คุณพ่อผมเป็น คอมมิวนิสต์

จากประชาชาติธุรกิจ



28 กันยายนที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าว "ประชาชาติธุรกิจ" ถาม ศ.ดร.อัมมาร สยามวาลา นักวิชาการเกียรติคุณ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย

(ทีดีอาร์ไอ) และที่ปรึกษาฝ่ายเศรษฐกิจ คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (คปค.) ว่า ถ้า พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ได้เป็นนายกรัฐมนตรี จะมีความเห็นอย่างไรหรือไม่?

ดร.อัมมารครุ่นคิดอยู่ครู่ใหญ่ก่อนกล่าวว่า ในชีวิตของผมรู้จักกับทหารอยู่ 2 คน คือ พล.ท. ไวพจน์ ศรีนวล (ปัจจุบันผู้อำนวยการสำนักงานข่าวกรองแห่งชาติ) ซึ่งทำงานร่วมกันในคณะกรรมการอิสระเพื่อความสมานฉันท์แห่งชาติ (กอส.)

อีกคนก็คือ พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ เคยทำงานเรื่องข้าวมาด้วยกัน

"ทำไปทำมาผลปรากฏว่าคุณสุรยุทธ์รู้เรื่องข้าวมากกว่าผมเสียอีก" (หัวเราะ)

อีกอย่างผมว่าถ้าคุณสุรยุทธ์เป็นนายกฯ จริงๆ จะน่าสนใจมาก เพราะอะไรรู้ไหม? เพราะคุณพ่อของคุณสุรยุทธ์เป็นคอมมิวนิสต์ เราจะได้ประกาศให้ทั่วโลกรับรู้ถึงความใจกว้างทางการเมืองของประเทศไทยที่พ่อของนายกรัฐมนตรีเป็นคอมมิวนิสต์


ความเห็นของอาจารย์อัมมารน่าสนใจ ก่อนหน้านี้ พล.อ.สุรยุทธ์ไม่ค่อยอยากพูดเรื่องอดีตของตนมากนัก



แต่เมื่อหลายปีก่อนในวงเสวนาทางวิชาการ เรื่อง จอมพล ป. พิบูลสงคราม ในทรรศนะ นักวิชาการและนักการทหาร (วันศุกร์ที่ 25 มิถุนายน 2536 เวลา 09.00-12.00 น.) พล.ท. สุรยุทธ์ (ยศในขณะนั้น) ได้เข้าร่วมวงอภิปราย



ที่ประกอบด้วย นายไกรศักดิ์ ชุณหะวัณ นายเกษียร เตชะพีระ นายชาญวิทย์ เกษตรศิริ และนายสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล

ตอนหนึ่งนายสมศักดิ์ถาม พล.ท.สุรยุทธ์ ด้วยความอยากรู้ว่า คุณอุดม ศรีสุวรรณ พูดถึงว่า เมื่อคุณพ่อของท่านแม่ทัพ คือ เสธ.โพยม จุลานนท์ พ่ายแพ้ในการพยายามยึดอำนาจเมื่อ 1 ตุลาคม 2491 แล้วได้หนีไปเมืองหาง

ตอนนั้นรักษาการแทนเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย เปี๊ยะโต หรือ คุณพายัพ อังคสิงห์ ได้ส่งอุดม ศรีสุวรรณ ไปที่เมืองหาง ไปพบกับท่าน เสธ.โพยม จุลานนท์ มาให้คุณพายัพ อังคสิงห์

คำถามคืออยากทราบว่าข้อมูลนี้เป็น

ความจริงแค่ไหน ถ้าเป็นจริงคำถามต่อมาคือ

ผมอยากทราบว่า เสธ.โพยมนี้รู้จักกับพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย คือ คุณพายัพ อังคสิงห์ เมื่อไร มีคนบอกผมว่า เสธ.โพยม รู้จักกับพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย ตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ราชบุรี

