใจ ซึ่งมีการถ่ายทอดสดการแถลงข่าวผ่านทางสถานีโทรทัศน์ เอ็นบีที โดยนายจักรภพกล่าวว่า ถูกกล่าวหามีพฤติกรรมหมิ่นเบื้องสูง เป็นข้อกล่าวหาที่ร้ายแรงที่สุดสำหรับคนไทย ถ้ามีความผิดจริงก็สมควรได้รับโทษทัณฑ์อย่างรุนแรง แต่ เรื่องนี้เป็นเพียงคำกล่าวหาจากบุคคลที่ไปแจ้งความกับตำรวจ ผสมกับการขยายประเด็นอย่างบิดเบือนของพรรคประชาธิปัตย์ และกลุ่มพันธมิตรฯ เขย่าผ่านสื่อมวลชนจนกลายเป็นประเด็นใหญ่ของบ้านเมือง ทั้งที่ผู้มีโอกาสได้อ่านคำบรรยายที่เป็น ต้นเรื่องอย่างแท้จริงมีเพียงไม่กี่คน ส่วนใหญ่เป็นการนำ คำพูดผู้อื่นมาถ่ายทอดซ้ำคือ ตนถูกกล่าวหาทางสังคมโดยคำพูดคนอื่นไม่ใช่คำพูดตัวเอง

นายจักรภพกล่าวว่า ส่วนสาเหตุที่บิดเบือนเรื่องนี้ได้มากและยาวนาน มีอยู่ 3 ประการ

ได้แก่ 1.เป็นคำบรรยายสดภาษาอังกฤษใช้เวลา 45 นาที ถ้าจะเข้าใจเอกสารนี้ต้องแปลเป็นไทย ขึ้นกับคนแปลว่าจะแปลอย่างซื่อสัตย์หรือฉ้อฉล 2.เป็นการพูดต่อหน้าชาวต่างประเทศที่มีความเข้าใจสังคมไทยน้อยกว่าคนไทย ดังนั้น การอธิบายศัพท์ ต่างๆ ไม่สามารถนำมาเปรียบเทียบกับบริบทในการพูดกับคนไทยได้ 3.การบรรยายดังกล่าวเป็นเชิงวิชาการ ไม่ใช่ บรรยายการเมือง ทั้งนี้ยอมรับว่ารู้สึกโกรธที่ถูกกล่าวหาในความไม่จงรักภักดี จนสร้างความเสื่อมเสียแก่ตน รัฐบาล ครอบครัว ทั้งที่ความจงรักภักดีของตนและครอบครัว เป็นที่ประจักษ์มาหลายชั่วอายุคน เพราะเป็นครอบครัวทหารอากาศ รับราชการมาตั้งแต่รุ่นปู่บิดา ขณะนี้กำลังมอบหมายให้ทีมงานกฎหมายไปดำเนินการทางกฎหมายกับพรรคประชาธิปัตย์ เพราะการใช้สถาบันระดับสูงมาทำลายทางการเมือง เป็นการสร้างความเสียหายแก่ระบอบประชาธิปไตย

นายจักรภพกล่าวว่า ขณะเดียวกันยังไม่สบายใจที่เห็นความตึงเครียดระหว่างรัฐบาลกับกองทัพในเรื่องนี้ตนเข้าใจดีว่าทหารเป็นองค์กรสำคัญที่สุดในการรักษาราชบัลลังก์

เมื่อมีคนตั้งใจจะหาเรื่องเอาเรื่องแปลผิดพลาดมา ทหารย่อมโกรธ ไม่พอใจ แต่เมื่อได้เห็นเอกสารที่ถูกต้องแล้ว เชื่อว่ากองทัพจะมีความเข้าใจกันและกันมากขึ้น ต้องขอบคุณนายทหารชั้นผู้ใหญ่ที่ออกมาปกป้องสถาบัน แต่เชื่อว่าวันนี้จะยุติความเข้าใจคลาดเคลื่อนที่มีคนอื่นคอยเสี้ยม ต้องขอบคุณ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ อดีตนายกรัฐมนตรี และ พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ผบ.ทหารสูงสุด โดยเฉพาะ พล.อ.สุรยุทธ์ได้ให้ความเห็นน่ารับฟัง คือทุกฝ่ายไม่ควรนำสถาบันมาเป็นประโยชน์ทางการเมือง อย่างไรก็ตามหลัง จากนี้ได้ขออนุญาตนายกรัฐมนตรีลากิจ 7 วัน เพื่อทุกคนมีเวลาได้อ่านและตัดสินเกี่ยวกับตนในขั้นต้นก่อนที่จะกลับมาทำหน้าที่อีกครั้ง หลังจากการแถลงข่าวครั้งนี้จะขอลากิจไปก่อน แล้วจะกลับมาร่วมทำงานอีกครั้งในสัปดาห์หน้า ระหว่างนี้จะรับฟังข่าวสารความเห็นบุคคลต่างๆในประเทศ เพื่อนำมาประกอบการตัดสินใจในการดำเนินการต่อไป

