แล้วข่าวความพยายามลอบสังหาร พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่ จ.ท่าขี้เหล็ก พม่า ก็ดำเนินไปในแนวทางเดียวกับ "คาร์บอมบ์" ที่บางพลัดเมื่อปี 2549
กล่าวคือ มีความพยายามทำให้ "คาร์บอมบ์" เป็นเรื่องตลก เป็นเรื่องของการจัดฉาก เพื่ออาศัยสถานการณ์สร้างคะแนนนิยม
คล้ายกับความพยายามทำให้ข่าวเรื่องการลอบสังหารที่ท่าขี้เหล็ก เป็นเรื่องของการกุข่าว
เป็นข้ออ้าง เพื่อจะไม่ต้องมาตอบคำถามเกี่ยวกับการปรับปรุงคณะรัฐมนตรี ที่ยังคาใจคนเสื้อแดงไม่น้อย
กรณีบางพลัดและท่าขี้เหล็กเป็นสิ่งที่ เอมิล บัวรัก (Emile Boirac 1851-1917) นักจิตวิทยาฝรั่งเศส อาจเรียกว่า "เดจา วู"
ย้อนอดีตไปสู่วันที่ 24 มี.ค.2549 ชุดอารักขา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีในสมัยนั้น ตรวจสอบรถเก๋งแดวู สีเทา ทะเบียน ฐฉ 3085 กรุงเทพมหานคร จอดใต้สะพานข้ามแยกบางพลัด
พบระเบิดทีเอ็นทีและซีโฟร์จำนวนมาก พร้อมจุดชนวนด้วยรีโมตคอนโทรล ซุกกระโปรงท้ายรถ
ต่อมาได้จับกุม ร.ท.ธวัช กลิ่นชนะ ขยายผลเชื่อมโยงไปสู่การจับกุม พ.อ.สุรพล สุประดิษฐ์ กับพวก
ภายหลัง จ.ส.อ.ชาคริต จันทระ หรือจ่ายักษ์ พลขับของ พ.อ.สุรพล รับสารภาพแผนสังหาร พ.ต.ท.ทักษิณ จึงกันไว้เป็นพยาน
แม้จะมีความพยายามกล่าวหาว่าเป็น "คาร์บ๊อง"
เพื่อจะบอกว่าเป็นการ "จัดฉาก" ของฝ่าย พ.ต.ท.ทักษิณเอง
เมื่อเกิดการรัฐประหาร 19 ก.ย.2549 เพื่อขับไล่ พ.ต.ท.ทักษิณ คดีนี้น่าจะเลิกล้มไป
แต่วันที่ 8 มี.ค.2550 พนักงานอัยการทหารมีความเห็น สั่งฟ้องผู้ต้องหา 3 คน ในความผิด 4 ข้อหา คือ
ร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน, ร่วมกันพยายามฆ่าเจ้าพนักงานโดยไตร่ตรองไว้ก่อน, ร่วมกันมีวัตถุระเบิดไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และร่วมกันมียุทธภัณฑ์ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย
และต่อมา ศาลทหารได้พิจารณาตัดสินจำคุก ร.ท.ธวัช 4 ปี 6 เดือน ปรับ 3,000 บาท
พ.ท.มนัส สุขประเสริฐ นายทหารรักษาความปลอดภัย ผอ.กอ.รมน. พร้อมด้วย พ.อ.สุรพล สุประดิษฐ์ หรือ เสธ.ตี๋ นายทหารฝ่ายการเงิน กอ.รมน. 6 ปี ปรับ 4,000 บาท
ในข้อหาร่วมกันมีวัตถุระเบิดไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต
ร่วมกันมียุทธภัณฑ์ที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต
ส่วนข้อหาร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ร่วมกันพยายามฆ่าเจ้าพนักงาน ให้ยกฟ้อง
ผลการตัดสินคดี ชี้ถึงข้อความจริงบางประการ
ทำให้ข้อสงสัยถึงแผนการเอาชีวิตด้วยการระเบิด มีน้ำหนักขึ้นทันที
ข่าวการลอบสังหารที่จังหวัดท่าขี้เหล็ก พม่า เริ่มต้นจากการจับกุมชาวพม่า กับจรวดอาร์พีจีและอาวุธปืน
ก่อนหน้าที่ พ.ต.ท.ทักษิณ จะเดินทางเข้า จ.ท่าขี้เหล็ก เพื่อพบปะกับคนเสื้อแดง ในวันที่ 9-10 พ.ย.
สุดท้าย พ.ต.ท.ทักษิณ ยกเลิกการเดินทางมายังแนวชายแเดน เหลือเพียงการพบปะผู้นำพม่า ที่เนปยีดอว์ เมืองหลวงใหม่ของพม่า
ปัญหาคือ การข่าวของหน่วยงานราชการ มิได้ยืนยันอย่างเป็นเอกภาพ
ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายทหาร หรือสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.)
ขณะที่นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายของ พ.ต.ท.ทักษิณ พุ่งเป้าไปที่ "คนดี คนเดิม"
เฟซบุ๊กของนายพานทองแท้ ยืนยันความเชื่ออย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอาวุธที่ทางการพม่าจับกุมได้
แม้ สมช.มาพลิกในภายหลังว่า มีความเป็นไปได้ แต่น้ำหนักคำยืนยันอาจไม่น่าเชื่อถือเท่าที่ควร
ทำให้ข้อเท็จจริงในปัญหานี้ เป็นเรื่องต้องเสาะหากันต่อไป
ท่ามกลางสภาพของการเมืองที่มุ่งเอาชนะกันอย่างเอาเป็นเอาตาย และสุดโต่งสุดขั้ว
หลังจากวิธีการถูกกฎหมายล้มเหลวครั้งแล้วครั้งเล่า
จึงเกิดข่าวล้มกระดาน ข้อเสนอแช่แข็งประเทศไทย ข้อเสนอปิดประเทศ
ล้วนแต่มีเป้าหมายอยู่ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ
ไม่ขัดแย้ง และอยู่ในแพคเกจสุดล้ำเหล่านั้นได้อย่างเนียนๆ
กระทู้ร้อนแรงที่สุดของวันนี้
กระทู้ล่าสุด
รูปเด่นน่าดูที่สุดของวันนี้