เพราะว่าคุณพายัพ อังคสิงห์ เป็นคนรับผิดชอบงานด้านราชบุรี ผมไม่ทราบว่าจริงหรือไม่

ประเด็นนี้ก็โยงไปอีกประเด็นหนึ่งว่า

ถ้าอย่างนั้นเนื่องจากการสมัครเข้าพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยของ เสธ.โพยม ใกล้กันมากกับการทำรัฐประหารเมื่อ 1 ตุลาคม ผมอยากทราบว่า ตอนที่คุณพ่อของท่านแม่ทัพทำรัฐประหารมีการเกี่ยวพันหรือมีการพูดคุยแลกเปลี่ยนกัน ไม่ว่าจะเป็นคุณพายัพ อังคสิงห์ ก็ดี หรือ พคท.โดยทั่วไปก็ดีหรือไม่


สุดท้ายอยากให้ท่านแม่ทัพพูดอะไรก็ได้เกี่ยวกับคุณพ่อของท่านแม่ทัพว่า ทำไมคุณพ่อถึงคิดอย่างไรที่พยายามทำรัฐประหาร จอมพล ป. ขอบคุณมากครับ



พล.ท.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ตอบคำถามของนายสมศักดิ์ว่า ผมพยายามเลี่ยงตรงนี้เพราะว่าผมมาพูดในหัวข้อเรื่องของจอมพล ป. แล้วผมคงจะตอบได้ในบางเรื่องที่ผมทราบ จากเหตุการณ์ที่อาจารย์ว่าแล้วตั้งแต่ปี 2491 ผมเองในช่วงนั้นก็ยังเด็ก จำได้ว่าผมอยู่ชั้นประถมปีที่ 2 ก็มีปัญหาเกิดขึ้น คุณพ่อก็ต้องลี้ภัยการเมือง

จากชั้นประถมปีที่ 2 มาอีกครั้งหนึ่งที่

ผมมีโอกาสได้พบก็คือหลังปี 2500 แล้ว

เข้ามาสมัครรับเลือกตั้งในพรรคสหภูมิของจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ก็เจอหน้ากันไม่ได้เท่าไร นับเป็นเดือนได้ไม่เกิน 6 เดือน ก็ไม่ได้

เจอกันอีก เจอกันครั้งสุดท้ายเมื่อปี 2523-2524 ก็เป็นโอกาสสุดท้ายที่ผมได้พบท่าน และท่านก็เสียชีวิต

เพราะฉะนั้น รายละเอียดต่างๆ ผมต้องถามจากคนอื่นทั้งนั้น ไม่ว่าอะไรเป็นอะไรรวมทั้งคุณอุดม ศรีสุวรรณ ด้วย ผมก็มีโอกาสได้คุยถึงความสัมพันธ์อะไรต่างๆ เป็นอย่างไร

ผมคงจะเรียนได้ว่าในช่วงก่อนปี 2491 หากว่าอาจารย์ดูกลุ่มที่เข้าร่วมในการก่อการครั้งนั้น จะเห็นว่าเป็นกลุ่มซึ่งมองภาพทางการเมืองแตกต่างไปจากรัฐบาลจอมพล ป. ที่ผมจับความได้ในช่วงนั้นมากๆ คือว่ามีตำรวจสันติบาลคอยตามคุณพ่อโดยตลอด

แล้วในส่วนของทางตำรวจเองก็มีการดำเนินงานในลักษณะที่ค่อนข้างจะใช้อำนาจมากเกินไป จนกระทั่งยอมทนไม่ได้ ก็จำเป็นที่จะต้องให้มีการเปลี่ยนแปลงในช่วงนั้น นี่คือสิ่งที่ผมรับทราบอยู่ประถม 2 นะครับ ต้องคิดว่าเด็ก ป.2 ที่รับมาได้ในช่วงนั้นมีอะไรบ้างที่มากระทบ