ผู้สื่อข่าวถามว่า ที่ผ่านมา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีได้ร้องขอให้ลาออกจากตำแหน่งใช่หรือไม่

นายจักรภพตอบว่า 3-4 วันที่ผ่านมา ได้ไปพบกับผู้ใหญ่หลายคน มีทั้งฝ่ายทหารและพลเรือน มีทั้งไปคุยโดยตรงและทางโทรศัพท์ ให้ความเห็นเรื่องนี้มากมายจนจำแทบไม่ไหว แต่ขอไม่ขยายความ เพราะเป็นการพบส่วนตัว ตนจะเป็นผู้ตัดสินอนาคตตัวเองคิดว่าไม่มีเหตุผลที่ต้องลาออก เพราะการลาออกตอนนี้สังคมจะไม่รู้ความจริง และคนที่พยายามจะเสี้ยมให้แตกแยกก็จะเสี้ยมต่อไป ตนต้องรับผิดชอบในส่วนตัวที่จะต้องตอบให้ได้

ผู้สื่อข่าวถามว่า การลากิจ 7 วันเพื่ออะไร

นายจักรภพตอบว่าช่วงเวลา 7 วัน จะมีเวลาทบทวนว่าพฤติกรรมอะไรของเรา ที่ทำให้คนแคลงใจจนถูกกล่าวหาร้ายแรง และต้องการให้สังคมมีโอกาสนำเอกสารเหล่านี้ไปศึกษาเพื่อตัดสินใจ มั่นใจว่าเรื่องของตนจะไม่เป็นชนวนให้เกิดความวุ่นวาย ผู้สื่อข่าวถามว่า หากหยุดงานกลับมาแล้วกระแสต่อต้านยังไม่หมดจะทำอย่างไร นายจักรภพตอบว่าจะไปว่ากันใหม่ตอนนั้นค่อยมาดูอีกทีว่ากระแสเป็นอย่างไร คนอย่างตนนั้นออกง่าย แต่ถามว่าเมื่อลุกออกไปเป็นการรับผิดชอบหรือมักง่าย ตนไม่มีผลประโยชน์กับการเป็นรัฐมนตรี จึงไม่มี เหตุผลในการรักษาเก้าอี้ตัวเอง

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีกระแสข่าวว่าถูกโดดเดี่ยวจากพรรคพลังประชาชน นายจักรภพตอบว่าที่ผ่านมายังไม่เคยอยู่คนเดียว อบอุ่นทั้งวันทั้งคืน

เรื่องแบบนี้ไม่มีการโดดเดี่ยว แต่จะมีคำว่าความรับผิดชอบส่วนบุคคล จะไปดึงใครเข้ามาเกี่ยวข้องไม่ได้ เป็นภารกิจที่ต้องทำเพียงลำพัง คิดว่าพรรคการเมืองที่สั่งสมประสบการณ์มานานจะอ่านเกมออกว่า จู่ๆ เป็นพรรครัฐบาลแล้วจะกลายไปเป็นเครื่องมือของพรรคฝ่ายค้านทำไม ผู้สื่อข่าวถามว่า ที่ผ่านมา พ.ต.ท.ทักษิณระบุว่าให้พิจารณาตัวเองทำให้ดูเหมือนว่าเป็นการถูกโดดเดี่ยวนายจักรภพตอบว่า “ผมคือผู้ที่ถูกกล่าวหาว่าหมิ่นเบื้องสูง ผมคือผู้ที่ได้รับการโปรดเกล้าฯ ให้เป็น รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นข้าพระบาท ผมต้องเป็นคนพิสูจน์และตัดสินใจอนาคตของตัวผมเอง คนอื่นเป็นความเห็นที่ผมรับฟังด้วยความเคารพนับถือและนำมาประมวลในการตัดสินใจเท่านั้น”



เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์