จวกทหารล็อกเงียบผู้ต้องหา อ๋อยหวั่นซ้ำรอย3จังหวัดภาคใต้

จวกทหารล็อกเงียบผู้ต้องหา อ๋อยหวั่นซ้ำรอย3จังหวัดภาคใต้

19 มี.ค. 58 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีต รมว.ศึกษาธิการ และแกนนำพรรคเพื่อไทย

โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว "Chaturon Chaisang" วิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับการควบคุมตัวผู้ต้องหาแบบลับของฝ่ายทหาร ที่อาจเกิดการซ้อมผู้ต้องหาก่อนส่งต่อให้พนักงานสอบสวน ว่าเป็นวิธีการนี้สร้างความไม่ไว้วางใจและทำให้เกิดความชิงชังในกระบวนการ ยุติธรรม และอาจทำให้ผู้ถูกลงโทษซึ่งไม่ได้ทำความผิดหันเหไปจากการแก้ไขปัญหาด้วยวิธี การสันติวิธี จนนำประเทศเข้าสู่วิกฤตอย่างรุนแรง และอาจซ้ำรอยเหมือนสามจังหวัดภาคใต้
 
นายจาตุรนต์ ฉายแสง โพสต์ข้อความเฟซบุ๊กดังนี้
 
อย่าซ้ำรอยสามจังหวัดภาคใต้
 
เห็นข่าวการจับกุม คุมตัวแบบลับแล้วส่งต่อให้พนักงานสอบสวนซึ่งกำลังเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กัน อยู่ในขณะนี้แล้ว ทำให้ผมนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในสามจังหวัดภาคใต้ขึ้นมาทันที
 
เคยมีการหารือกันในหลายเวทีเกี่ยวกับการแก้ปัญหาความไม่สงบในสาม จังหวัดภาคใต้แล้วมีข้อสรุปว่า หากต้องการจะแก้ปัญหาให้ได้ ปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่งคือ จะต้องทำให้เกิดความไว้วางใจและความยุติธรรมขึ้นโดยจะต้องทำให้กระบวนการสืบ สวน สอบสวนและการดำเนินคดีเป็นไปอย่างถูกต้องเป็นธรรม
 
การจับกุม ควบคุมตัวแบบลับที่อาจเกิดการซ้อมทรมานก่อนการสอบสวนโดยพนักงานสอบสวน ทำให้การดำเนินคดีทั้งกระบวนไม่น่าเชื่อถือว่า จะเป็นไปด้วยความยุติธรรม ทำให้เกิดความโกรธแค้น ชิงชังและต่างฝ่ายต่างไม่หวังพึ่งกระบวนการยุติธรรม นำไปสู่ความไม่สงบอย่างต่อเนื่อง
 
น่าเสียดายที่แม้ว่า จะมีข้อสรุปทำนองนี้ครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ปัญหานี้กลับไม่ได้รับการแก้ไขอย่างจริงจัง ทำให้นับวันปัญหาความไม่สงบในสามจังหวัดภาคใต้ก็ยิ่งหนักหนาสาหัสมากขึ้น เรื่อยๆจนกระทั่งทุกวันนี้
 
ที่น่าเสียดายและน่าห่วงใยอย่างยิ่งก็คือ ไม่เพียงแต่ไม่มีความตระหนักต่อความเสียหายที่เกิดจากปัญหาสามจังหวัดภาคใต้ แต่ขณะนี้กลับมาทำซ้ำรอยในการจัดการกับปัญหาในจังหวัดอื่นๆรวมทั้งกรุงเทพฯ
 
ราวกับว่า ผู้มีอำนาจกำลังต้องการทำในสิ่งที่เคยเกิดและล้มเหลวในสามจังหวัดภาคใต้มาแล้ว
 
จะต่างกันอยู่บ้างอย่างประหลาดก็คือ คดีเกี่ยวกับความมั่นคงที่เกิดขึ้นในสามจังหวัดภาคใต้ไม่ต้องขึ้นศาลทหาร ซึ่งถูกต้องแล้ว แต่คดีที่เกิดนอกสามจังหวัดภาคใต้กลับต้องขึ้นศาลทหารและขึ้นศาลเดียว
 
การจับกุม คุมตัวผู้ต้องสงสัยแบบลับโดยไม่มีใครทราบว่า ไปขังไว้ที่ไหน ไม่แจ้งญาติ ไม่ให้พบทนายความนานถึง 7 วัน แล้วส่งต่อให้พนักงานสอบสวนอย่างที่กำลังทำกันอยู่นี้ทำให้กระบวนการสอนสวน ขาดความน่าเชื่อถือไปอย่างมาก
 
ไม่มีใครรู้ว่า มีการซ้อมผู้ต้องหาหรือไม่ มีการข่มขู่ บังคับให้รับสารภาพหรือซัดทอดอย่างมีเงื่อนไขหรือไม่ ทำให้สงสัยได้ว่า ผู้ที่ถูกดำเนินคดีทั้งหลายเป็นผู้กระทำความผิดจริงหรือไม่
 
ถ้าผู้ที่ถูกลงโทษไม่ใช่ผู้กระทำผิดจริง ก็หมายความว่า ผู้กระทำผิดจริงยังลอยนวลอยู่และอาจจะกระทำผิดและสร้างความเสียหายแก่บ้าน เมืองอีกก็ได้
 
ส่วนผู้ที่ถูกลงโทษทั้งๆ ที่ไม่ได้กระทำความผิด ก็ย่อมรู้สึกโกรธแค้นและไม่เชื่อถือในกระบวนการยุติธรรม รวมทั้งอาจหันเหไปจากการแก้ปัญหาโดยสันติวิธีก็ได้ด้วย
 
นอกจากนี้ ที่หลายฝ่ายเป็นห่วงกันมากก็คือ เมื่อเอาการจับกุม คุมตัวแบบลับมาผสมกับการสอบสวนดำเนินคดี อาจทำให้การดำเนินคดีมีลักษณะที่เกิดจากความมุ่งหมายทางการเมือง เช่น เพื่อการทำลายเครดิต ภาพพจน์ทางการเมืองของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งได้
 
กลายเป็นปัญหาทั้งขาดยุติธรรมและไม่มีความไว้วางใจซึ่งกันและกัน
 
วิกฤตของประเทศที่เกิดขึ้นต่อเนื่องกันมาในหลายปีมานี้ มีสาเหตุสำคัญอย่างหนึ่งมาจากการบังคับใช้กฎหมายอย่างไม่เป็นธรรม ทำให้มีคนจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆขาดความเชื่อถือในกระบวนการยุติธรรม
 
การจับกุมคุมตัวแบบลับแล้วส่งตัวให้พนักงานสอบสวนนี้
เป็นวิธีการที่ผิดและได้สร้างความเสียหายอย่างมากมาแล้วในสาม จังหวัดภาคใต้ เมื่อเอามาใช้ในขอบเขตทั่วประเทศ ย่อมมีแต่จะทำให้วิกฤตของประเทศยิ่งหนักหน่วงรุนแรงยิ่งขึ้นอย่างไม่ต้อง สงสัย
 
ที่กำลังทำกันอยู่ในเวลานี้จึงควรที่จะต้องทบทวนแก้ไขเสียโดยด่วน
 
--------------
#3จังหวัดภาคใต้ #กระบวนการยุติธรรม #19มีนาคม2558

เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์แนวหน้า


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์