ช่วงหลังจากนั้นในสมัยจอมพลสฤษดิ์ ท่านก็เข้ามา ผมสอบเข้าโรงเรียนเตรียมทหารแล้ว

แต่ยังนุ่งกางเกงขาสั้นใส่เสื้อติดกระดุมคออยู่ เพราะเขายังไม่ให้แต่งเครื่องแบบในช่วงนั้น


ท่านก็กลับมา ผมก็ไปพบท่าน ท่านก็ถามว่าทำไมถึงเลือกเรียนทหาร


ผมก็บอกว่าผมชอบ ท่านถามว่าแล้วจะเป็นทหารอะไร

หมายถึงว่าเป็นเหล่าทหารอะไร ผมบอกว่าผมเป็นทหารบก ท่านบอกว่าทำไมไม่เลือกเรียนอย่างอื่น ทำไมไม่เลือกเรียนจุฬาฯ วิศวะ

เพราะรุ่นผม รุ่นอาจารย์ชาญวิทย์ ก็จบวิศวะกันจำนวนมาก

ผมเรียนโรงเรียนนายร้อยเองก็ไปทำ lab

ที่วิศวจุฬาฯ ก็เจอเพื่อนๆ ซึ่งเรียนชั้นเดียวกัน ผมก็มานั่งคิดอยู่ในช่วงนั้นว่า ทำไมคุณพ่อถึงไม่อยากให้เป็นทหาร แต่ก็สอบไปแล้ว

เข้าไปเรียนแล้ว ก็ไม่คิดว่าจะลาออกไปทำไม พูดง่ายๆ ว่าไม่ get เลย ที่ท่านพูด ก็ผมชอบของผมอย่างนี้ก็ออกมาเป็นอย่างนี้

แล้วคุณพ่อก็หายไปอีกครั้งหนึ่ง ผมก็เรียนต่อมาโดยตลอด

จนกระทั่งจบจากโรงเรียนนายร้อยเป็น

นายร้อยตรีแล้วถึงได้รับผลกระทบว่าสิ่งที่เราต้องการอยากจะเป็น เราต้องการอยากจะ

ทำนั้น ทำไม่ได้ เพราะคุณพ่อไปเป็นสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย ผมก็สมัครที่จะไปทำงานอยู่ที่จังหวัดอุดรธานี กองทัพบกไม่อนุมัติ ให้ผมอยู่ลพบุรี เพราะว่าไปอยู่อุดรฯนี่ชายแดนเกินไป

ผมก็เลยเป็นคนลพบุรีมาตั้งแต่นั้น จนกระทั่งบัดนี้ 17 ปีแล้ว หลายรอบแล้ว หมุนเวียนไปหมุนเวียนมา จนกระทั่งมีความรู้สึกว่าชีวิตในราชการช่วงต้นๆ นั้นก็คงยอมให้เหตุการณ์เป็นไปตามแรงกดดันทางด้านการเมืองบ้าง จากอะไรต่างๆ บ้าง


แต่สิ่งที่ผมตั้งใจคือว่าอยากจะดูว่าถ้าอยู่ในราชการ จะไปได้ถึงไหนในชีวิตอย่างผม ในฐานะอย่างผม จากคนที่ถูกเพ่งเล็งนี้จะไปได้แค่ไหน

และผมก็พยายามที่จะทำงานในหน้าที่ ก็ยอมรับว่าไม่ได้คิดว่าเป็นคนที่เก่งกาจมีความสามารถอะไร แต่ว่ามีแรงดันที่ว่าตัวเองจะต้องทำด้วยตัวเอง ต้องสู้ด้วยลำแข้งของตัวเอง ก็เลยต้องสู้มาจนถึงบัดนี้ ขอบคุณครับ

นี่คืออัตชีวประวัติส่วนตัวที่พล.อ.สุรยุทธ์ ไม่ค่อยพูดให้ใครฟังบ่อยนัก

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์