จักรภพขอเวลา เด้ง-ไม่เด้ง ปราโมชพ้น กรมกร๊วก

นายจักรภพ เพ็ญแข รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าววันนี้ (11 ก.พ.) กรณี นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีแนวคิดที่จะทำทีวีเสรีเพิ่มอีกหนึ่งสถานีว่า นายกรัฐมนตรีได้พูดถึงทางเลือกที่สำคัญ อยู่ในแผนการแก้ไขเรื่องการรับรู้ข้อมูลข่าวสารของประชาชน แต่ขณะนี้คงต้องฟังอีกหลายความคิดเห็น

หากจะเพิ่มสถานีโทรทัศน์ ต้องแยกสื่อออกเป็น 2 กลุ่ม คือ
 
สื่อสิ่งพิมพ์ที่รัฐบาลไม่มีอะไรที่จะเข้าไปเกี่ยวข้อง กับสื่อสิ่งพิมพ์ และสื่อวิทยุโทรทัศน์ที่เป็นของรัฐ จะเดินหน้าไปสู่การประเมินว่า ประชาชนได้รับความเป็นธรรมเรื่องข้อมูลข่าวสารในช่วงเวลาที่ผ่านมาหรือไม่ หากพบว่าประชาชนได้รับข้อมูลไม่ครบถ้วน ทั้งในแง่ปริมาณและคุณภาพ จะแก้ไขและสิ่งที่นายกรัฐมนตรีพูด ถือเป็นวิธีการหนึ่งที่จะใช้ในการแก้ไข

 รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า

การประเมินสื่อเท่าที่วางแผนในขณะนี้จะเป็นรูปแบบคณะทำงาน เพื่อศึกษาการรับรู้และความสมดุลของข่าวสาร คณะกรรมการอาจจะศึกษาและนำเสนอนโยบาย ถือเป็นการเปิดโอกาสให้หลายฝ่ายได้แสดงความคิดเห็น และรับทราบความคิดเห็นของฝ่ายต่างๆ ก่อนที่จะตัดสินใจ

"รัฐบาลจะเปิดสถานีโทรทัศน์ ระบบ ยู เอช เอฟ เพิ่มขึ้นหรือไม่ เป็นทางเลือกหนึ่ง ในการพิจารณาจะเอาปัญหาของประชาชนเป็นตัวตั้ง ไม่เอาทรัพยากรในวงการสื่อเป็นตัวตั้ง ไม่คิดว่า มีคลื่นหรือไม่มีคลื่น มีกฎหมายหรือไม่มีกฎหมาย เพราะอย่าลืมว่า ในช่วงเวลาที่ผ่านมา เราอยู่ในช่วงเผด็จการก็ยังเคารพกฎหมาย เมื่อมาเป็นรัฐบาลในยุคประชาธิปไตย ก็จำเป็นต้องประเมินสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงเผด็จการว่า มีการดำเนินการอย่างไร" รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว
 

นายจักรภพ กล่าวต่ออีกว่า

รัฐบาลมีความยินดีที่จะรับฟังความคิดเห็นของคนทั้งในและนอกวงการสื่อ เพราะทุกคนได้รับผลกระทบจากเรื่องนี้เป็นจำนวนมาก ขอยืนยันว่า แนวความคิดนี้ยังต้องมีการปรึกษาหารือ โดยเฉพาะการลงทุนทำสถานีโทรทัศน์ ที่เป็นการลงทุนของรัฐ จึงต้องมองหลายมิติ ทุกอย่างจะเกิดขึ้น หลังจากที่ได้ทำการประเมินและศึกษาก่อน โดยภายใน 1 เดือนหลังจากที่ได้รับผิดชอบงานจะชี้แจงให้สื่อทราบว่า จะมีแนวทางการดำเนินงานและระยะเวลาที่ชัดเจนอย่างไร


ต่อข้อถามว่าการพิจารณาเรื่องนี้จะรวมไปถึงสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม คือพีทีวีด้วยหรือไม่ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า

จะนำมารวมพิจารณาด้วย ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับสื่อ จะนำมาพิจารณาทั้งหมด ส่วนกรณีสถานีโทรทัศน์พีทีวี จะออกอากาศในวันที่ 15 ก.พ.นั้น ยืนยันว่า ตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสถานีพีทีวีทั้งในเรื่องของหุ้น การบริหาร หรือความสัมพันธ์ส่วนตัว จึงต้องเพิ่มความระมัดระวัง เพื่อไม่ให้เกิดความกังวลว่า จะเข้าไปเอื้อประโยชน์ให้กับคนที่รู้จักกัน ดังนั้น สถานีโทรทัศน์พีทีวีจะเปิดหรือไม่เปิดเป็นเรื่องของสถานีโทรทัศน์พีทีวี ซึ่งสถานีโทรทัศน์พีทีวีอยู่ภายใต้กฎเกณฑ์ของการบริหารงานสื่อภาครัฐ เช่นเดียวกับสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมอื่นๆ ตนจะให้ความเป็นธรรมกับทุกคนตามกรอบของกฎหมาย หากกฎหมายไม่เป็นธรรม ก็ต้องแก้ไขทั้งระบบ ไม่ใช่แก้เพื่อสถานีโทรทัศน์ช่องใดช่องหนึ่งเท่านั้น


นายจักรภพ กล่าวต่อกรณีมีการระบุว่า

เตรียมย้ายนายปราโมช รัฐวินิจ อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ว่า ตนจะแยกแยะคนเป็นสองกลุ่ม และยึดหลักปฏิบัติตามคำสั่งของรัฐบาล ส่วนข้าราชการที่เอนเอียงอย่างชัดเจน ทำในสิ่งที่ไม่จำเป็นต้องทำ หรือทำนอกหน้าที่ นอกเหนือคำสั่ง เพื่อให้เกิดคะแนนบวกเป็นส่วนตัว ในระหว่างที่เป็นรัฐบาลเผด็จการ คงต้องนำมาพิจารณา อย่างไรก็ตาม ยังตอบไม่ได้ว่า อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์จะอยู่ในกลุ่มไหน ขอเวลาอีกระยะหนึ่ง และ ตนจะเดินทางไปตรวจเยี่ยมและมอบนโยบายการทำงานเกี่ยวกับสื่อภาครัฐ ที่กรมประชาสัมพันธ์ในเร็วๆ นี้


เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์